เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 742 อย่าหลอกฉันได้ไหม
วันต่อมา ซูยาวตื่นสายมาก
อาจเพราะเมื่อคืนนอนดึกมาก เกือบจะตี4กว่าถึงจะนอนหลับ แล้วประมาณ9โมง เธอก็ตื่น โดยรวมแล้วก็นอนได้ไม่กี่ชั่วโมง
ในตอนที่ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาข้างล่าง เพ้ยส้าวหลี่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องอาหาร เห็นเธอลงมา ก็กวักมือเรียกเธอ “หิวหรือยัง มา กินข้าว”
ขณะที่พูด เขาก็ส่งสายตาให้พี่เลี้ยง พี่เลี้ยงรับรู้ ก็รีบยกอาหารแบบเดียวกันมาอีกครั้ง สไตล์จีนผสมผสานตะวันตก มากมายหลายแบบ
ซูย้าวมองดูอาหารที่น่าอร่อย แต่กลับไม่มีความอยากอาหาร เพียงแค่ดื่มนมสองสามอึก สุ่มหยิบแซนวิชขึ้นมากิน เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังสวนมาข้างหูอีกครั้ง “เมื่อคืนหลับดีไหม?”
เธอชะงักเล็กน้อย ไม่ได้โต้ตอบอะไรมากนัก เพียงแค่ทำทีพยักหน้า ยกมือขึ้นปัดผมยาว หาวหนึ่งทีอย่างง่วงนอน “ดีมาก น้อยมากที่จะนอนหลับจนฟ้าสว่างแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ยังรู้สึกเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มอยู่เลย”
ชายหนุ่มยิ้มเบาๆ วางหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ ยื่นมือไปกุมมือของเธอ “งั้นอีกเดี๋ยวก็นอนต่อเถอะ! วันนี้ยังมีธุระอื่นอีกไหม?”
เธอเองก็เงยหน้าขึ้น “มีนิดหน่อย แต่ไม่ได้สำคัญมาก เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
เพ้ยส้าวหลี่ไม่ได้ถามอะไร ดวงตาลุ่มลึก ราวกับสระน้ำสีดำ ไม่อาจแตะต้อง
ซูย้าวสูดหายใจลึก “ก่อนหน้านี้ฉันไหว้วานคนอื่นให้ช่วยตามหาคน ผ่านไปหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าตรวจสอบเจอไหม วันนี้เตรียมจะไปถาม”
เขาพูด “เรื่องแบบนี้ ทีหลังมอบหมายให้หลี่ปินทำเถอะ!”
หลี่ปินคือเลขาของเขา อยู่ข้างกายเขามาหลายปีแล้ว เป็นคนจริงใจซื่อตรง ซื่อสัตย์ภักดี
พูดได้เลยว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของเพ้ยส้าวหลี่ โดยปกติแล้วเรื่องมากมาย จะมอบหมายให้เขารับผิดชอบด้วยตัวเอง
ซูย้าวยิ้มเล็กน้อยอย่างให้ความร่วมมือ ในสมองมีบทสนทนาที่ได้ยินนอกห้องหนังสือเมื่อคืนแวบผ่าน รอยยิ้มบางๆ ที่อยู่บนใบหน้าตอนนี้ ก็มีความเยาะเย้ยถากถางขึ้นมา แต่ถูกขนตาหนายาวของเธอบดบังไว้ และจงใจตบตา ไม่ให้เขาสังเกตเห็น
เธอกินแซนวิชต่อ เพ้ยส้าวหลี่ส่งนมร้อนให้เธออีก “พี่เลี้ยงไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไร อยากกินอะไร ก็สั่งให้พวกเขาไปทำ”
ซูย้าวพยักหน้า “โอเค”
จากนั้นเขาก็หยิบเอกสารสองฉบับออกมาจากล่างหนังสือพิมพ์ ส่งให้เธอ “เธอลองดู”
เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ หยิบไปพลิกดู ฉบับแรกเกี่ยวกับสัญญาการพัฒนาเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ที่อ้าวไห่ อีกฉบับนึงเกี่ยวกับการพัฒนาเกาะอันเอ๋อร์ในทะเลปินไห่
ซูย้าวอ่านดูคร่าวๆ บนเอกสารเพียงแค่อธิบายรายละเอียดข้อมูลของทั้งสองโครงการ รวมถึงแผนมหภาค ซึ่งเป็นแผนเบื้องต้นทั่วไปและเรียบง่ายที่สุด
“สองโครงการนี้ นายตั้งใจรับช่วงต่อ?”เธอถาม
เพ้ยส้าวหลี่ยกแก้วน้ำที่อยู่ข้างมือขึ้น ดื่มสองอึก วางลงแล้วถึงพูดขึ้น “ประมาณนั้น มีความคิดนี้อยู่ เธอคิดว่าสองโครงการนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ซูย้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้ามองเอกสารในมืออีกครั้ง “เหมืองแร่คาลาเวอไรต์ ก็นับว่าเป็นแร่หายาก หากสามารถประมูลเพื่อสิทธิในการทำเหมืองตามสัญญาได้ แม้ว่าการลงทุนครั้งแรกจะมีจำนวนมาก แต่ในอนาคตถือได้ว่าเป็นกำไรที่มั่นคงไม่ขาดทุน สำหรับเกาะอันเอ๋อร์ เกาะนี้ฉันไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ แต่ถ้าฉันจำไม่ผิด น่าจะเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดตามแนวชายฝั่ง”
เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินเกาะอันเอ๋อร์มาจากอานเจียเย้น ลักษณะของเกาะนี้แบนราบ สาเหตุุที่ไม่มีการพัฒนาหรือขยายมาหลายปีเพราะลักษณะเกาะไม่ดี แม้ว่าภูมิประเทศจะไม่เลว แต่ทั้งเกาะเป็นหินแข็ง ไม่มีพืชสีเขียว ยากที่จะพัฒนาเป็นโครงการท่องเที่ยว
ดังนั้นทั่วทั้งเกาะ จึงไม่มีคนอาศัยอยู่มาโดยตลอด แม้แต่ชาวประมงที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง ยังไม่สนใจ ด้วยเหตุนี้จึงถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปี ไม่มีใครสนใจ
ดังนั้น จู่ๆ ได้ยินชื่อเกาะอันเอ๋อร์อีกครั้งจากเพ้ยส้าวหลี่ ซูย้าวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ ทำไมเกาะร้างที่เข้าถึงไม่ได้และไม่มีคุณค่าในการพัฒนา ถึงถูกพวกเขากล่าวถึงครั้งแล้วครั้งเล่า?
เพ้ยส้าวหลี่เปิดกล่องบุหรี่ หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวล วางไว้บนริมฝีปากแต่ไม่ได้รีบจุดไป “ถูกต้อง เป็นเกาะไร้ผู้อาศัยที่ใหญ่ที่สุดตามแนวชายฝั่ง และไม่มีคุณค่าในการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว มันจึงอยู่ในสภาพที่รกร้างมาโดยตลอด”
“แล้วทำไมจู่ๆ นายถึงมีข้อเสนอนี้ล่ะ?”เธอย้อนถาม
เขายิ้มพลางจุดบุหรี่ สูดเข้าลึกๆ แล้วพ่นวงแหวนควันที่สวยงามออกมาช้าๆ แววตาเต็มไปด้วยควันลึกซึ้งยากที่จะแยกออก “เพราะก่อนหน้านี้มีคนเคยจ้างนักธรณีวิทยาหลายคนมาทำการตรวจสอบเกาะเล็กๆ แห่งนี้ เกาะนี้มีแร่ธาตุหายากจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นทองแดง”
ดวงตาของซูย้าวหดตัวด้วยความประหลาดใจ “ถ้ามีทองแดงจริง ขุดแร่ออกมา ก็จะได้รับสิทธิ์ในการทำสัญญาก่อนจากผลประโยชน์นี้ เป็นการซื้อขายที่ไม่เลว”
“ดังนั้นนะ ฉันเตรียมที่จะเอาสองโครงการนี้ แบบนี้ภายในครึ่งปี เราก็จะสามารถมีกำลังมากพอ ที่จะต่อสู้กับอานเจียเย้น”เขากล่าว
ซูย้าวก้มศีรษะเบาๆ กัดสองสามคำกินแซนวิชที่เหลืออยู่ในมือให้หมด หลังจากกลืนลงไป ถึงพูด “ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่เป็นไปได้ แต่ประมูลโครงการเกาะอันเอ๋อร์คาดว่ากรุ๊ปเพ้ยซื่อคงไม่มีปัญหาอะไร แต่สิทธิในการขุดเหมืองแร่คาลาเวอไรต์ เกรงว่ากรุ๊ปเพ้ยซื่อจะประมูลมาไม่สำเร็จได้ง่ายๆ นะ!”
เขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆ “มันขึ้นอยู่กับความพยายาม ค่อยเป็นค่อยไป ถึงยังไงการประมูลก็จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือน ระหว่างนี้เราค่อยๆ เตรียมตัวได้”
บนใบหน้าที่เรียบนิ่งของเธอไม่มีการตอบสนองมากนัก เพียงแค่ถามหนึ่งประโยค “ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม?”
ดวงตาที่ลุ่มลึกของเพ้ยส้าวหลี่ขยับ ท้ายที่สุดก็เผยรอยยิ้ม เอื้อมมือไปกุมแก้มของเธอ “สิ่งเดียวที่ฉันต้องการ ก็คือให้เธอเป็นคู่หมั้นที่ดีของเธอ ทุ่มเทหัวใจ”
เขาพูดบางเบา แต่ความหมายลึกซึ้ง
ซูย้าวมองไปที่เขา ยิ้มตาม
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่โอบเธอ หลังจากทิ้งรอยจูบไว้บนหน้าผากเธอหนึ่งที ก็เอนตัวลุกขึ้น หยิบเสื้อสูทด้านข้าง “ฉันจะไปบริษัทแล้ว อีกเดี๋ยวเธอออกจากบ้านก็ให้พ่อบ้านเตรียมรถให้”
เธอนั่งอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนสีหน้า จนกระทั่งชายหนุ่มออกห่างจากตัวเธอ เธอถึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ส้าวหลี่…..”
ซูย้าวเรียกเขาไว้ หันตัวอยู่บนเก้าอี้ มองไปที่เขา “ต่อให้เป็นการแสดง เป็นความสัมพันธ์จอมปลอม แต่ข้อแลกเปลี่ยนก็เป็นของจริง นายอย่าหลอกฉัน ได้ไหม?”
ร่างที่สูงใหญ่ของชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย แววตาหยั่งลึกโดยไม่รู้ตัว แต่ก็รีบขับไล่ความซับซ้อนออกไป หันไปหาเธอแล้วยิ้มให้อย่างมีเสน่ห์ แล้วใช้มือใหญ่ลูบศีรษะเธอ “ฉันหลอกเธอได้หรอ? ตอนนี้ทุกอย่างก็เพื่ออนาคตไม่ใช่หรอไง? ไม่งั้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของกรุ๊ปเพ้ยซื่อ ไม่มีทางแข่งขันอานเจียเย้นได้เลยนะ”
ไม่มีทางแข่งขันกับอานเจียเย้นได้ หรือไม่มีทางโค่นล้มลี่เฉินซีได้กันแน่?
การแลกเปลี่ยนหนึ่งครั้ง ครึ่งนึงจริงครึ่งนึงปลอม
ท้ายที่สุดแล้ว ล้วนแต่เพื่อผลกำไร ล้วนแต่เป็นการแสดง
ซูย้าวเองก็กวาดดวงตาที่มีหมอกควัน ส่งรอยยิ้มให้เขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “โอเค ลำบากนายแล้ว”
“ยัยบ๊อง”เขาพูดแผ่วเบา ลูบศีรษะเธออีกครั้ง หลังจากมองเธออย่างลึกซึ้ง ถึงหันตัวออกไป
ซูย้าวฟังเสียงรถที่ทิ้งฝุ่นไว้ด้านนอก หน้าท้องที่เต็มไปด้วยลมมาตลอดก็ถูกดึงพลังออกมาทันที ทรุดลงอย่างอ่อนแรง มือที่วางอยู่บนโต๊ะพยุงศีรษะไว้ ถอนหายใจ
แผนของพวกเขาเริ่มต้นแล้ว นี่ถูกกำหนดไว้เป็นสงครามที่ยืดเยื้อ ทุกย่างก้าวหลังจากนี้ ตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู อันตรายจากรอบด้าน
เธอก็ไม่ได้อยู่ต่อนาน หยิบกระเป๋าออกประตูไป ไม่ได้ให้พ่อบ้านตามมาหรือไปส่ง ตนเลือกที่จะขับรถด้วยตัวเอง หลังจากสตาร์ทรถออกมาจากคฤหาสน์เพ้ย กังวลว่าจะมีคนตามมา วนรอบถนนสองสามรอบ หลังจากมั่นใจว่าไม่มีคนตามหางมา ถึงขับรถไปทางชานเมือง
โรงแรมรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนที่ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ เนื่องจากทำเลดีเยี่ยม สภาพแวดล้อมงดงาม จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมาไม่ขาดสาย บางครั้งคนจากสังคมชั้นสูง ก็มาคุยธุรกิจลับ หรือเจรจาหารือกันที่นี่ ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ที่เยี่ยมยอดที่สุด
เมื่อซูย้าวมาถึง แสดงตัวตน ก็มีพนักงานดูแลตลอดทาง พาเธอมาถึงชั้นบน
ห้องสวีทอันหรูหรา เมื่อเปิดประตูออก คนที่อยู่ด้านใน กลับเกินความคาดหมายของซูย้าว ทำให้เธอชะงักไปช่วงหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้