เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 766 ถูกกระตุ้น
ประมาณเมื่อสี่เดือนก่อนหน้านี้ งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ในศตวรรษ จนกลายเป็นหัวข้อข่าวเด่น แม้แต่ตามถนนและตรอกซอยต่างๆ ก็ยังเป็นที่รู้จักพูดคุย
นั่นก็คือข่าวเรื่องที่ลี่เฉินซีจะแต่งงานกับอานหว่านชิง
การแต่งงานครั้งนี้เขาจัดขึ้นมาด้วยความจริงใจ แม้จะเร่งรีบไปเล็กน้อย แต่ก็มาจากใจจริงและแสดงถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
แต่ตัวซูย้าวเองนั้น เนื่องจากเหตุผลนานาประการจึงทำให้ไม่อาจเดินเข้าไปในห้องวิวาห์กับเขาได้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหนีการแต่งงาน
ด้วยเหตุผลหลายประการหลังจากที่เธอพิจารณาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วนั้น จึงได้ตัดสินใจที่จะวางเพลิงและหาคนเข้ามาแทนที่ ในวันแต่งงานของเธอก่อนหลบหนีไป
เหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้น ทำให้คฤหาสน์หรูพังทลายไปโดยชั่วพริบตา งานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ต้องล้มเลิกลง ลูกของเขาอีกสองคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องนอนโรงพยาบาล
การผ่าตัดรักษาลี่เจิ้งและลี่หมิงดำเนินไปอย่างเนิ่นนาน ต่อมา เจี่ยงเวินอี๋ก็ได้หายตัวไป ทำให้ต้องให้ความร่วมมือในการให้การของตำรวจอีกทั้งลี่ซื่อถูกใครยางฟ้องร้อง เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ทำให้ลี่เฉินซีวุ่นวายอยู่หลายวัน
จนกระทั่งเมื่อเขาเจียดเวลาออกมาได้ ลี่หมิงก็ได้ทำการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากที่ค่อยๆ ได้สติฟื้นขึ้นมาเธอก็บอกเพียงว่าอู๋หยานเป็นคนเลว กระทั่งเมื่อเจอเธอก็มีปฏิกิริยาค่อนข้างต่อต้านและรุนแรงมาก”
ลี่หมิงแตกต่างไปจากลี่เจิ้ง เนื่องจากเขาอยู่กับโลกภายนอกตั้งแต่เล็ก ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อและแม่ ไม่ได้รับการศึกษาอย่างดีมาเป็นพิเศษ โชคดีที่ตอนที่เขาอายุห้าขวบนั้นบังเอิญพบเข้ากับซูย้าว ดังนั้นจึงได้เรียนรู้มารยาท ความเกรงอกเกรงใจละอายใจ ศึกษาเรื่องเหล่านี้มาบ้างเล็กน้อย
แต่พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ตั้งแต่แรกเริ่มลี่เฉินซีก็สังเกตเห็นและมีลางสังหรณ์บางอย่าง ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ หลายเดือนมานี้ตัวเขาเองก็ยุ่งมากจนทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาอยู่กับลูกเท่าไร
วันนี้ที่ลี่หมิงพูดออกมานับว่าออกมาจากใจ แต่ลี่เฉินซีก็ตกใจมากเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก กว่าเขาจะหลุดออกมาจากห้วงภวังค์นั้นแล้วก้มลงมองดูลูกชายพูดว่า “พ่อเชื่อในตัวลูก ส่วนเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันที่ไฟไหม้นั้น ช่วยบอกทุกอย่างที่ลูกรู้ให้กับพ่อฟังได้มั้ย?”
ลี่หมิงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขายกมือน้อยๆ ขึ้นเกาศีรษะแล้วพูดว่า “ผมเคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนหน้านี้เจ้าหนูน้อยเคยพูดมาบ้างแต่ก็ไม่ปะติดปะต่อ ทั้งหมดนั้นร่วมกันสรุปได้เพียงประโยคเดียวนั่นก็คือ “คุณน้าอู๋ไม่ใช่คนดี”
ต่อให้จะเชื่อลูกชายของเขาจากใจจริง แต่เมื่อครู่ที่ได้ยินจากปากของเด็กอายุเจ็ดขวบ ด้วยตนเองว่าอู๋หยานทำอะไรออกมาบ้าง มันก็ดูตลกและไร้สาระเกินไปหน่อย
เขาสูดลมหายใจเข้าแล้วพยายามเกลี้ยกล่อมลูกชายอย่างอดทน “ช่วยเล่าให้พ่อฟังอีกครั้งหนึ่งได้ไหม ช่วงนี้พ่อยุ่งมากเลยและสมองก็ไม่ค่อยปลอดโปร่งเท่าไหร่ พูดอีกครั้งหนึ่งก็แล้วกันนะ”
ลี่หมิงถอนหายใจออกมายืดยาว ก่อนจะใช้สายตาเฉกเช่นเดียวกับคนชรา มองไปทางเขา ผ่านไปสักพักจึงได้พูดว่า “ในตอนนั้นจู่ๆ ไฟก็ไหม้ ซีซีก็มัวแต่ร้องจะให้ผมพาไปหาเเม่ แต่ลุงเฉินไม่ยอมให้เราเข้าไป ซีซีร้องขอให้ผมเข้าไปเอาลูกอมให้เธอ และตอนที่ผมเข้าไปเอาลูกอมให้เธอนั้น ผมก็เห็นว่าน้าอู๋กำลังพูดบางอย่างกับพี่ชาย”
“ตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้ ทุกคนก็ตะโกนออกมาเสียงดังบอกว่าไฟไหม้ให้รีบวิ่งหนี แต่น้าอู๋กลับลากตัวพี่ชายเอาไว้ บอกกับเขาว่าแม่อยู่ในห้องไม่ออกมา”
“พี่ใหญ่เป็นห่วงแม่มากๆ เลยได้วิ่งเข้าไปด้านในผมเองก็วิ่งเข้าไปด้านในด้วย แต่เป็นเพราะควันมากเกินไปจึงทำให้ผมมองเห็นแม่ไม่ชัดเจน ผมหาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดสายตาก็เหลือบไปมองเห็นพี่ใหญ่และน้าอู๋ น้าอู๋นิสัยแย่มากๆ เธอฉวยโอกาสตอนที่พี่ใหญ่ไม่ทันได้ตั้งตัวและผลักเขา ทำให้ตกลงมาจากบันได……”
เมื่อลี่หมิงพูดมาถึงประเด็นสำคัญที่สุด เขาก็ใช้มือในการร่วมประกอบการเล่าเรื่อง “ตอนนั้นผมก็คิดว่าจะวิ่งเข้าไปแต่จู่ๆ เหมือนมีอะไรเข้ามาทุบที่ขามันเจ็บมากจนขยับไม่ได้”
เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นประมาณนี้ แม้จะพูดออกมาผ่านปากของเด็กอายุเจ็ดขวบ ความถูกต้องแม่นยำของเรื่องนี้จะต้องได้รับการตรวจสอบ แต่ลี่เฉินซีมั่นใจโดยสัญชาตญาณว่าลูกของเขาไม่ได้โกหก และอู๋หยานน่าสงสัยมากจริงๆ
ตอนนั้นเขาโมโหมาก จึงไม่ได้พิจารณาลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง
แม้ว่าซูย้าวจะอยากหนีงานแต่ง แต่เธอก็ได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลขอรับร่างของคนที่บริจาคร่างกายมา จากนั้นเธอกำชับกับพ่อบ้านเฉินและทุกคนในคฤหาสน์ให้ออกไปก่อนจุดไฟเผา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใครได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือไง?
เธอวางแผนได้รอบคอบขนาดนี้ เธอจะบังเอิญทำร้ายลูกชายทั้งสองคนได้ยังไง?
แล้วก็ในส่วนที่น่าสงสัยที่สุด
ช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ มีผู้ใหญ่มากมายอยู่ในสถานที่นั้น อีกทั้งนักดับเพลิงจำนวนมาก ไม่มีใครสักคนเลยที่วิ่งเข้าไปในกองเพลิง แต่ทำไมลี่เจอกับลี่หมิงจึงต้องบุกเข้าไปในกองไฟ?
หากไม่ใช่เพราะมีใครบอกอะไรกับพวกเขาล่วงหน้า เป็นเพียงเพราะหัวใจของลูกที่ผูกพันกับแม่ จะเป็นเช่นนี้จริงๆ เหรอ?
เมื่อลี่หมิงพูดจบ เขาก็มองไปทางพ่ออย่างว่างเปล่า “พ่อครับผมพูดจบแล้ว พ่อเชื่อหรือเปล่า?”
ดวงตาที่หมองมาของเด็กน้อยเช่นนี้ทำให้ลี่เฉินซีใจอ่อน เขาใช้มือเข้าไปจับแก้มเล็กๆ ของลูกชายพูดว่า “แน่นอนสิพ่อต้องเชื่ออยู่แล้วพ่อบอกแล้วว่าพ่อจะเชื่อลูกเสมอ”
“งั้นพ่อก็รีบไปจับน้าอู๋มาสิ แก้แค้นให้พี่ชายคนโตผมหน่อย” ลี่หมิงกำมือขึ้นเป็นหมัดเล็กๆ ดูเหมือนเขากำลังร้องขอความยุติธรรม
ลี่เฉินซียิ้มและโอบเขาเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “ลูกพ่อ แม้ว่าพ่อจะเชื่อแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเชื่อนะ ถึงยังไงลูกก็เป็นแค่เด็กอายุเจ็ดขวบ”
ต่อให้ขึ้นไปในศาล แต่เด็กอายุเจ็ดขวบก็ไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้ทั้งหมด
ลี่หมิงก้มศีรษะลงเล็กน้อย “เฮ้อ ดูเหมือนผมต้องหาทางออกด้วยตัวเองแล้วสินะ”
“ไม่ต้องครับ พ่อจะจัดการให้แน่นอน ไม่เชื่อพ่อเหรอ?” เขาถามกลับ
ลี่หมิงส่ายหัวน้อยๆ ของเขา “ผมเชื่อพ่อนะ แต่ผมอยากแก้แค้นให้พี่ชายคนโตของผม……”
“ตอนนี้ร่างกายของพี่ใหญ่ดีขึ้นมากทุกวัน ในไม่ช้าจะก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดินได้ เขาจะไปโรงเรียนเป็นเพื่อนลูก หมิงเอ๋อ เรื่องของน้าอู๋ ให้พ่อจัดการให้นะ” เขาเกลี้ยกล่อมบุตรชายของตน
เจ้าเด็กน้อยพิงเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ก่อนจะพยักหน้าพูดว่า “ครับผมจะฟังที่พ่อพูด”
“ช่วงนี้พ่อจะให้คุณลุงหวางมาอยู่เป็นเพื่อนทุกคนก่อน ลูกและพี่ใหญ่ดูแลสุขภาพตนเองให้ดีขึ้นในเร็ววัน รอให้เมื่อไหร่ที่พี่ใหญ่ดีขึ้นมากแล้ว ลูกจะได้ไปต่างประเทศกับพี่ คิดถึงน้องไม่ใช่หรือไง?”
นี่คือสิ่งที่เขาวางแผนมาก่อนหน้าแล้ว รอให้ลี่เจิ้งหายดีเมื่อไหร่เขาจะส่งเด็กสองคนนี้ออกไป เนื่องจากตอนนี้เด็กทั้งสามคนอยู่ใกล้เขาก็จะยิ่งอันตราย
เจ้าหนูพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ครับ แต่ว่าผมไม่อยากเจอหน้าน้าอู๋อีกแล้ว พ่อครับ อย่าให้เธอมารบกวนผมกับพี่ใหญ่ได้ไหม?”
“พี่ใหญ่ก็ไม่ชอบเธอเหมือนกันทุกครั้งที่เธอเดินทางมาพี่ใหญ่ก็จะแกล้งทำเป็นนอนหลับ”
ลี่เฉินซียิ้มออกมาและตอบว่าตกลง “ครับ พ่อจะบอกว่าไม่ให้เธอมาอีกนะ”
เขาเกลี้ยกล่อมลูกชายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากลูกชายเขายังเด็กอยู่ดังนั้นคำพูดสองสามประโยคก็สามารถทำให้ลี่หมิงดีอกดีใจได้ ท้ายที่สุดแล้วก็ยอมเข้ามาในอ้อมอกของเขาแล้วกินน่องไก่ชิ้นเล็กจนปากเต็มไปด้วยน้ำมัน “พ่อครับ พ่อไปดูพี่ใหญ่เหอะ ตอนนี้เขาน่าจะตื่นแล้ว”
ลี่เฉินซียิ้มขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นลูกจะต้องว่านอนสอนง่ายเป็นเด็กดีนะ เดี๋ยวจะมีพี่พยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อน”
“คร้าบ” ลี่หมิงจงใจลากเสียงยาว จากนั้นก็ก้มหน้าลงเปิดเกมในโทรศัพท์มือถือเล่นไปพลางกินน่องไก่
ลี่เฉินซีก้าวออกจากห้องผู้ป่วย จังหวะเดียวกับที่เข้าพบซูหยวนที่ทำแผลถูกน้ำร้อนลวกกลับมา เธอตั้งใจจะเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยแต่กลับถูกชายหนุ่มรั้งเอาไว้
“หมิงเอ๋อยังเด็กมาก เขายังไม่รู้เรื่องราวอะไร คุณอู๋อย่าถือสานะครับ” เขาพูดออกมาเบาๆ ตั้งใจที่จะทำเป็นไม่แยแสและดูเหินห่าง
ดวงตาของซูหยวนกะพริบขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกผิดหวัง หากซูย้าวใหม่อยู่ที่นั่นด้วย ชื่อที่เขาเรียกเธอก็จะเป็นคุณอู๋ มีเพียงตอนที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วยเท่านั้น เขาจึงจะแสร้งทำเป็นเรียกเธอว่า”อาหยาน”
ดวงตาของลี่เฉินซีลึกล้ำลง และจ้องมองไปที่เธอพูดว่า “ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดูเหมือนหมิงเอ๋อจะมีทัศนคติที่ไม่ดีกับคุณสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอายุยังน้อย ประกอบกับเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นเข้าไปเห็นหรือได้ยินอะไรมาหรือเปล่า จึงกระตุ้นจิตใจให้เป็นแบบนี้?”
เมื่อคำพูดอันเรียบง่ายของเขาสิ้นสุดลง มันดังเข้าไปในหูของซูหยวนทีละตัวอย่างชัดเจน เธอรู้สึกประหลาดใจและดูเหมือนว่าจะถูกเปิดโปง จู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงบางอย่างอันหนาวเย็น