เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 743 เป็นคนก็มักจะเปลี่ยนแปลงได้
ภายในห้องที่โอ่อ่าและอบอุ่น บนโซฟาหนังทรงกลม ร่างที่ชัดเจนของลี่เฉินซี ชุดสูทสีอ่อนขับผิวขาวของเขาให้เด่นขึ้น ออร่าโดดเด่น คิ้วที่คมเท่ห์ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็มักจะดูน่าหลงใหล เห็นได้อย่างชัดเจน
บนที่นั่งข้างๆ เขา เจียงจี้เซิงในชุดสูทสีเข้มก็ดูหล่อเหลาเช่นกัน ตัดกันกับผิวที่ขาวนวล บนสันจมูกมีแว่นตากรอบทอง ทำให้ความเยือกเย็นที่ซ่อนอยู่ทั่วทุกแห่งของคนผู้นี้ ตัดกันราวกับสุภาพบุรุษ
ทันทีที่ซูย้าวเห็นทั้งสอง หลังจากชะงักไปเล็กน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ ก็หรี่ตาสวยงามโดยไม่รู้ตัว
ทำไมเธอถึงพบว่า ไปที่ไหนก็มักจะเจอลี่เฉินซีล่ะ?
หายใจเข้าลึกๆ อย่างช่วยไม่ได้ ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก เจียงจี้เซิงก็เอ่ยปากก่อน “คุณอาน นั่งก่อน”
เธอกลับส่ายศีรษะเบาๆ ร่างยืนอยู่ข้างประตูไม่ขยับ พูดแค่ “ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิด รบกวนทั้งสองคนแล้ว โทษที ฉันมาหาคนอื่น”
ดวงตาที่หยั่งลึกของลี่เฉินซีผละออกจากตัวเธอ ทำเหมือนตั้งแต่ต้นก็ไม่ได้เหลือบมองเธอเลย เฉยเมยราวกับปฏิบัติต่อคนแปลกหน้า ไม่พูดไม่จา
เจียงจี้เซิงพูดต่อ “งั้นคนที่คุณอานจะมาหาคือ……”
เขาลากเสียงยาว สายตามองไปที่ลี่เฉินซี ดวงตาหยั่งลึกอย่างเห็นได้ชัด แต่ในตอนนี้ เสียงผู้ชายด้านหลังก็ดังขึ้นมาได้ทันเวลา
“เธอมาหาฉัน”
เจียงจี้ฉีเดินออกมาจากห้องด้านในพอดี ร่างที่สูงใหญ่ สวมใส่ชุดกีฬา บวกกับที่อายุไม่มากนัก ดังนั้นจึงมักจะให้ความรู้สึกเหมือนเด็กหนุ่มสดใสข้างบ้าน
เขาเดินตรงเข้ามาหาซูย้าวสองสามก้าว ขณะเดียวกันก็กวาดตามองไปที่ผู้ชายสองคนบนโซฟา พูดบางเบา “ฉันมีธุระกับเธอนิดหน่อย”
จากนั้น เจียงจี้ฉีก็พาซูย้าวออกจากห้อง ทั้งสองเดินไปที่ล็อบบี้ด้านนอก เดินไปซูย้าวก็ถามไป “เรื่องนั้นตรวจสอบเป็นยังไงบ้าง? หาคนเจอหรือยัง?”
เมื่อได้ยินเจียงจี้ฉีก็ขมวดคิ้ว ครู่ใหญ่ถึงพูดขึ้น “หาคนนั้นไม่เจอ ตรวจสอบไม่มีเบาะแสอะไร แต่ว่า อีกคนหนึ่งหาเจอแล้ว”
ขณะที่พูด เขาก็หยิบกระดาษโน้ตที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ บนนั้นเป็นหมายเลขห้องผู้ป่วยและที่อยู่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ส่งให้เธอ “คนคนนี้ค่อนข้างป่วยหนัก เรือนจำจึงจัดให้ไปรักษาในโรงพยาบาล ดูเหมือนจะไม่นานเท่าไหร่ ก็เลยหาได้ง่าย”
ซูย้าวเหลือบมอง ก็หยิบกระดาษโน้ตแผ่นนั้นมา ถามต่อ “แล้วทางด้านอู๋หยาน ไม่พบเบาะแสสักนิดเลยหรอ?”
เจียงจี้ฉีถอนหายใจเบาๆ “มันแปลกมากจริงๆ ฉันก็ส่งคนไปตรวจสอบประวัติการรักษาเมื่อหนึ่งปีก่อนที่ต่างประเทศแล้ว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำศัลยกรรม ดูเหมือนจะมีการทำศัลยกรรมใบหน้า แต่ก็ไม่สามารถตัดสินจากสิ่งนี้ได้ว่า อู๋หยานเปลี่ยนตัวตนกับคนอื่นแล้ว”
เขาชะงักเล็กน้อย พูดต่อ “ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าอู๋หยานตอนนี้เป็นตัวปลอม เช่นนั้นแล้วอู๋หยานตัวจริง ฉันกลับหาไม่เจอเลย……”
เจียงจี้ฉีแทบจะใช้เครือข่ายของตระกูลเจียงทั้งหมดแล้ว ค้นหาพื้นที่ขนาดใหญ่ในเมือง A และเมือง D แม้กระทั่งหลิ่งโจวที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนแต่ไม่มีข้อมูล
ดวงตาของซูย้าวจมดิ่งช้าๆ ความคิดก็เริ่มสั่นคลอนตาม
เจียงจี้ฉีครุ่นคิด “ตอนนี้คาดว่ามีแค่สองสถานการณ์นี้แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเราคาดเดาผิด อู๋หยานไม่ได้เปลี่ยนตัวตนกับคนอื่น ก็นิสัยเปลี่ยนหรือเปล่า! วันนี้ชอบแบบนึง พรุ่งนี้ชอบอีกแบบนึง ก็เป็นไปได้นะ”
ซูย้าวชะงักเล็กน้อย มีความเป็นไปได้แบบนี้?
ถ้าเป็นคนทั่วไป บางทีอาจจะง่าย
ถึงอย่างไรรักข้างเดียวไม่สมหวังมานาน เป็นใครก็ต้องอยากละทิ้งมัน อยากที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ว่า ตามความเข้าใจของเธอ อู๋หยานหลงรักเจียงจี้เซิงมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยเหตุผลของสองครอบครัวตระกูลใหญ่ พวกเขาในวัยเด็กก็ติดต่อกันบ่อยครั้ง ดังนั้น ผู้ชายที่รักมาสิบกว่าปี จนแทบจะฝังลึกเข้ากระดูก จะหวั่นไหวได้อย่างง่ายดายหรอ?
ความเป็นไปได้นี้ ต่ำเกินไปหรือเปล่า!
เจียงจี้ฉีมองความสงสัยในแววตาเธอออก อดไม่ได้ที่จะขำแล้วพูดขึ้น “ก็เหมือนกับเธอไง ก่อนหน้านี้พี่ชายฉันพูดให้ฟัง ว่าเธอเป็นภรรยาของลี่เฉินซี ต่อมาก็เป็นภรรยาเก่า เดิมทีนึกว่าจะคืนดีแต่งงานกันอีกครั้ง รักกันชั่วนิรันดร์ แต่ตอนนี้ เธอก็กลายเป็นคู่หมั้นของเพ้ยส้าวหลี่แล้วไม่ใช่หรอ?”
ระหว่างที่คุย ทั้งสองก็เดินมาถึงล็อบบี้แล้ว สุ่มหาที่นั่งนั่งลง เจียงจี้ฉีพูดต่อ “ดังนั้นนะ ผู้หญิงล้วนแต่ไม่แน่นอน”
“ก็ไม่ใช่แค่ผู้หญิง ชายหญิงล้วนเหมือนกัน เป็นมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงได้ง่าย”
แววตาที่สับสนของซูย้าวกระชับแน่น ทำไมถึงพูดเลอะเทอะมาถึงตนได้?
เธอไตร่ตรองอย่างรอบคอบ พูดขึ้นช้าๆ “ฉันยอมรับว่าคนเราเปลี่ยนแปลงง่าย แต่สำหรับเรื่องนี้ ก็ยังแปลกๆ อยู่”
เจียงจี้ฉีเองก็ก้มศีรษะ “งั้นก็เป็นผลลัพธ์อย่างสุดท้ายแล้ว พวกเราเดาถูกแล้ว อู๋หยานอาจจะเปลี่ยนตัวตนกับบางคน เพราะเหตุผลบางอย่าง แต่ระหว่างนั้นเกิดเรื่องขึ้น ทำให้ตัวของเธอเองสูญหาย”
ซูย้าวมีแนวโน้มไปทางการคาดเดานี้มากกว่า “หาต่ออีกหน่อยเถอะ! ถ้าตอนนี้อู๋หยานยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เป็นไปได้ว่าเธอจะมีอันตราย ถ้าเธอถูกฆ่าอย่างเลือดเย็นแล้ว งั้น…..ทางที่ดีก็หาศพเธอให้เจอ”
แต่กระนั้น ถ้าถูกฆ่าไปแล้วจริงๆ งั้นอีกฝ่ายจะต้องทำลายศพ ทำลายหลักฐานชิ้นสุดท้ายอันนี้ไปแล้วแน่ เพื่อที่จะบรรลุการฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบ ถึงจะสามารถครอบครองตัวตนของอู๋หยานได้เป็นเวลานาน
ดังนั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่คิดจะหาก็สามารถหาเจอได้แน่นอน
เจียงจี้ฉีครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับ “ก็ได้ ถึงยังไงฉันก็ไม่มีเรื่องต้องทำมากนัก จัดไปคนไปหาอีกแล้วกัน!”
ซูย้าวยิ้มย่างนุ่มนวล ทั้งสองคุยกันต่อสักพัก เธอก็เตรียมจะกลับ แต่ทันทีที่บอกลาเจียงจี้ฉี ยังไม่ทันออกจากล็อบบี้ ก็มีพนักงานเดินเข้ามา “ไม่ทราบว่าให้คุณอานไหมคะ?”
เธอชะงักเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าหงึกๆ ไป
“คุณอาน คุณลี่มีธุระจะคุยกับคุณ ให้คุณเสร็จธุระแล้วไปที่ห้องเขาหน่อยค่ะ”พนักงานพยักหน้าด้วยความเคารพ น้ำเสียงบางเบา ไพเราะสุภาพ
หัวใจของซูย้าวกระชับขึ้นทันที นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างในห้องที่ถ้ำสำราญมังกรเมื่อวานนี้ การต่อต้านที่ไม่รู้มาจากไหนก็พุ่งเข้ามาในใจ ดังนั้นเธอจึงพูดโดยไม่ต้องคิด “งั้นฉันฝากไปตอบคุณลี่ ฉันยังมีธุระ ไม่มีเวลาจริงๆ ”
พูดจบ เธอก็ไม่สนใจว่าพนักงานจะพูดอะไรต่อ เดินตรงลงชั้นล่างไป
เมื่อเธอเดินมาถึงชั้นล่าง ภายในห้องโถงใหญ่ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา ครึกครื้นวุ่นวาย เสียงผู้คนอื้ออึง
“กริ๊งกริ๊งกริ๊ง……”
มือถือที่เธอใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ก็ดังขึ้นกะทันหันอย่างไม่รู้เวลา
ซูย้าวหยิบมือถือออกมา มองดูเบอร์ที่ปรากฏอยู่ด้านบน ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่อดทน ลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็รับสายไป
“คุณลี่นี่มีความพากเพียรจริงๆ แต่น่าเสียดาย ฉันออกมาจากโรงแรมแล้ว ครั้งหน้าเถอะ!”เธอพูดเรียบง่ายตรงไปตรงมา ความหมายปฏิเสธชัดเจนอย่างมาก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ ตอนที่เธอกำลังจะวางสาย ฝั่งนั้นก็มีเสียงแหบกร้าวของชายหนุ่มดังสวนมา “เงยหน้า”
เธอชะงัก เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่เห็นเพียงห้องโถงที่พลุกพล่าน โคมไฟระย้าเจิดจรัส และภาพจิตรกรรมฝาผนังบนเพดานอันวิจิตรงดงามทุกรูปแบบ
เสียงลุ่มลึกของชายหนุ่มจากปลายสายพูดต่อ มีเสน่ห์และร้อนแรง “หมุนตัว มองด้านบน”
เธอสีหน้าแปลกใจ หมุนตัวเงยหน้าขึ้นอีกครั้งตามคำพูด กวาดสายตามองไปที่ที่ต่ำก่อน ครู่ใหญ่ ถึงเลื่อนมองไปที่สูง แน่นอน เธอมองเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสอง
ร่างของลี่เฉินซีชัดเจน สง่างามเหมือนอย่างเคย ใบหน้าเฉยเมยงดงาม ราวกับเดินออกมาจากภาพวาด ออร่าโดดเด่น ทำให้เขาเปล่งประกายได้ทุกที่ทุกเวลา
เขาในตอนนี้ ยืนท้าวรั้วระเบียงด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างถือโทรศัพท์ ดวงตาที่ลุ่มลึกหรี่ลงเบาๆ มองไปที่เธอชั่วพริบตา ราวกับมองดูทะเลที่ไม่มีสิ้นสุด แต่มีความพลุ่งพล่านซ่อนอยู่
“ขึ้นมา เดี๋ยวนี้”เขาพูด
ซูย้าวต่อต้านและขัดขืนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่เย็นชามืดลงในทันที เธอขมวดคิ้วแน่นอย่างตั้งใจ ก้มศีรษะมองเวลาในนาฬิกาข้อมือ จากนั้นถึงพูด “วันนี้ไม่ได้ สายแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว!”
พูดจบ ก็กังวลว่าเขาจะทำอะไรอีก จึงรีบเปลี่ยนคำพูดไปคร่าวๆ “พรุ่งนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ฉันไปหานายที่ถ้ำสำราญมังกร……”
ลี่เฉินซีไม่ได้พูดอะไรต่อ กดวางสายไปด้วยตัวเอง
เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น แววตาที่ลึกซึ้งไม่จากไปไหน เฝ้าดูเธอที่อยู่ชั้นล่างเงียบๆ
ซูย้าวไปกล้ามองเขาอีก เดิมทีก็เป็นคำพูดขอไปที จะหวังให้เขามองผ่านได้ยังไง รีบหมุนตัว ถือกระเป๋าเข้าไปในทะเลผู้คน ออกจากโรงแรมไป