เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 781 อย่างน้อยเขาก็ไม่ทรยศฉัน
เพ้ยส้าวหลี่ค่อยๆ เงยหน้าของเขาขึ้นและมองดูเธอ ดวงตาสีดำของเขาลึกล้ำ ลำคอดุจดั่งมีคลื่นแม่เหล็กธรรมชาติพูดออกมาว่า “จริงเหรอ?”
คำพูดเพียงแค่สองคำ สามารถปิดกั้นคำถามทั้งหมดของเธอได้โดยง่าย ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าทั้งหมดนี้ดูเป็นเรื่องธรรมชาติมาก
ชายหนุ่มจ้องมาที่เธออย่างสงบ ตาของเขาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ท่าทางการแสดงออกสงบนิ่ง ดวงตาของเขาไม่หลบเลี่ยงไปไหนเพียงสบตากับเขาในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้รัศมีในร่างกายของซูย้าวหายไปในทันที
ความเงียบที่ทั้งสองมีให้กันและกันทำให้อากาศเยือกเย็นลง ซูย้าวเม้มริมฝีปากของเธอ ดวงตาอันสวยงามสดใสมืดมนลงเล็กน้อย “นักธุรกิจให้ความสำคัญกับกำไร แต่ก็ควรให้ความสำคัญกับสัจวาจาด้วย”
เธอเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ส้าวหลี่ ความน่าเชื่อถือของคุณล่ะอยู่ที่ไหน?”
“แล้วคุณล่ะ?” เพ้ยส้าวหลี่ถามกลับเชิงวาทศิลป์ เขาพูดเร็วมากจนซูย้าวไม่อาจตั้งตัว
เธอรู้สึกตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้สอบสวน แต่ดูเหมือนว่าชั่ววินาทีเขาจะพลิกกลายมาเป็นคนคุมเกมเอง เพ้ยส้าวหลี่ลุกขึ้นช้าๆ เดินกลับไปหาเธอตรงหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ในเวลากลางคืนข้างนอกมีแสงนีออนฉูดฉาดตา แต่ดวงตาของเขากลับยังเรียบไม่มีคลื่นใด
ซูย้าวไม่สามารถเดาอารมณ์บนใบหน้าของเขาออก แต่ได้ยินเขาพูดอย่างแผ่วเบาอีกประโยคหนึ่งว่า “ผมจีบคุณมานานขนาดนี้แล้ว หรือมันยังไม่ดีพอสำหรับเลยเหรอ?”
สองปีกว่าแล้ว เขาแทบไม่เคยอยู่ในเมือง A นานเลย โดยมากเขามักจะตามเธอไปเรื่อย อานเจียเย้นเดินทางไปทั่วรอบโลก เขาทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อพยายามแสดงความสนิทสนมต่อเธอ เขาสารภาพรักต่อเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็ปฏิเสธมันครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ดีพอ หรือบางทีเธออาจยังมีความระแวดระวังอยู่ มันอาจต้องใช้เวลา ดังนั้นเขาจึงได้แต่รอ
แต่เขารอไปรอมา ท้ายที่สุดแล้วเขาได้อะไรตอบกลับคืน?
เมื่อเธอกลับมาที่เมือง A ลี่เฉินซีพูดเพียงสองสามคำ เธอก็ยินดีหนีไปกับเขา อีกทั้งยอมขัดแย้งกับเขาเพราะคนคนนั้น
“ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็สนับสนุนคุณโดยไม่ลังเล ถ้าคุณบอกว่าคุณต้องการเวลา ผมก็ให้เวลาแก่คุณ คุณบอกว่าตระกูลเพ้ยและตระกูลอานมีความคับข้องใจต่อกันมากเกินไป ไม่ต้องการประนีประนอมกันด้วยเหตุนี้ ผมจึงกลับไปจัดการทุกอย่างในตระกูลเพ้ย คุณบอกว่าอยากช่วยพี่ชาย ผมก็ยอมช่วยโดยไม่มีข้อแม้ใด……”
ขณะที่เพ้ยส้าวหลี่พูดนั้น อารมณ์ที่พลุ่งพล่านในหัวใจของเขาเริ่มกระสับกระส่าย เขาหันกลับมา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ลึกล้ำและเงียบงัน มันดูเย็นชาเอ่อล้นออกมาทีละน้อย “คุณลองคิดดูว่ามันก็นานมากแล้ว ผมขอถามอะไรคุณหน่อย ผมเคยเรียกร้องอะไรจากคุณไหม?”
เรียกได้ว่าไม่เคยมีเลย
เขาไม่เคยต้องการหรือขอความช่วยเหลือจากเธอในทุกด้าน
แต่ยกเว้นสิ่งหนึ่ง
“สิ่งเดียวที่ผมขอคือให้คุณและเขาตัดความสำคัญกัน วาดเส้นขีดแบ่งที่ชัดเจน แต่คุณทำอะไร?” น้ำเสียงที่ไพเราะของเขาเต็มไปด้วยความโกรธบูดบึ้ง มืดมน และบีบบังคับ
ดวงตาที่ตกตะลึงของซูย้าวมืดลง ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา เพ้ยส้าวหลี่ก็ก้าวเข้ามาหาเธอและคว้าแขนของเธอไว้ “คุณกับเขาตัดขาดกันแล้วจริงเหรอ?”
คิดว่าเพ้ยส้าวหลี่เป็นคนโง่หรือไง?
เมื่อตอนที่ทั้งสองคนอยู่ในห้องส่วนตัวของถ้ำสำราญมังกร คิดว่าเขาไม่รู้เลยหรือไง?!
นอกจากนี้ เธอถูกลี่เฉินซีพาไปที่หลิ่งโจวแล้วเกิดอะไรขึ้น คิดว่าเขาไม่รู้เลยหรือ !
นี่คือผู้หญิงที่เขาต้องการและคิดถึงในทุกวินาที ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอ เขาจะไม่ส่งคนมาคอยจับตาดูงั้นหรือ?
เมื่อได้ยินคำถามเหล่านี้ ดวงตาอันสวยงามที่อ่อนแอของซูย้าวก็ดูหม่นหมอง ขนตาหนาทึบเรียวยาวก็สั่นสะท้าน เสียงถอนหายใจพ่นออกมาจากปากแต่ทำอะไรไม่ถูก
“คุณกับเขาไม่ได้ตัดขาดกันจริงๆ” เขาตอบแทนเธอ
แม้ว่าเขาไม่อยากยอมรับความจริง แต่นี่มันคือความจริง ทั้งสองมีพันธนาการต่อกันมากว่าสิบปี และยังมีลูกน้อยคอยผูกมัด ไม่ใช่ว่าจะสามารถตัดขาดได้โดยสิ้นเชิงในครั้งเดียว
ดวงตาที่ลึกล้ำของเพ้ยส้าวหลี่มีแรงกดดันอย่างหนัก พยายามระงับความขุ่นเคืองในใจของตนแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ มันเป็นความผิดของเขา”
“และผม หากคิดกับคุณเป็นแค่ผู้ร่วมมือ บางทีทั้งหมดนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ผมรักคุณและต้องการคุณ ชิงชิง คุณคิดว่าผมจะเมินต่อสิ่งเหล่านี้ได้เหรอ?”
เขารู้ดีว่าซูย้าวเข้าไปพัวพันกับลี่เฉินซีอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังต้องสู้เพื่อความรู้สึกของตัวเอง
แม้ว่าจะร่วมทีมกับอานเจียเย้น แต่ที่จริงแล้วก็เพียงแค่คลุมหนังเสือเอาไว้ ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้าวออกไปเสี่ยงดู
ซูย้าวไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป และปัดมือเขาออกไปอย่างเย็นชา “แก้ตัว! มันก็เป็นแค่ข้อแก้ตัวของคุณ!”
บางทีในโลกนี้ไม่มีคำจำกัดความที่แน่นอนสำหรับแบ่งแยกระหว่างความดีและความชั่ว คนที่จิตใจดีมาทั้งชีวิตอาจทำสิ่งร้ายอย่างไม่คาดคิดเพราะความหลงใหลชั่วขณะ ความโลภและความเห็นแก่ตัว
คนชั่วที่ทำแต่สิ่งชั่วๆ มาทั้งชีวิตของตนก็อาจทำสิ่งดีที่คาดไม่ถึงได้ เนื่องจากการค้นพบสติรู้สึกผิดชอบขึ้นชั่วคราวหรือโดยบังเอิญ
แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากเลือกที่จะกระทำแล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบและความเชื่อที่จะกล้าลงมือทำ แทนที่จะเอาแต่หาข้อแก้ตัวทุกอย่างให้ตัวเอง!
“บางทีในด้านความรู้สึก ฉันอาจไม่ดีต่อคุณ แต่ส้าวหลี่ ความรักนั้นฉันเองก็บอกไม่ถูก” ซูย้าวถอนหายใจอย่างอ่อนแรง เธอไม่ได้รักเพ้ยส้าวหลี่ มันไม่อาจทำให้รักได้
กว่าสองปีที่เธอได้คิดเกี่ยวกับปัญหานี้อย่างละเอียด เขาทั้งหน้าตาดี มีภูมิหลัง ทั้งครอบครัวและความสามารถของเพ้ยส้าวหลี่ถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่หาได้ยากจริงๆ การเลือกที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตอาจเป็นทางเลือกที่ดี
แต่ถึงอย่างไร ทางเลือกก็คือทางเลือก ความรู้สึกคือความรู้สึก และความรักคือความรัก สิ่งเหล่านี้มีไม่ควรนำมารวมกันให้สับสน!
ด้วยเหตุผลและความกดดันบางอย่าง บางคนอาจเลือกที่จะยอมแพ้แก่โชคชะตา เลือกใครคนหนึ่งที่จะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า
หรืออาจมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ยากจะคลี่คลาย ยากจะตัดขาดและพัวพันกันไปมา แม้จะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ยังไม่สนใจ นี่คือความรู้สึก
แต่ก็ยังมีคนอีกประเภทที่ยึดติดกับความตั้งใจเดิม แม้จะต้องเหงาไปตลอดชีวิต แต่ก็ยังคอยตามหาคนที่ใช่ให้ปรากฏตัวขึ้น นั่นคือความรัก
แม้ว่าทุกสิ่งนี้ดูไปจะมีจุดจบหรือใช้ทั้งชีวิตเหมือนกัน แต่สิ่งเหล่านี้ต่างกัน
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกและมองดูเขาอีกครั้ง “คุณสามารถด่าฉันได้ที่ไม่รักคุณ คุณสามารถโทษฉันที่ไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี คุณสามารถตอบโต้สำหรับความรักที่โหดร้ายของฉันได้ แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่คุณทรยศฉัน และเลือกเข้าร่วมมือกับอานเจียเย้น!”
“คุณลองถามตัวเองดูว่า คุณจะเป็นศัตรูกับลี่เฉินซีหรือไม่หากไม่มีฉัน คุณกับเขามีความคับข้องใจกันนี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างพวกคุณไม่ใช่เหรอ? เมื่อตอนที่ฉันขอร่วมมือกับคุณ คุณกลับหันหลังให้กับฉันเพราะปัญหาส่วนตัวเหล่านี้ กลับไปร่วมมือกับอานเจียเย้น!”
เธอขมวดคิ้วขึ้นอย่างไร้ความอดทน “ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับความรู้สึก บางทีตั้งแต่ตอนที่ฉันที่ขอให้เข้าร่วมมือกับคุณมันก็ไม่ถูกต้องแล้ว ส้าวหลี่ พวกเราหยุดเสียเวลาและยุติเรื่องทั้งหมดนี้เถอะ!”
“อานเจียเย้นไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ เขาขี้ระแวง เขาจะไม่เชื่อใจคุณอย่างแน่นอน นับประสาอะไรกับการเสี่ยงเพื่อช่วยคุณ คุณเป็นเพียงหนึ่งในตัวเลือกที่อยู่ร่วมกันเพื่อผลประโยชน์”
ดวงตาสีดำสนิทของเพ้ยส้าวหลี่เป็นประกายและเยาะเย้ยเล็กน้อย มุมปากของเขาขยับพูดว่า “พูดง่ายๆก็คือคุณยังคงเลือกลี่เฉินซีอีกครั้งใช่ไหม?”
ซูย้าวขยับตัวออกไป เพ้ยส้าวหลี่มองดูเธอด้วยดวงตาหนักอึ้ง ทั้งสองคนหยุดอยู่เช่นนั้นชั่วครู่ ตกอยู่ในภาวะที่แน่นิ่ง
ในอากาศที่เงียบสงบ บางสิ่งบางอย่างดูเหมือนจะระเบิดออกมา
“ฉันเพียงแค่เตือนคุณไว้ว่า อย่าลืมไปว่าอานเจียเย้นยังคงมีทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลเพ้ยของคุณอยู่ และความลับที่ซ่อนอยู่เหล่านั้น สำหรับคนแบบนี้หากคุณไปร่วมมือกับเขา คุณคิดว่ามันอันตรายไหม?”
ทันทีที่เธอพูดจบ เพ้ยส้าวหลี่ก็ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งและบีบแขนของเธอ หรี่ตาลงมองดูเธออย่างเย็นชา “บอกผมมาสิ ลี่เฉินซีมีดีอย่างไร? จึงทำให้คุณเป็นแบบนี้กับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!”
“เขาไม่มีอะไรดี แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ทรยศฉัน” เธอพูดช้าๆและหนักแน่นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาของเธอ
เพ้ยส้าวหลี่ตกตะลึง ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที “คุณไม่พอใจแค่เรื่องนี้เท่านั้นเหรอ?”
เพราะเขาติดต่อกับอานเจียเย้นเป็นการส่วนตัว เพื่อที่จะกำจัดลี่เฉินซีและกลืนลี่ซื่อ จึงทำให้เธอโมโหจนกลายมาเป็นแบบนี้หรือ?!