เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 826 ล่อเสือออกจากถ้ำ
แหวกหญ้าให้งูตื่น
ประเด็นหลักที่ซูย้าวคิดจะบรรยายก็คือความหมายนี้ แต่รู้สึกว่าหากพูดตรงเด่นชัดเกินไปล่ะก็ จะมีการเป็นที่สงสัยเหยียดหยามในไอคิวของเขาเล็กน้อย ก็เลยตัดออก ทั้งพูดด้วยคำอ่อนหวานอีก
ลี่เฉินซีจ้องมองรอยยิ้มสดใสอบอุ่นที่อยู่บนใบหน้าสวยสดงดงามของเธอ เหมือนดั่งลมในฤดูใบไม้ผลิทำให้คนมีความสุข สะท้อนเข้าไปในใจอย่างอบอุ่น เขาเอามือประคองแก้มเล็กๆ ของเธอขึ้นมา “แต่คุณไม่ใช่ไม่นานก็แสดงสถานะออกอย่างชัดเจนแล้วด้วยเหรอ?”
เขาใช้ในนามการรับซื้อมาถึงที่นี่โดยตรง ก็เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจของประธานหลี่ ตั้งใจจัดวางแผนล่วงหน้าไว้ ถ้าหากไม่ใช่เช่นนี้ จะล่อพวกเขาที่แอบอ้างนามของซูย้าว ทำกิจกรรมระเกะระกะที่ผิดกฎหมายเหล่านั้นอยู่ออกมาได้ยังไงอีกล่ะ?
ซูย้าวเอามือปัดเขาออกอย่างจนใจ “ฉันแสดงสถานะออกอย่างชัดเจน จึงจะสามารถสืบหาสิ่งเหล่านี้ได้ยิ่งสะดวกล่ะ”
แต่ดูเหมือนสืบได้แล้วก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน เธอจ้องมองเอกสารเป็นกองๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ยังมีรายละเอียดบัญชีที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ ยิ่งดูยิ่งปวดหัว ตอนที่ถือโอกาสนั่งลง ปิดหน้าจอโดยตรงเสียเลย ทั้งย้ายเอกสารที่อยู่ข้างมือออกด้วย มีความกลัดกลุ้มเล็กน้อยทอดถอนใจ “พวกเราแทบจะมาเสียเปล่าแล้ว!”
ไม่เพียงแต่ไม่ได้บรรลุถึงจุดประสงค์ที่จะสืบมาเป็นการส่วนตัวนี้ กระทั่งยังทำท่าทำทางโอ้อวดมากเกินไป ทำให้อานเจียเย้นทางโน้นย่อมได้รับรู้สังเกตถึงแล้วแน่นอน
อยากจะเคลื่อนย้ายเนื้อหาที่เป็นความลับ บางเวลาเร็วจนทำให้คนไม่ทันตั้งตัว และนี่ก็เป็นความถนัดเฉพาะด้านของอานเจียเย้นมาตลอดเวลาเช่นกัน
รูปร่างที่สูงใหญ่ของลี่เฉินซี หันข้างพิงอยู่ขอบโต๊ะข้างหลังอย่างตามใจ ตาที่ลึกล้ำจ้องมองเธอ “ทำไมมาเสียเปล่าแล้วล่ะ? ล้วนสืบไม่ได้สักนิดเลยเหรอ?”
เธอส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “ไม่ได้”
แท้ที่จริง ตั้งแต่ตอนที่เธอเอ่ยว่าจะตรวจสอบบัญชีการเงิน ประธานหลี่สามารถจัดการอย่างสงบเช่นนั้น ทั้งยังอยู่ภายในเวลาสั้นๆ ก็พาผู้อำนวยการฝ่ายการเงินกับงบการเงินเข้ามาอีก ซูย้าวก็รู้แล้ว จะสืบหาอะไรไม่ได้แน่
ไม่มีคนที่จะเอาหลักฐานที่กระทำผิดจริงๆ มาไว้อยู่ต่อหน้าคนอื่น บอกกับคนอื่นอย่างวางท่าใหญ่โตไม่สนใจ ข้อเสียล้วนต้องซ่อนไว้ ข้อผิดพลาดจุดอ่อนล้วนต้องหลบซ่อน ความลับก็ต้องเก็บไว้อย่างระมัดระวัง นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนรู้
ลี่เฉินซีสูดลมหายใจลึกๆ เล็กน้อยหนึ่งที “งั้นที่นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม!”
“ประมาณนั้น” ซูย้าวมีความรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยแล้ว ไม่อยากครุ่นคิดสิ่งเหล่านี้มากเกินไปแล้วจริงๆ เพียงแค่เหนื่อยล้าจนจับหน้าผากไว้ด้วยมือข้างเดียว “อาจจะมีปัญหา แต่ตอนนี้ฉันดูไม่ออกแล้ว”
พูดอยู่ เธอเงยหน้าจ้องมองไปยังเขาอีก “เมื่อกี้คุณสั่งอะไรแล้วล่ะ? ฉันหิวแล้ว ยังไม่ส่งมาเหรอ?”
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มหนึ่งที เอามือนวดอยู่บนหัวเธอนวดแล้วนวดอีก “อย่าร้อนใจ ถ้าไม่พวกเราลงไปกินเถอะ!”
ซูย้าวพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ถึงอย่างไรที่นี่ก็สืบหาไปได้พอสมควรแล้ว มีเพียงเหลือแค่เล็กน้อยที่กระจัดกระจายอยู่ ล้วนไม่มีแนวคิดในชั่วขณะ วางไว้สักหน่อยก็ไม่เป็นไรเช่นกัน
ทั้งสองคนลงไปข้างล่างพร้อมกัน กินอาหารอยู่ในร้านอาหารสักหน่อย เพราะว่าดึกมากเกินไปแล้ว ก็เลยกลับห้องพักก่อนเลย
อาจจะเป็นเพราะทำแล้วทำเล่าทั้งวัน ลี่เฉินซีก็เหนื่อยแล้วจริงๆ เช่นกัน ดังนั้นเพียงแค่กอดเธอไว้อย่างซื่อๆ ตรงๆ หลับไปเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นเก้าโมงกว่า ตอนที่ซูย้าวตื่นขึ้นมา ข้างกายว่างเปล่าไม่มีสักคน หลังจากล้างหน้าล้างตาออกจากห้องนอน จึงสังเกตเห็นในห้องหนังสือ ผู้ชายกำลังเปิดการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอกันกับพวกผู้บริหารระดับสูง พูดคุยบางสิ่งบางอย่างอยู่ล้วนเกี่ยวข้องกับงาน
ซูย้าวไม่ได้ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ กำลังเทน้ำแก้วหนึ่งเพิ่งดื่มไปสองคำ กริ่งประตูก็ดังขึ้นแล้ว
ประธานหลี่พาผู้อำนวยการฝ่ายการเงินมาอีกแล้ว ครั้งนี้ไม่ต่างกันกับเมื่อวานอีก ในมือหอบเอกสารมากมาย ยังมีUSBที่ก๊อบปี้ “ประธานอาน เอกสารที่ให้ท่านเมื่อวานอาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์ นี่พวกเราอดหลับอดนอนจัดเตรียมมาได้ เชิญท่านตรวจสอบดู”
ซูย้าวก้มเหลือบมองเอกสารที่ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินวางกองไว้อยู่บนโต๊ะเหมือนดั่งภูเขาเล็กๆ นั้นหนึ่งที ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา บังคับกดทับความยุ่งเหยิงที่อยู่นัยน์ตาไว้ เพียงอมยิ้ม พูดเบาๆ ว่า “ได้ ฉันรู้แล้ว ลำบากทั้งสองท่านแล้ว”
ประธานหลี่พูดเป็นมารยาทพอเป็นพิธีอีกหลายคำ จึงออกไปกับผู้อำนวยการพร้อมกัน
พอรอพวกเขาออกไป ซูย้าวก็ทนความโกรธเล็กน้อยที่อยู่ในใจไม่ไหว หันไปเหลือบตามองเอกสารเหล่านั้นหนึ่งทีอย่างเย็นชา ใช้มือผลักไปเบาๆ ล้วนตกหล่นอยู่กับพื้น และขี้เกียจเก็บด้วย
ลี่เฉินซียุ่งเสร็จออกจากห้องหนังสือ ก็ได้เห็นฉากนี้ เขาสงสัยงงงวยเล็กน้อยจ้องมองเอกสารที่หล่นกระจายเต็มพื้นนั้น “ประธานหลี่ส่งมาอีกแล้วเหรอ?”
เธอพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก หดหู่ใจจนกอดหมอนอิงไขว้ขานั่งอยู่บนโซฟา “เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะใช้เอกสารที่ไร้ความหมายห่วยแตกเหล่านี้ มากระจายความสนใจของฉันให้ค่อยๆ หมดไป”
วิธีนี้เด่นชัดเกินไปและโง่เขลาเกินไปแล้ว ผู้รับผิดชอบของบางสาขาในบริษัท ตอนที่เห็นข้างบนส่งคนมาตรวจสอบ นอกจากแกล้งทำท่าก็จะเอาเอกสารที่สะสมมานานออกมาให้คนอื่นสำรวจตรวจการณ์ และอาศัยช่องว่างนี้แอบเคลื่อนย้ายความลับจุดสำคัญ ล่อเสือออกจากถ้ำ กระจายความสนใจ
ลูกไม้ที่เลวทรามต่ำช้า!
กลับหายากที่ลี่เฉินซีจะมีนิสัยที่ดี ก้มตัวเก็บขึ้นมาทีละชุดๆ กระทั่งยังเรียบเรียงให้เรียบร้อยวางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง “คุณไม่อยากดูเหรอ?”
“ดูอะไรล่ะ?” ซูย้าวเงยหน้าจ้องมองฝ้าเพดาน “สิ่งที่พวกเขาสามารถส่งมาได้ย่อมจะเป็นสิ่งที่ไม่มีปัญหา ทิ้งไว้อยู่นั้นเถอะ ฉันจะไม่ไปดูล่ะ!”
ถ้ามีเวลานี้เธอก็ขอกลับไปเมืองAอยู่ข้างกายลี่หมิงดีกว่า ถึงขนาดเสียเวลาทำสิ่งที่ดีเลิศเกินจริงแบบนี้ น่าเบื่อจริงๆ !
ส่วนเขาก็ส่ายหัวแล้วส่ายหัวเล็กน้อยอีกอย่างจนใจ กำลังย่างก้าวเดินไปยังเธอ กริ่งประตูที่อยู่ข้างหูดังขึ้นอีกแล้ว
ซูย้าวคิดว่าเป็นประธานหลี่ที่ไปแล้วกลับมาอีก รู้สึกว่าเขาแฝงไว้ด้วยเจตนาร้าย แม้ว่าเมื่อวานมีท่าทีนอบน้อมจริงใจเช่นนั้น แต่รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ ยิ่งขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย “มาอีกแล้ว ต้องส่งเอกสารที่ไร้ประโยชน์มากมายมาอีกแล้วแน่นอน คุณไปทำให้เขาออกไปเถอะ!”
ลี่เฉินซีหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ก็เลยเดินไปเปิดประตู
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเกินความคาดคิด คือคนที่อยู่นอกประตู ถึงขนาดไม่ใช่ประธานหลี่
เพราะว่าเขาใช้เวลามากไปหน่อย ดังนั้นซูย้าวทนไม่ไหวก็เลยลุกขึ้นเข้ามาดู เพิ่งเหลือบตามองหนึ่งที เธอก็นิ่งอึ้งไปเลย
“โม่หว่านหว่าน?” เธอออกเสียงที่ตื่นตะลึง “แกอยู่นี่ได้ยังไง?”
โม่หว่านหว่านลากกระเป๋าเดินทางที่ใหญ่เหลือเกินใบหนึ่ง บนกายยังสะพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์อีกใบหนึ่ง ในมือยังถือกระเป๋าแบรนด์หรูใบหนึ่งด้วย พอได้ยินเสียงของซูย้าว จึงถอดแว่นกันแดดออก จากนั้นวางของลงทีละชิ้น พุ่งตรงไปยังเธอ
“แกอีนังเด็กนี่!” โม่หว่านหว่านพุ่งเข้ามาก็กอดซูย้าวไว้อย่างแน่นเลย “อยากจะสะบัดฉันทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีคุณธรรมน้ำมิตรเกินไปแล้ว!”
ซูย้าว “……”
โม่หว่านหว่านค่อยๆ ปล่อยเธอออก ดีใจเป็นล้นพ้นแกว่งไกวกระเป๋าคอมพิวเตอร์ที่สะพายอยู่บนกายตนเองหนึ่งทีกับเธอ “ที่ปรึกษาทางเทคนิคของแกมาแล้ว บอกเถอะ แกอยากจะสืบหาอะไร”
ไม่ใช่โม่หว่านหว่านโอ้อวดตัวเองจนเกินไป ไฟร์วอลล์ซอฟต์แวร์อะไร การตั้งค่าโปรแกรมที่แม่นยำอะไร เพียงแค่เป็นสิ่งที่เธออยากจะบุกยึด ก็ไม่มีสิ่งที่ทำไม่สำเร็จ!
“จะสืบค้นสกีรีสอร์ทกับรีสอร์ตเซนเตอร์แห่งนี้เหรอ? ไม่มีปัญหา แกโปรดรอสักครู่นะ ฉันเปิดเครื่องก่อน……” โม่หว่านหว่านทั้งพูดอยู่ทั้งเอาคอมพิวเตอร์ที่สะพายไว้ลง ค่อยถอดเสื้อคลุมออกอีก ก็นั่งลงอย่างจริงจังเอาคอมพิวเตอร์ออกมาเตรียมตัวจะเปิดเครื่อง
ซูย้าวไม่รู้จะทำยังไงสูดลมหายใจลึกๆ ซ้ำๆ สองที เดินเข้าไปขวางเธอไว้ทันที “รอก่อน หว่านหว่าน อยู่ดีๆ แกทำไมวิ่งมาแล้วล่ะ?”
โม่หว่านหว่านคาดเดาได้ว่าเธอจะเริ่มคำพูดเก่าๆ ในอดีตเหล่านั้นอีกแล้ว ท่าทางที่หงุดหงิดถอยไปข้างหลังพิงนั่งอยู่บนโซฟา ยังดึงหมอนอิงมากอดไว้อยู่ในอกด้วย “แกอย่ามาพูดสิ่งเหล่านั้นในอดีตกับฉัน ฉันพูดกับลู่ส้าวหลิงชัดเจนแล้ว เขาสนับสนุนและเห็นด้วยที่ฉันมาช่วยแก”
“ไม่ว่าต่อมาจะเกิดอะไร ถึงแม้ต้องเสียชีวิตนี้ไป ก็เป็นฉันที่เลือกเอง ไม่เกี่ยวกับแกซูย้าว แกก็เอาแต่บอกกับฉันจะสืบหาอะไรก็พอ”
ท่าทีที่ใจเด็ดของโม่หว่านหว่านนี้ ไม่ต้องสงสัย กระทั่งยังมีความแข็งกร้าวหลายส่วนอย่างนั้นอีก
ในชั่วขณะ ซูย้าวไม่ทันตั้งตัว ก็ไม่รู้ว่าจะโต้ตอบยังไงเช่นกัน
ลี่เฉินซีกลับนิ่งเงียบจ้องมองผู้หญิงทั้งสองนี้อยู่ รูปร่างที่งดงามพิงอยู่ฝาผนังที่อยู่ไม่ไกล สายตาบางๆ ที่ลึกเงียบ สงบบ้างเล็กน้อย ลึกลับบ้างเล็กน้อย
โม่หว่านหว่านระหว่างเหลือบตามองคอมพิวเตอร์ที่เป็นที่รักของตนเอง ก็รีบยักคิ้วจ้องมองไปยังลี่เฉินซี “เฉินซี ถ้าไม่มีอะไรสั่งสอนภรรยาของคุณหน่อย ครั้งก่อนเธอฟาดคอมพิวเตอร์ของฉันล่ะ!”
“โชคดีฉันซ่อมได้แล้ว มิฉะนั้นซูย้าว ฉันจะไม่ปล่อยแกแน่!”
จ้องมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่แบ๊วๆ ใสๆ ที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ ซูย้าวถอนหายใจต่อๆ กันอย่างจนใจ “โม่หว่านหว่าน แกตัดสินใจจะช่วยฉันจริงๆ ใช่ไหม?”
โม่หว่านหว่านพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “อืม ใช่”
“ถ้าหากเรื่องเมื่อสองปีก่อนแสดงใหม่อีกครั้ง แกยังต้องใช้ชีวิตวิ่งหลบหนีหัวซุกหัวซุนแบบนั้นอีก กระทั่งยังอาจจะเดือดร้อนถึงลูกชายของแก แกก็ไม่แคร์ด้วยใช่ไหม?” ซูย้าวซักถาม
โม่หว่านหว่านครุ่นคิดสักหน่อย สุดท้ายยังคงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “ใช่”