เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 757 แกทำร้ายเธอ?
แต่ความเป็นจริงพิสูจน์ว่าลี่เฉินซีไม่ได้รอให้ซูย้าวนอนจนตื่นขึ้น
เนื่องจากประมาณหกโมงเช้า เจียงจี้เซิงได้มาเคาะประตูห้องของพวกเขาบอกว่ามีธุระด่วน ดังนั้นทั้งสองคนจึงออกไปด้วยกัน
เมื่อซูย้าวตื่นขึ้นมาเธอพบว่าเธอนอนหลับสบายมากทีเดียว ก่อนจะยืดตัวบิดขี้เกียจมองไปรอบห้องอันว่างเปล่า เธออดที่จะครุ่นคิดไม่ได้ว่า เขาบอกกับเธอจะทำเพียงแค่กอดเธอหลับ ผู้ชายที่เป็นสัตว์ประเภทที่อยู่ด้วยร่างกายส่วนล่างจริงๆ !
เธอหรี่ตาลงเมื่อคิดถึงลี่เฉินซี จากนั้นก็รีบลุกขึ้นไปล้างหน้าแต่งตัว ตอนที่เดินลงไปด้านล่างก็พบเข้ากับเซียวไน่พอดี
“วันนี้จะไปตรวจสอบโรงงานแป้งเหรอ?” เซียวไน่รีบถามขึ้น
ซูย้าวชะงักลงเล็กน้อย “ก็มีความคิดนี้อยู่บ้างเหมือนกันค่ะ”
เซียวไน่มองดูเธอแล้วยิ้ม “ฉันไปเป็นเพื่อนคุณนะ!”
“เอ่อคือ……” ซูย้าวทำท่าครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ การเดินทางไปโรงงานแป้งในครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ถ้ามันอันตรายก็จะพาคุณไปแย่ด้วยน่ะสิคะ”
อีกอย่างซูย้าวมักทำการใดเพียงลำพังจนเป็นความเคยชินแล้ว แม้ว่าการมีเพื่อนร่วมเดินทางจะเป็นเรื่องดี แต่หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็คงจะทำให้เซียวไน่ลำบากไปด้วย แล้วเธอจะเผชิญหน้าเจียงจี้เซิงได้อย่างไร?
เซียวไน่มองไปยังเธอด้วยอารมณ์ทั้งขำและอยากจะร้องไห้ “แย่อะไรกันคะ ไม่ได้ถึงขั้นนั้นสักหน่อย ฉันอยู่คนเดียวทีนี้ก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ถือเสียว่าฉันออกไปสูดบรรยากาศข้างนอกแล้วกันนะ”
ที่จริงแล้วเธอไม่เคยชินกับการพักอาศัยอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ เธอกับเจียงจี้เซิงยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่แม่บ้านพ่อบ้านก็มักจะเรียกเธอว่าคุณผู้หญิง ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
อีกอย่าง เซียวไน่อยากจะกลับไปเมืองAเหลือเกิน เพราะว่าลูกสาวของเธอยังอยู่ที่นั่น แต่เธอก็พอจะมองออกว่าธุระของเจียงจี้เซิงยังไม่เสร็จ ต่อให้เธอกลับไปคนเดียวในตอนนี้ ระหว่างทางก็คงจะถูกเขาจับกลับมาอีก ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว
ซูย้าวทนไม่ได้กับการอ้อนวอนของเธอ ดังนั้นจึงตอบตกลง
ทั้งสองคนรีบรับประทานอาหารเช้า จากนั้นหยิบเสื้อคลุมกับกระเป๋าเดินออกจากประตูไป ครั้งนี้พวกเธอไม่ได้ตัดสินใจเดินเท้าหรือเรียกรถโดยสาร เนื่องจากว่าโรงงานแป้งอยู่ค่อนข้างห่างไกลดังนั้นทั้งสองคนจึงขับรถออกไป
ณ.หลิ่งโจว โรงงานแป้งที่อยู่เครือข่ายDouble Aceกรุ๊ปมีอยู่สองแห่ง เนื่องจากไม่แน่ใจว่าโรงงานไหนที่มีปัญหา ดังนั้นจึงทำได้เพียงตรวจสอบทั้งหมด
แต่หากว่าเดินทางไปเช่นนี้ ทุกคนรับรู้ว่าเธอเป็นใครก็คงอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้ อีกทั้งคงจะเป็นการดึงดูดความสนใจของอานเจียเย้น ดังนั้นซูย้าวจึงทำได้เพียงปิดบังตัวตนของเธอเองแล้วมอบหมายหน้าที่อันสำคัญนี้ให้กับเซียวไน่
“เดี๋ยวคุณเข้าไปด้านในหาผู้รับผิดชอบ จากนั้นบอกกับพวกเขาว่าคุณต้องการจะออเดอร์แป้งจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องการสนทนากับผู้รับผิดชอบโดยตรง จากนั้นพยายามหาเหตุผลข้ออ้างพยายามโน้มน้าวให้เขาออกมา ก่อนจะใช้ยูเอสบีนี้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้รับผิดชอบโครงการ ยื้อเวลาให้ฉันสักสิบกว่านาทีก็คงจะพอ”
ในขณะที่ซูย้าวพูดเธอก็ได้เปิดคอมพิวเตอร์ของตนเองออก แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยคุ้นเคยการใช้คอมพิวเตอร์สักเท่าไหร่ แต่เรื่องแฮกข้อมูลเล็กน้อย เธอก็ยังพอมีความมั่นใจอยู่บ้าง ดังนั้นการใช้โปรแกรมในการแฮกคอมพิวเตอร์ระบบของอีกเครื่องหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าเรื่องยาก
ซูย้าวตั้งใจฟังเธออธิบายอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะพยักหน้ารับรู้ เธอพยายามให้ตนเองผ่อนคลายลง จากนั้นหยิบกระเป๋าเดินลงจากรถไป
หลังจากที่เซียวไน่เดินทางจากไป ซูย้าวก็จ้องมองไปที่คอมพิวเตอร์และคำนวณเวลา หากว่าเกินกว่าสามนาทีแล้วเซียวไน่ยังไม่ออกมาก็คงจะเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ
เธอได้เตรียมแผนทุกอย่างไว้พร้อมเสร็จ เพียงไม่นานต่อมาคอมพิวเตอร์ก็ได้ปรากฏหน้าจอเตือน ซูย้าวยิ้มออกมาเบาๆ มองดูแล้วเซียวไน่คงจะประสบผลสำเร็จในขั้นแรก
ซูย้าวรีบใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างเป็นประโยชน์ ทุกวินาทีผ่านไปอย่างมีค่า เวลาประมาณสิบกว่านาที ก็สามารถแฮกเข้าสู่ระบบของอีกฝ่ายหนึ่งได้ จากนั้นคัดลอกข้อมูลในเครื่องทั้งหมดมา วินาทีที่เธอออกจากโปรแกรมแฮกระบบ เซียวไน่ก็เดินออกมาจากโรงงานแป้งเช่นกัน
เมื่อทั้งสองคนขึ้นรถ เธอก็ถอนหายใจออกมายาวแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าจะวุ่นวายกว่านี้เสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่สงสัยฉันเลย”
เซียวไน่หยิบขวดน้ำออกมาดื่มก่อนจะพูดต่อไปว่า “เสร็จหมดหรือยัง เรียบร้อยดีไหม?”
ซูย้าวพยักหน้าจากนั้นยกมือขึ้นทำท่าโอเคให้เธอ เซียวไน่ยิ้มออกมาเบาๆ “ถ้าอย่างงั้นก็ดี ว่าแต่ เมื่อสักครู่ฉันสั่ง แป้งไปห้าสิบตัน คือ……”
“อะไรนะ? เท่าไร?” ซูย้าวถามด้วยความตกตะลึง
เซียวไน่รู้สึกกระสับกระส่ายและพยักหน้าตอบว่า “คือ ฉันกลัวว่าถ้าบอกจำนวนน้อยไปแล้วอีกฝ่ายจะไม่ให้ความสำคัญก็เลย……”
ซูย้าว “……”
แป้งจำนวนห้าสิบตัน!
เธอจะซื้อแป้งมากมายขนาดนั้นมาทำอะไรกัน?!
แต่เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ หากเธอสามารถได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ละก็ เงินจำนวนเหล่านี้จะถูกจ่ายไปโดยคุ้มค่า อีกอย่างเซียวไน่ก็ต้องการช่วยเธอ ดังนั้นจะไปโทษหล่อนไม่ได้
“เอาล่ะค่ะไม่เป็นไรเหรอ ห้าสิบตันก็ห้าสิบตันสิ ฉันมีวิธีจัดการอยู่เหรอน่า” เมื่อซูย้าวพูดจบก็เก็บคอมพิวเตอร์ลงจากนั้นติดเครื่องรถแล่นไปยังโรงงานที่สอง
โรงงานแป้งทั้งสองโรงงานนั้น โรงงานที่หนึ่ง ตั้งอยู่ที่ทางตะวันออกของหลิ่งโจว อีกเมืองหนึ่งตั้งอยู่ในทางใต้หลิ่งโจว เรียกได้ว่าทะลุผ่านแทบทั้งเมืองหลิ่งโจว
หลังจากที่ไปถึงจุดหมายปลายทาง ในครั้งนี้เซียวไน่มีประสบการณ์มาก่อนแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำใดๆ จากซูย้าว เธอหันไปคว้ายูเอสบีแล้วเตรียมลงจากรถ แต่ขณะที่เธอกำลังจะจากไปซูย้าวก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปรั้งเธอแล้วพูดว่า “เอ่อคือ……”
“คือว่า ถ้าเป็นไปได้ สั่งออเดอร์น้อยลงหน่อยได้มั้ย?”
เซียวไน่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าพูดว่า “อืม ครั้งนี้หันสั่งแค่หนึ่งตันพอ!”
ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนที่ซูย้าวจะมองตามเซียวไน่เดินเข้าไปในโรงงานแป้ง
แต่ครั้งนี้ เธอเข้าไปเป็นเวลาถึงสามสิบนาทีด้านคอมพิวเตอร์ก็ยังไม่มีอะไรแจ้งเตือน แม้แต่ตัวเซียวไน่เองเข้าไปแล้วก็ยังไม่ได้กลับออกมา ไม่มีร่องรอยใดเลย
เมื่อเธอรู้สึกว่าเรื่องราวอาจจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ดังนั้นจึงตัดสินใจโทรหาเซียวไน่ หลังจากที่เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ไม่กี่สาย ก็ถูกอีกฝ่ายหนึ่งตัดสายทิ้ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ซูย้าวก็ยิ่งรู้สึกว่ากระสับกระส่าย เธอพยายามครุ่นคิดพิจารณาและรู้สึกว่าไม่สามารถเสียเวลาได้อีกต่อไปดังนั้นจึงปิดคอมพิวเตอร์ลงจากรถ
เนื่องจากว่าบริเวณรอบนอกโรงงานแป้งล้วนมีกล้องวงจรปิด ส่วนตัวเองก็กังวลว่าจะถูกเปิดเผยตัวตนแล้วอานเจียเย้นจะจับตาดูเธอ ดังนั้นเธอจึงหยิบหมวก ปีกว้างใส่หน้ากากสีดำ เธอขยับปลายปีกหมวกลงมาก่อนจะไปค้นหาไม้ตีกอล์ฟจากด้านหลังรถ แล้วเดินเข้าไปในโรงงานแป้ง
บางครั้งความรู้สึกที่หกของผู้หญิงก็เกินกว่าที่จะจินตนาการได้
ในบางครั้งไม่จำเป็นต้องมีสิ่งใดมาพิสูจน์ มีเพียงแค่ลางสังหรณ์ก็เพียงพอ
ด้านในโรงงานแป้งนั้น เซียวไน่ถูกพวกคนกลุ่มหนึ่งจับมัดมือมัดเท้าเอาไว้ แล้วค้นหาบางอย่างบนร่างกายเธอ จากนั้นนำโทรศัพท์มือถือและยูเอสบียึดไป
ชายอ้วนคนหนึ่งในชุดสูทนั่งอยู่ที่บนโซฟาสายตามองไปยังยูเอสบีและโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้ม เขาจ้องไปยังผู้หญิงที่ถูกลูกน้องจับมัดเอาไว้ คำสบถออกมาจากปากเขาไม่ขาด ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วตบลงไปที่หน้าของเซียวไน่อย่างจัง
“แม่งเอ้ย ใครส่งแกมาที่นี่?”
เซียวไน่รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที มุมปากของเธอนั้นมีเลือดไหลสีแดงสด ทั้งเจ็บปวดและอึดอัด
แต่เธอก็พยายามอดทนเอาไว้แล้วกัดฟันไม่พูดอะไรออกมา
เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงได้ยกมือขึ้นแล้วตบลงไปที่หน้าของเซียวไน่อีกสองครั้ง “เพี๊ยะ เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือดังสนั่น ทำให้เซียวไน่แทบจะกระอักเลือด
“แม่สาวน้อย นอนอยู่บนเตียงให้พวกผู้ชายหาความสำราญและมีเงินใช้ไม่ดีหรือไง? คิดจะทำตัวเป็นแฮกเกอร์ แกคิดว่าแกเป็นใครกันหืม? กินดีหมีมาหรืออย่างไรถึงได้ใจกล้าขนาดนี้ รู้หรือเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน แกมาเหยียบที่ของฉัน……”
ชายหนุ่มยังไม่ทันจะสบถออกมาจบ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากข้างนอกเข้ามารบกวนด้านใน
เขาตกตะลึงเล็กน้อยแล้วชี้ไปยังบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างเป็นความหมายให้ผู้เข้าออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก พวกเขาเหล่านั้นได้รับคำสั่งก็ได้เดินออกไปจากประตูทันที แต่ยังไม่ทันไรประตูของห้องทำงานก็ถูกผลักออกด้วยแรงมหาศาล
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นล้วนตกตะลึงกับฉากตรงหน้า ก่อนจะหันไปตามต้นเสียงและพบว่าซูย้าวเดินเข้ามาอย่างไม่หวาดกลัว มือข้างซ้ายของเธอถือไม้กอล์ฟเอาไว้ มันทำมาจากโลหะ ตรงปลายเต็มไปด้วยเลือดสีแดงแปดเปื้อน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ดวงตาอันเต็มไปด้วยความอาฆาตจับจ้องไปยังเซียวไน่ที่ถูกมัดไว้อยู่บนโซฟา
ซูย้าวเห็นมุมปากของเซียวไน่ที่บวมแดงอีกทั้งยังมีรอยของคราบเลือด เธอก็เข้าใจในสถานการณ์ได้ทันที เธอมองไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ท้ายที่สุดสายตาก็จับจ้องไปยังชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแล้วถามว่า “แกทำร้ายเธอ?”