เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 810 นางฟ้าของคุณ
บริเวณห้องกักโรคICUของโรงพยาบาล พยาบาลในชุดป้องกัน กำลังวัดอุณหภูมิร่างกายให้ลี่หมิงที่ยังคงหมดสติอยู่ พร้อมทั้งเปลี่ยนน้ำเกลือให้
ข้างนอกห้องที่มีกระจกกั้น ซูย้าวมองไปยังลูกชายตัวน้อยด้วยสายตาซับซ้อน ลูกยังคงอยู่ในภาวะหมดสติ อาการไข้ขึ้นสูงและอาเจียนค่อยๆ ดีขึ้นหลังจากได้รับยาเข้าไป เพียงแต่ว่าการติดเชื้อ เป็นเหตุให้ต่อมน้ำเหลืองบวมขึ้นมาอย่างผิดปกติ มองจากที่ไกลๆ ยังเห็นคอเล็กๆ บวมขึ้นมาอย่างชัดเจน ไหนจะอาการหายใจลำบาก เข้าใกล้อาการหอบเต็มที
เธอขมวดคิ้วพร้อมหลับตาลงอย่างเจ็บปวด นิ้วค่อยๆ กำเข้าหากันแน่น ยกขึ้นมาค้ำกระจกเอาไว้ ณ เวลานี้เธออยากให้คนที่นอนทรมานอยู่บนเตียงเป็นเธอมากกว่า!
เด็กอายุแค่นี้ ผิดอะไรกัน ถึงต้องมาแบกรับทุกอย่างแบบนี้……
ลี่เฉินซีเดินเข้ามาจากข้างหลัง ยื่นมือออกไปตบไหล่ของเธอเบาๆ “อย่ากังวลไปเลย คุณหมอบอกว่าอาการของหมิงเอ๋อดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเดี๋ยวก็หายแล้ว”
เวลาทั้งวัน ฝ่ายป้องกันโรคและคุณหมอได้ทำการตรวจคนที่ใกล้ชิดกับเด็กชายทีละคน ยืนยันว่านอกจากลี่หมิงแล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครได้รับเชื้อ ถือว่าโชคดีในโชคร้าย
ซูย้าวพยักหน้าเบาๆ แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้ว แต่ลี่เฉินซีกับหลินโม่ป๋ายก็เอาแต่ปลอบเธอเรื่อยๆ แต่พอเห็นสภาพของลูกชาย ในใจเธอก็รู้สึกรับไม่ได้
คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ยิ่งโกรธเกลียดซูหยวน ผู้หญิงคนนี้นี่มัน……
ตอนที่หลินโม่ป๋ายลงมาข้างล่าง ก็ว่าจะเดินมาดูทางนี้ จึงเจอเข้ากับซูย้าวกับลี่เฉินซีพอดี เขารีบเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันอ่านผลตรวจของหมิงเอ๋อแล้วนะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ อาการทุกอย่างจะดีขึ้นภายในสองวันนี้ ต่อมน้ำเหลืองที่บวมก็จะค่อยๆ หายบวม เชื่อพวกฉัน และลูกของเธอนะ”
ซูย้าวก้มหน้าลงเล็กน้อย “ฉันเชื่อ ลำบากนายแล้ว”
“เกรงใจทำไม?”หลินโม่ป๋ายยิ้มกว้างออกมา กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกได้ถึงสายตาสองคู่ที่ดุดันของลี่เฉินซี ตวัดมองมาที่เขาราวคมมีด มันทำให้เขาอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
ไม่รู้ว่าหลินโม่ป๋ายนึกอะไรขึ้นมาได้ ถึงยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็มองไปทางลี่เฉินซี “ประธานลี่ กำลังกังวล หรือว่ากลัวอะไรอยู่หรือเปล่า?”
ดวงตาเรียวรีของลี่เฉินซีพลันอึมครึม ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินหลินโม่ป๋ายเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ที่ผมเลือกปล่อยมือ ก็แค่อยากลดความกดดันให้ย้าวย้าว เพราะถึงยังไง ในเรื่องของความรัก เธอก็แคร์ความรู้สึกของเด็กๆ มากกว่าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้สึกอะไรกับเธอแล้วนะ”
“ประธานลี่กลัวเรื่องนี้หรือเปล่า?”สายตาของหลินโม่ป๋ายอ่อนลง เส้นเสียงน่าฟังเสมือนคอร์ดเพลงและเสียงธรรมชาติ “ถ้าใช่ อย่างนั้นก็คงจำเป็นแล้วล่ะ ถึงอย่างไร ความรู้สึกที่ผมมีต่อซูย้าว ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”
หรือก็คือเขาสามารถรอเธอได้ทุกที่ทุกเวลา ขอแค่เธอพยักหน้า ต่อให้เขาอยู่ในมุมที่อับแสง หรือหลุมลึกมากเพียงใด เขาก็เต็มใจที่จะบากบั่นไปหาเธอ
นัยน์ตาที่เยือกเย็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วของลี่เฉินซีพลันทะมึนในทันที สายตาผู้ล่าเป็นประกายวาวโรจน์ ตอนที่ตวัดไปมองอีกฝ่าย มือใหญ่ที่กำลังโอบซูย้าวเอาไว้ก็กระชับตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอดแน่น “ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการหลินไปเอาความคิดนี้มาแต่ไหน ผมไม่จำเป็นต้องกังวล และไม่เห็นต้องกลัว เพราะผมเชื่อใจซูย้าว”
“อีกอย่าง ในเมื่อผู้อำนวยการหลินก็รู้แล้วว่าเธอกำลังคบหากับคนอื่น แถมยังมีลูกแล้วด้วย แบบนั้น คุณก็ควรที่จะถอดใจได้แล้วนะครับ เด็กพวกนี้ ต่างก็เป็นผลผลิตของผมกับเธอทั้งนั้น และผมก็ต้องการทั้งเธอและลูก!”
“นี่กำลังประกาศความเป็นเจ้าของเหรอครับ?” หลินโม่ป๋ายตากระตุก “ตอนนี้ ความคิดของผมกับคุณไม่ได้สำคัญเลยสักนิด มันสำคัญที่ว่าซูย้าวจะเลือกแบบไหนต่างหาก รบกวนเคารพเธอหน่อยนะครับ โอเคไหม?”
ลี่เฉินซียิ้มเยาะออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ถูกซูย้าวขัดได้ทันเวลา เธอจิกมือของเขาเป็นระยะ ทั้งยังหลบออกจากอ้อมกอดของเขาในทันที จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว!”
ลี่หมิงป่วยขนาดนี้ แถมเธอยังยุ่งเพราะเรื่องของซูหยวนมาทั้งวัน ตอนนี้เธอจึงเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากๆ ใครจะไปมีอารมณ์มาฟังพวกเขาโต้เถียงเพื่อแย่งตัวเองกันล่ะ?
“โม่ป๋าย ยังไงก็ขอบใจนายนะ ฝากนายดูแลหมิงเอ๋อด้วย รบกวนด้วยนะ”ซูย้าวมีท่าทีอ่อนลง เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างจริงใจ
หลินโม่ป๋ายยิ้มออกมาจางๆ ยื่นมือออกไปตบไหล่เธอเบาๆ “สบายใจได้ ตอนนี้เด็กอยู่ในมือฉันแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ!เธอดูล้าๆ นะ”
เธอตอบรับ จากนั้นก็พูดคุยกันสองสามประโยค ถึงได้สะพายกระเป๋าเดินออกไปข้างนอก
ลี่เฉินซีเดินตามมาข้างหลัง ทั้งสองลงลิฟต์ไปด้วยกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดจา
ซูย้าวรู้ว่า เขากำลังไม่พอใจที่เธอกับหลินโม่ป๋ายดู “สนิท”กันมากเกินไป แต่เธอก็ขี้เกียจอธิบาย ทั้งๆ ที่มันก็แค่พูดคุยธรรมดาก็เท่านั้น ถ้าเขาอยากคิดมาก ก็ปล่อยให้เขาคิดไป!
บริเวณลานจอดรถด้านนอก เธอว่าจะขับรถกลับเอง ดังนั้นจึงหยิบกุญแจออกมา ขึ้นมาบนรถได้ไม่ทันไร เธอก็พบว่าลี่เฉินซีทิ้งเบาะคนขับรถตัวเองไว้ แล้วขึ้นมานั่งบนเบาะข้างคนขับของรถเธอ
ซูย้าวพ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร สตาร์ทรถ แล้วขับออกไปช้าๆ
ระหว่างทางทั้งสองยังคงเงียบเหมือนเคย จนกระทั่งรถขับเข้ามาในบ้านใหญ่ตระกูลซู และจอดลงตรงลานบ้านช้าๆ เธอไม่ได้รีบร้อนลงจากรถ แต่ค่อยๆ หันไปมองผู้ชายข้างๆ สูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ขอโทษ เหมือนฉันจะไปขัดใจนางฟ้าของคุณเข้าแล้วล่ะ”
ปากบอกว่า “ขอโทษ” แต่ไม่ว่าจะเป็นแววตาหรือสีหน้า ต่างก็ไม่มีร่องรอยความรู้สึกผิดเลยสักนิด
ลี่เฉินซีนิ่งไปในทันที เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “อะไร?”
นางฟ้าอะไร ขัดใจอะไร?
จริงๆ แล้ว เขาอยากถามว่า ใครเหรอ? ใครคือนางฟ้าของเขา?!
ซูย้าวเสยผมยาวสลวยขึ้น ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความอ่อนล้า “อาหยานของคุณถูกฉันตบแล้วก็ถูกฉันจัดการ ดังนั้น ถ้าคุณจะมาหาเรื่องกัน เอาไว้พรุ่งนี้ได้ไหม ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์และกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น อยากพักแล้ว”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปจับแขนของเธอเอาไว้ ขวางไม่ให้เธอลงจากรถ “คุณทะเลาะกับอู๋หยาน?”
แปลว่า วันนี้ที่เธอหายไปทั้งวัน เพราะไปตบตีกับอู๋หยานมาเหรอ?!
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างนึกรำคาญ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ลี่เฉินซีกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวก่อน ผมไม่ได้อยากรู้ว่าพวกคุณทะเลาะกันเพราะอะไร แต่ว่า คุณไปตบหรือไปขัดใจเธอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม?”
ประโยคสุดท้ายเขาพูดออกมาว่า “แล้วเธอมาเป็นนางฟ้าของผมตอนไหน?”
อีกอย่างคิดได้ยังไงว่าเขามาหาเรื่องซูย้าวเพราะอู๋หยาน เขาต้องทำอย่างนี้กับเธอเพราะผู้หญิงคนอื่นด้วยเหรอ?!
อ่อ แต่เหมือนเขาจะทำอย่างนี้เมื่อหลายปีก่อน
แต่ตอนนั้นเขาทำไปเพราะมีเหตุผล อีกอย่างตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้จักความรัก และไม่รู้หัวใจตัวเอง เลยทำเลวๆ แบบนั้นลงไป แต่ว่าตอนนี้ เขาจะไปทำเหมือนเดิมได้ยังไง!
ซูย้าวพรูลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย สะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา “จะเป็นหรือไม่เป็น ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันเหนื่อย ไม่อยากทะเลาะกับคุณแล้ว คุณกลับเองแล้วกันนะ ฝันดี”
เธอพูดจบ ก็ลงจากรถไปทันที
นัยน์ตาของลี่เฉินซีทอแววลึกล้ำ ต่อมาก็เปิดประตูออก เดินก้าวยาวๆ อ้อมรถ ไปขวางเธอเอาไว้ตรงลานบ้าน “คุณเหนื่อยงั้นเหรอ เดี๋ยวผมกอดกล่อมคุณให้หลับเอง แต่ว่าก่อนอื่น บอกมาก่อนว่าอู๋หยานไปเป็นนางฟ้าของผมตอนไหน?”
เขาก็แค่สงสัยเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ เนื่องจากหาหลักฐานที่เชื่อถือได้ไม่เจอเลย ตอนนี้เลยต้องอะลุ่มอล่วยให้เธอไปก่อน เพื่อเป็นการสังเกตระยะยาว
อีกอย่าง ใช้อู๋หยานเป็นเครื่องมือ ยั่วให้ซูย้าวหึง ก็ไม่เลวเหมือนกัน
แต่มันแค่ตอนนั้น ตอนนี้เขาแค่อยากจะพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้กับซูย้าวดีๆ ก็ไม่ได้เลยเหรอ?
ซูย้าวเหนื่อยจนสีหน้าเริ่มไม่ดี เธอเม้มปากแน่น มองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด “เป็นหรือไม่เป็นมันก็ไม่สำคัญหรอก ไหนๆ ฉันก็จัดการเธอแล้ว รอดูเอาเถอะ แต่ว่าผลลัพธ์อาจจะไม่ดีเท่าไหร่หรอกนะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว”
ลี่เฉินซีพรูลมหายใจออกมายาวๆ เดินเข้าไปอ้าแขนรับเธอเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมกับตบแผ่นหลังของเธอเบาๆ “โอเค ไม่พูดแล้วก็ได้ แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องพูดเสียหน่อย เธอไม่ใช่นางฟ้าของผม แต่เป็นคุณต่างหาก”