เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 751 ทะเลาะกันอีกแล้ว
ลี่เฉินซีมองดูเธออย่างสงบนิ่ง แม้จะเป็นสายตาที่วิบวับ หรือสายตาที่แปลกประหลาด แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ บนใบหน้าที่เรียบเฉยของซูย้าว ก็ไม่เผยให้เห็นอาการใดๆ
ดวงตาลุ่มลึกของเขาก็หม่นหมองลงทันที หรือจะเป็นเพราะเธอไม่ได้พูดโกหกจริงๆ หรือไม่ก็ฝีมือการแสดงของเธอยอดเยี่ยมจนแม้แต่เขาก็หลอกได้
มีความเป็นไปได้ทั้งสองแบบ แต่เขาจะยอมเอนเอียงไปทางแบบไหน
ซูย้าวก็นั่งลงอย่างอึกอัก ขมวดคิ้วเล็กด้วยความสับสนเล็กน้อย “มันเป็นเรื่องเล็กน้อยของการทำงาน คุณจะไล่ถามฉันทำไมกัน?”
อีกทั้งการถูกเขาบีบบังคับเหมือนสอบปากคำนักโทษ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
คิ้วสวยของเธอขมวดมุ่น”ที่สำคัญ ฉันจะโกหกหรือไม่ เกี่ยวกับคุณด้วยหรือ?คุณอย่าคิดว่ามีอะไรกับฉันแล้ว ฉันก็จะจงรักภักดีต่อคุณ!”
เมื่อคำพูดนี้ หากเธอคิดใคร่ครวญบ้าง จะไม่พูดออกมาจากปากอย่างเด็ดขาด
เพราะคำพูดเป็นเหมือนมีดไร้เงาเล่มหนึ่ง บางครั้ง มีพลังทำลายล้างคนรุนแรงมาก
ใบหน้าลี่เฉินซีมืดครึ้มลงอย่างสิ้นเชิง ความแหนบหนาวแฝงเร้นอยู่ในดวงตา แล้วก็จับแก้มเธอขึ้นมาอย่างไม่แปลกใจ ใช้แรงกระชากดึงเธอเข้ามาใกล้ สายตาที่บีบบังคับเต็มไปด้วยความข่มขู่”ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าผมได้คุณแล้ว จะรักเดียวใจเดียวกับคุณหรือ?”
สีหน้าของเธออึ้งไป พูดไม่ออกสักคำ
“คุณประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว หรือว่าประเมินผมต่ำไป?”เขายิ้มเยาะเย็นชาดุจสายลม หนาวเหน็บจับใจ
จากนั้น เขาคลายมือออก โยนเธอไปด้านข้างอย่างไร้ความปรานี และร่างสูงใหญ่ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่โซฟา เก็บเอกสารและคอมพิวเตอร์ทำงานของตัวเอง แล้วนำของออกจากห้องไป
เมื่อเขาออกไป ก็ไม่ได้กลับมาทั้งคืนเลย
ซูย้าวก็ไม่รู้สึกอยากนอน นั่งอยู่บนเตียงที่ว่างเปล่า กอดเข่าอย่างเหม่อลอย
เธอ โกหกแล้วหรือ?
เคยพูดไปมากจริงๆ
คำโกหกนี้ ก็เหมือนคำสาปที่ไร้เงา ตราบใดที่คุณพูดออกมา ก็จะต้องแต่งคำโกหกนับไม่ถ้วนออกมาเพื่อคำโกหกก่อนหน้านั้น
ดังนั้น เมื่อพูดออกมาแล้วก็ไม่สามารถดึงกลับได้ และก็กลายเป็นแบบนี้
แต่หากมุ่งเป้าไปที่โครงการเหมืองแร่คาลาเวอไรต์เหมืองแร่ทองคำแท่งก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้โกหกอะไร สิ่งที่ควรจะพูด ก็เป็นเพียงความหมายที่ชัดแจ้งตามตัวหนังสือเท่านั้น หากจะว่ามีอะไร ก็คือเธอไม่ได้บอกความกังวลในใจของเธอออกมาเท่านั้นเอง
โครงการนี้ จู่ๆ ก็ถูกเพ้ยส้าวหลี่พูดขึ้นมา จากนั้น ในโทรศัพท์เขาก็เคยบอกว่าอานเจียเย้นรู้เรื่องนี้แล้ว Double Aceกรุ๊ปก็มีความประสงค์จะเข้าร่วมประมูลด้วย
เพ้ยส้าวหลี่คนนั้น จู่ๆ จะโพล่งคำนี้ออกมาอย่างไม่มีจุดประสงค์หรือ?
ย่อมไม่ใช่
และสิ่งที่เธอคาดเดา ก็ไม่มีอะไรมาก ประการแรกอาจจะเป็นโครงการนี้จริงๆ ขณะที่กรุ๊ปเพ้ยซื่อมีเจตนาเช่นนี้ Double Aceก็มีความคิดนี้เหมือนกัน จุดประสงค์ล้วนต้องการจะพัฒนาตัวเองให้เติบโตขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องการทำเงิน ไม่มีใครกังวลว่าเงินมากไป
หากเป็นเพียงเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นความกังวลและคิดมากของเธอ ก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป
แต่ว่าหากเป็นอีกแบบหนึ่งตามต่อไปนี้?
นั่นก็คือเป็นเพียงกับดักเท่านั้น ความเป็นจริงของโครงการยังไม่ต้องไปคำนึง แค่เพียงโครงการนี้ เมื่อตอนที่ระดมทุน ตั้งแต่เตรียมการจนถึงประมูล คนของบริษัทเองก็ต้องทุ่มเงินก้อนโตลงทุนเหมือนกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับโครงการนี้ ?
อย่าว่าแต่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเลย รวมทั้งกรุ๊ปเพ่ยซื่อกับDouble Ace ล้วนจะตกสู่หุบเหวลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุดทันที
ความเป็นไปได้แบบนี้ไม่ใช่ไม่มี ก็คือเธอยังไม่ชัดเจนในชั่วขณะหนึ่ง หากนี่เป็นกับดัก แล้วใครเป็นคนวางกับดักนี้?
เมื่อพิจารณามาถึงความตระหนกนี้ เธอทำได้เพียงพยายามพูดทุกอย่าง เพื่อหวังว่าลี่เฉินซีจะปล่อยมือ อย่าไปหลงกลกับสิ่งนี้ ไม่อาจจะดูแคลนความสามารถของบริษัทลี่ซื่อได้แล้ว ต้องการจะหาเงินหรือว่าขยายใหญ่ มีวิธีการมากมาย ไม่จำเป็นจะต้องดึงดันกับสิ่งนี้
แต่ไม่คิดว่า ไม่กี่คำพูดของเธอ เขาก็สงสัยว่าเธอกำลังคิดร้ายอยู่ ในที่สุดก็จากกันไปอย่างไม่ยินดี เธอก้มหน้าถอนหายใจไม่หยุด กุมศีรษะน้อย ยื่นมือไปปิดไฟหัวเตียง ดึงผ้าห่ม แล้วนอนลงไปอีกครั้ง
……
ชั้นล่างของโรงแรม ที่ห้องโถงใหญ่ เจียงจี้เซิงมองดูชายหนุ่มที่สูบบุหรี่มวนต่อมวนอยู่เบื้องหน้าอย่างจนปัญญา แล้วถอนหายใจ”คุณทำแบบนี้ทำไม?”
“กว่าจะพาเธอกลับมาอยู่ข้างกายได้มันไม่ง่ายเลย คุณก็รู้ดี แม้ว่าเธอจะหลอกคุณ ก็เพื่อปกป้องคุณกับลูกๆ เป็นความตั้งใจที่ดี คุณก็ทำเป็นมองไม่เห็นบ้าง ร่วมมือกับเธอก็พอแล้ว!”
เจียงจี้เซิงพูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด รู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ในช่วงนี้ เขาพูดจนปากจะเปื่อยแล้ว เขาถอนหายใจอย่างรำคาญ”เกมนี้ เธอเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง เธอขัดขวางคุณอย่างสุดขีด ก็เพราะต้องการปกป้องคุณ คุณไม่ต้องการให้เธอปกป้อง ถ้าอย่างนั้นก็ควรสนับสนุนเธออย่างว่าง่าย ไม่มีเรื่องอะไรจะทะเลาะกับเธอทำไม?”
ร่างสูงศักดิ์ของลี่เฉินซีเอนกายพิงนั่งอยู่ข้างๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมองไปทางเขาอย่างเย็นชา มือดีดบุหรี่ แล้วจึงเอ่ยปากขึ้นว่า”แล้วคุณล่ะ?”
“เสียเวลาอย่างมากในการติดตามเซียวไน่ ไม่ง่ายเลยที่เธอไม่รู้สึกไม่ชอบคุณแล้ว ทำไมถึงงอนกันอีก?”
เมื่อตอนที่เขาออกมาจากห้องนอน ก็พบกับเจียงจี้เซิงที่ระเบียงทางเดินโดยบังเอิญ ท่าทางใบหน้าโศกเศร้าและโกรธ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะทะเลาะกับเซียวไน่มา
เจียงจี้เซิงกระตุกริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ หัวเราะออกมาอย่างเขินอาย และก็จุดบุหรี่มวนหนึ่ง เงยหน้าพิงไปที่โซฟา”ผมกับเธอเป็นเรื่องเล็ก ไม่เหมือนกับพวกคุณ”
ลี่เฉินซีเชื่อเรื่องนี้สนิทใจอย่างไม่สงสัย เขาเชื่อว่า คู่รักสามีภรรยาร้อยละเก้าสิบเก้าจุดเก้า ล้วนไม่เหมือนเขากับซูย้าวแบบนี้
ก่อนที่เธอจะสูญเสียความจำ ก็จีบยากแล้ว ตอนนี้ความจำเสื่อม แล้วก็เพิ่มอานเจียเย้นมาหนึ่งคน ยังมีเพ้ยส้าวหลี่อีกคน ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก!
เจียงจี้เซิงเก็บความซับซ้อนในดวงตาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบเสื้อคลุมแล้วลุกขึ้น เอียงข้างกวาดตามองดูเขาแวบหนึ่ง” ไปดื่มกันหน่อยไหม?”
ลี่เฉินซีไม่ตอบ แต่ดับไฟบุหรี่ในมือ แล้วลุกขึ้นตามไปด้วย
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันถัดไป ท้องฟ้าแจ่มใส พระอาทิตย์สาดส่อง
ซูย้าวก็ตื่นแต่เช้า หลังจากทำความคุ้นเคยแล้ว มองดูร่องรอยที่ต้นคอของตัวเองในกระจกแล้ว ขมวดคิ้วถอนหายใจอย่างขมขื่นเพราะว่ามาอย่างเร่งรีบ ทำให้ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าอะไรมาด้วย เลยใช้ชุดสูทของเขาคลุมแล้วเดินลงมาชั้นล่าง
เธอเดินตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อซื้อชุดกระโปรงแล้ว ก็เลือกเสื้อคลุมตัวหนึ่ง และยังไม่ลืมที่จะซื้อผ้าพันคอด้วย แล้วผูกเป็นรูปดอกกุหลาบที่ต้นคอ ทั้งสวยและยังสามารถปกปิดร่องรอยเหล่านั้นได้ ก็ถือว่าไม่เลว
หลังจากนั้น เธอก็รู้สึกหิวเล็กน้อยแล้ว กำลังคิดอยู่ว่าจะไปหาอะไรกินที่ร้านฟาสต์ฟู้ดใกล้ๆ แต่ปรากฏว่าพบเซียวไน่ที่มาซื้อของที่นี่
ทั้งสองก็ไม่ใช่ว่าเจอกันครั้งแรก บวกกับก่อนหน้านั้นเคยเจอกันมาก่อน เพราะฉะนั้นจึงทักทายกันอย่างเป็นธรรมชาติ เซียวไน่มาที่นี่เพื่อเลือกซื้อของขวัญให้ลูกสาว หลังจากเจอซูย้าวแล้ว ก็ไปกินข้าวกับเธอ
“ระหว่างคุณกับประธานเจียง ดูเหมือนจะประนีประนอมกันมากแล้ว”ซูย้าวพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจขณะที่กำลังกินแฮมเบอร์เกอร์
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ สายตาเซียวไน่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่พยักหน้า “ยังดี ไม่ว่าอย่างไร ลูกสาวยังต้องการพ่อคนหนึ่ง………..”
ประโยคเดียว ซูย้าวก็ฟังออกแล้ว ที่เซียวไน่ยอมอ่อนข้อให้ชั่วขณะก็เพื่อลูกสาว
แต่ว่า ดูเหมือนว่าอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรเจียงจี้เซิงคนนั้น ก็โดดเด่นทุกด้าน กับเซียวไน่ก็ถือว่าจริงใจ และน่าจะปฏิบัติต่อเธออย่างดี
ทั้งสองคุยกับครู่หนึ่ง เมื่อกินเสร็จแล้ว ซูย้าวก็มีเจตนาจะเดินเป็นเพื่อนเธอ อย่างไรเสียมาที่นี่ก็ไม่มีเรื่องอะไรจะต้องทำ
การที่ผู้หญิงรวมตัวกันเดินช้อปปิ้งด้วยกัน จะต้องเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากอย่างแน่นอน
เซียวไน่นิสัยดี และก็เป็นคนที่ร่าเริง ดังนั้นทั้งสองถือว่าคุยถูกคอกันอย่างผิดปกติ เวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมง ก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีที่ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่คุยกัน
ตอนที่ออกมาจากห้างสรรพสินค้า เป็นเวลาบ่ายแล้ว เดิมทีทั้งสองวางแผนกันว่าจะไปเดินเล่นใกล้ๆ แถวนี้อีก แต่ซูย้าวสังเกตเห็นหน้าร้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เป็นร้านขนมว่างตะวันตกธรรมดา ธุรกิจหลักก็คือประเภทขนมเค้กอบทำนองนั้น ไม่ถึงกับดึงดูดความสนใจของคน แต่สิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของเธอ คือสัญลักษณ์ที่ป้ายหน้าร้าน
ดูมองดูอย่างละเอียดอยู่หลายสิบรอบ แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ดูผิดอย่างแน่นอน
เป็นสัญลักษณ์ของDouble Aceกรุ๊ป
แต่ธุรกิจในเครือของDouble Ace มีร้านขนมว่างตะวันตกด้วยหรือ?
ในขณะเดียวกัน ในรถที่จอดอยู่ริมถนนด้านหลังทั้งสอง สายตาเคร่งขรึมของลี่เฉินซีมองตามไปทิศทางสายตาเธอมองไป เนิ่นนาน รอยยิ้มบางๆ จึงผุดขึ้นที่ริมฝีปาก
“ดูซิ เป้าหมายของคุณสำเร็จแล้ว เธอได้สังเกตเห็นแล้ว” เจียงจี้เซิงกล่าวเรียบๆ อยู่ข้างๆ