เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 780 มีแต่ "ความน่าประหลาดใจ"
ซูย้าวนึกว่าอีกฝ่ายฟังไม่เข้าใจ เธอจึงใช้ทั้งท่าทางและคำพูดอธิบายซ้ำอีกรอบ “คุกเข่า หรือไม่ก็ย่อลง ให้ฉันเหยียบไหล่คุณแล้วปีนขึ้นไป ฉันต้องข้ามกำแพงนั่น คุณเข้าใจไหม?”
นัยน์ตาของลี่เฉินซีหม่นแสงลง สีหน้าของเขามืดครึ้ม
“ไม่เข้าใจเหรอ? ฉันให้คุณคุกเข่าลง คุณเคยดูหนังที่เขาแสดงรึเปล่า? ที่คนหนึ่งให้ความร่วมมือ ส่วนอีกคนก็ปีนขึ้นไป แล้วก็ข้ามกำแพง….”
ซูย้าวยกมือยกเท้าไปมาขณะที่เธอกำลังอธิบาย เรียกได้ว่าเธอใส่อารมณ์เข้าไปเต็มที่ เพราะกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ
แต่ทำไมลี่เฉินซีจะไม่เข้าใจล่ะ!
ชายหนุ่มมีสีหน้าไร้อารมณ์และจนปัญญา เขายกมือขึ้นคลายเนกไทพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบน จากนั้นก็หันไปมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “คุณจะข้ามกำแพงไปทำอะไร? นั่นไม่ใช่ประตูเหรอ? ก็เดินตรงเข้าไปสิ!”
หญิงสาวหลุบตาลงแล้วถอนหายใจ “ถ้าเราเดินเข้าประตูได้ ฉันจะพาคุณมาด้วยทำไม?”
เขาขมวดคิ้วอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ “สรุปแล้วคุณจะทำอะไรกันแน่?”
ทั้งจะข้ามกำแพง ทั้งจะให้เขาเป็นแท่นรองเท้าอีก….
ซูย้าวถอนหายใจอีกรอบ “ฉันแค่อยากจะข้ามกำแพง คุณช่วยฉันไม่ได้เหรอ!”
ลี่เฉินซีหมดคำจะพูด ก่อนที่เธอจะเสริมอีกว่า “คุณยังอยากจะคบกับฉันอยู่ไหม? หรือว่าที่คุณขอความรักจากฉันตอนนั้นเป็นแค่การแสดง?”
ชายหนุ่มพูดไม่ออกสักคำ เขายืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งที แล้วก็มองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันกลับมา ย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้าเธอช้า ๆ
ซูย้าวยิ้มออกมาเบา ๆ เธอไม่รอช้า รีบยกเท้าขึ้นเหยียบไหล่กว้างของชายหนุ่มทันที ด้วยความได้เปรียบด้านส่วนสูงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา จึงทำให้เธอสามารถข้ามกำแพงและลอบเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ลี่เฉินซีคอยดูเธอปีนข้ามกำแพงเตรียมจะกระโดดลงไปในสวน ก่อนที่ซูย้าวจะหันกลับมาทิ้งท้ายกับเขาก่อนว่า “เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้หมดหน้าที่ของคุณแล้ว คุณกลับไปได้!”
ชายหนุ่มชะงักไป ยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมา ที่แท้หญิงสาวก็แค่ต้องการให้เขามาเป็นหินรองเท้า เพื่อช่วยให้เธอปีนข้ามกำแพงอย่างนั้นเหรอ?!
ผู้หญิงคนนี้……
เขายกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบา ๆ อย่างจนปัญญา ซูย้าวที่เคยสงบนิ่งอ่อนโยน และมีคุณธรรมคนนั้น ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้นะ?
ซูย้าวปีนข้ามกำแพงมาได้อย่างราบรื่น ก่อนจะเข้าไปในสวนหลังบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงแสงไฟในสวนให้มากที่สุด เธอจึงวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามทางเดินเล็ก ๆ แทน จากนั้นก็รีบพุ่งตัวไปประตูด้านหลังของวิลล่าเงียบ ๆ ด้วยความ ระมัดระวัง
แต่น่าเสียดาย ที่ประตูด้านหลังถูกล็อก
ซูย้าวเปิดไม่ออกและรู้สึกหมดหนทาง เธอทำได้แค่เพียงยกโทรศัพท์ขึ้นมาใช้แทนไฟฉาย จากนั้นก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะพบว่ามีเข็มกลัดอยู่ หญิงสาวใช้มันสะเดาะกลอนประตูอยู่สองสามที จนสุดท้ายประตูก็ถูกเปิดออก เธอจึงย่องเข้าไปในวิลล่าต่อ
ลี่เฉินซีที่ยืนอยู่ทางประตูใหญ่ด้านหลัง มองภาพนี้อย่างอธิบายไม่ถูก เขารู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ ไปหัดสะเดาะกลอนมาตั้งแต่เมื่อไร?!
ที่ไหนได้ ซูย้าวคนนี้มีแต่ “ความน่าประหลาดใจ” ให้เขาได้ตลอดจริง ๆ
………
ซูย้าวเข้าไปในวิลล่าได้อย่างราบรื่น เธอคอยหลบหลีกแม่บ้านและสาวใช้ต่าง ๆ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่ทันระวัง ขึ้นไปถึงชั้นบนได้อย่างเบามือ ด้านนอกห้องทำงานบนชั้นสอง เธอค่อย ๆ เงี่ยหูฟังอย่างเงียบเชียบ
ภายในห้อง เพ้ยส้าวหลี่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน กำลังตรวจดูเอกสารที่เลขาของเขาส่งมาให้ ชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษไปมา ก่อนจะวางเอกสารไว้ข้าง ๆ “อย่างอื่นล่ะ?”
เลขาของเขายืนเอียงหน้าอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “ที่เหลือกำลังเตรียมการอยู่ครับ น่าจะเสร็จภายในวันพรุ่งนี้ โครงการนี้ค่อนข้างใหญ่มาก เราเลยต้องใช้เวลานานหน่อย”
เพ้ยส้าวหลี่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินวนไปทางหน้าต่าง พลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ควันสีจางค่อย ๆ ลอยขึ้นมาบดบังนัยน์ตาอันมืดมนของชายหนุ่ม
เลขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเขาด้วยแววตาสงสัยและเคารพนับถือ “เอ่อ ประธานเพ้ยครับ ผมมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพูด คือท่านทำแบบนี้ ถ้าคุณอานรู้เข้า เกรงว่า….มันจะไม่ค่อยดีนะครับ! ”
ทันทีที่ได้ยิน
แววตาของเพ้ยส้าวหลี่หม่นแสงลง ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นัยน์ตาของชายหนุ่มดำมืดไร้ซึ่งความอบอุ่น “แค่ครั้งนี้เท่านั้น”
นัยน์ตาของเลขาหนุ่มกระเพื่อมเบา ๆ “แต่ว่าครั้งนี้ ผมเกรงว่าเราจะปิดบังคุณอานไว้ได้ไม่นานเท่าไรนะครับ ด้านประธานอานผมก็รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร ท่านประธานคิดว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ มันจะมีประโยชน์เหรอครับ?”
สัญญาที่เพ้ยส้าวหลี่ร่วมมือกับซูย้าวนั้น เขากลับหักหลังเธอแล้วไปสมรู้ร่วมคิดกับอานเจียเย้นแทน
จริง ๆ แล้ว สถานการณ์แบบนี้ ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษหรือการทรยศหรอก
เมื่อเทียบกับอานเจียเย้นแล้ว คนที่เขารังเกียจมาตลอด ยังคงเป็นลี่เฉินซีมากกว่า หากกำจัดคู่แข่งอย่างบริษัทลี่ซื่อไปได้ สำหรับกรุ๊ปเพ้ยซื่ออย่างเขา ก็ถือว่าสบาย
ซูย้าวยืนอยู่ด้านนอกประตู หญิงสาวได้ยินการสนทนาในห้องอย่างชัดเจน แม้ว่าเธอยังไม่แน่ใจว่าพวกเขาหมายถึงเรื่องอะไร แต่มันก็ดูไม่ต่างกับที่เธอคาดไว้สักเท่าไร
ก่อนหน้านี้เธอยังไม่มีหลักฐานและความมั่นใจ ทั้งยังคอยกังวลอยู่ แต่ตอนนี้เธอได้ยินทุกสิ่งมากับหูตัวเองแล้ว จึงถือว่าเธอสามารถให้ความมั่นใจกับมันได้เต็มที่
เธอยังไม่ทันได้ทำอะไร อยู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งลอยมาเข้าหูว่า
“คุณเป็นใคร? มาจากไหน?”
แม่บ้านที่กำลังขึ้นมาเสิร์ฟชาที่ชั้นบน บังเอิญเห็นเธอยืนอยู่นอกห้องทำงาน ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างห่าง แม่บ้านจึงมองหน้าเธอไม่ชัด ได้แต่คิดว่าอาจเป็นขโมยที่แอบเข้ามา หรือไม่ว่าอย่างไร หล่อนจึงเพิ่มระดับเสียงในการพูดให้ดังขึ้น
หัวใจของซูย้าวกระตุกขึ้นมาทันที ขณะที่เธอกำลังจะอธิบาย ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดจากด้านใน
เลขาของชายหนุ่มเปิดประตูออกมาเห็นเธอก่อน อีกฝ่ายชะงักไปพร้อมกับหรี่ตาลงมองเธอ “คุณอาน คุณกลับมาแล้ว”
บ้านรีบเดินเข้ามาอีกสองสามก้าว หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นซูย้าว หล่อนก็รีบขอโทษทันที “ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันนึกว่าเป็นคนอื่น คุณอาน ขอโทษจริง ๆ ว่าแต่คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไรคะ?”
ซูย้าวยิ้มออกมาด้วยความประหม่าเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจะตอบ เสียงของเพ้ยส้าวหลี่ที่อยู่ด้านในห้องก็ดังขึ้นว่า “ออกไปให้หมดเถอะ”
พูดจบ เขาก็หันมามองเธอ “ชิงชิง คุณเข้ามาเถอะ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งเลขาและแม่บ้านของเขาก็ค่อย ๆ ก้าวออกไป ส่วนซูย้าวก็ตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน เพ้ยส้าวหลี่รีบก้าวเข้าไปหาหญิงสาว จากนั้นดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาทันที “กลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”
“ผมนึกว่าพี่ชายคุณทำให้คุณลำบากเสียแล้ว กำลังคิดอยู่เลยว่าอีกสองวันจะไปรับคุณ” ขณะที่พูดชายหนุ่มก็ฝังใบหน้าเข้ากับซอกคอเธอ พร้อมกับกดลงไปด้วยความคิดถึง ให้สมกับเวลายี่สิบกว่าวันที่ผ่านมา
ซูย้าวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอผลักชายหนุ่มออกไปทันที ก่อนจะก้าวถอยหลังไปนั่งที่โซฟา “คุณไม่อยากถามฉันเหรอ ว่าที่นอกประตูฉันได้ยินอะไรบ้าง?”
นัยน์ตาของเพ้ยส้าวหลี่ชะงักไปทันที ก่อนที่เขาจะรีบปิดบังความสับสนนั้นไว้ ชายหนุ่มใช้สายตาที่แพรวพราวมองเธอ “คุณอยากถามว่า ผมสงสัยว่าคุณแอบฟังรึเปล่างั้นเหรอ?”
หลังจากประโยคนี้จบลง เขาก็ไม่ได้รอให้ซูย้าวตอบกลับ ชายหนุ่มพูดต่อว่า “ไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไร ผมก็ไม่เคยสงสัยคุณ อย่าคิดมากเลย”
ดวงตาคู่สวยของซูย้าวกระเพื่อมเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มอันสดใสที่เต็มไปด้วยการเย้ยหยันจะปรากฏขึ้น “คุณไม่สงสัยฉัน แต่ฉันสงสัยคุณนี่”
“ส้าวหลี่ ฉันเคยบอกไปแล้วใช่ไหม ว่าอานเจียเย้นเชื่อถือไม่ได้ คุณอย่ามาหลอกฉันเลย” เธอเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส สายตาของหญิงสาวราวกับมีดที่แหลมคม “ทั้ง ๆ ที่รับปากว่าจะร่วมมือกับฉันแล้ว แต่ลับหลังก็ยังไปร่วมมือกับพี่ชายฉันอีก ตั้งใจที่จะมุ่งเป้าไปยังลี่เฉินซี ส้าวหลี่ คุณคิดว่าฉันจะไม่รู้เรื่องจริง ๆ เหรอ?”
เพียงแค่ไม่กี่ประโยค ความลับที่อยู่ในใจของเพ้ยส้าวหลี่ก็ถูกเปิดออกมาช้า ๆ ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้ามายังส่วนลึกของหัวใจเขา
“น้ำมันหอมระเหยที่คุณวางไว้ในห้องฉัน คงเพิ่มยาบางชนิดลงไป ทำให้คนที่สูดดมง่วงนอนสินะ เพราะแบบนี้คุณถึงสามารถปิดบังฉัน แล้วก็ไปติดต่อกันอย่างลับ ๆ กับอานเจียเย้นได้ ตอนนี้ยังใช้โอกาสที่ฉันไม่อยู่ เตรียมการไว้ไม่น้อยแล้วด้วยสิ?”
ขณะที่เธอพูด หญิงสาวก็เบนสายตามองไปยังกองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ถ้าหากซูย้าวเดาไม่ผิด เอกสารส่วนใหญ่ก็คงจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งนั้น