เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 833 เธอไม่เอาเด็ดขาด
เช้าวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณตีห้า ขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ ขอบฟ้าสีส้มแดงที่มัวหมอง มีพระอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆ ขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก เช้าวันใหม่กำลังจะมาถึง
แต่ในห้องนอนที่อบอุ่น ซูย้าวยังจมปลักอยู่ในความฝัน กลับถูกความเคลื่อนไหวของข้างกายกวนจนตื่น
ระหว่างที่เธอครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็ถูกแรงที่นุ่มนวลกักขัง เหมือนในฝันได้จมลงไปในมหาสมุทร มีสาหร่ายที่นับไม่ถ้วนพันไว้ ยากที่จะขยับเขยื้อน
และความร้อนที่ทยอยกันมาอย่างไม่ขาดสาย ก็อบอ้าวจนทำให้เธอหายใจไม่ออก
อยู่ในความรู้สึกที่ซับซ้อนหลายอย่างนี้ ซูย้าวจำใจต้องลืมตาที่ง่วงเหงาหาวนอนขึ้นมา ต่อมาก็ได้เห็นใบหล่อเหลาแบดๆ ของผู้ชายที่อยู่ข้างกาย ดวงตาที่สวยงามเหมือนเศษดาว เต็มไปด้วยหมู่ดาวของกาแล็กซี่ ระยิบระยับเหมือนรุ่งอรุณของด้านนอก กะพริบตาปริบๆ มองเธอไว้ แม้แต่ใบหน้าที่คมสันและริมฝีปากที่สวยงามก็ประดับด้วยรอยยิ้ม
แต่เธอกลับไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนผู้ชาย หน้าตาที่เคร่งขรึมมีความประหลาดใจและตะลึงงัน เธอมือผลักเขาโดยที่ไม่ต้องคิดเลย พร้อมทั้งเขยิบตัวไปข้างๆ เธอที่อยู่ในความง่วงเหงาหาวนอน เสียงค่อนข้างแหบพร่า “คุณจะทำอะไรอีก?เพิ่งจะกี่โมงกี่ยามเอง อย่ามากวนฉัน ให้ฉันนอนอีกสักพัก……”
ระหว่างที่ซูย้าวพูดก็ได้พลิกตัว ร่างเล็กๆ ที่เกียจคร้านได้ขยับตัวแล้วนอนต่อ
แต่สถานการณ์แบบนี้ได้เป็นอยู่ประมาณห้าวินาที จากนั้นเธอก็ได้ลืมตาขึ้นมากะทันหัน พริบตาเดียวความง่วงก็ได้จางหายไปหมด สิ่งที่มาแทนที่คือ ความประหลาดใจและความใจเย็นที่เหลือเชื่อ
ซูย้าวได้พลิกตัวกลับมาอีกครั้งทันที พร้อมจ้องมองเขาอย่างเย็นชา หางตาได้เหลือบไปมองประตูห้องนอน “คุณเข้ามาได้ยังไง?”
ทั้งๆ เมื่อคืนเธอได้แยกห้องนอนกับเขา แถมยังตั้งใจล็อกประตูแล้วด้วยซ้ำ
ถึงแม้รู้ว่าลี่เฉินซีมีนิสัยความเคยชินที่ชอบ‘งัดแงะประตู’ย่องเข้ามากลางดึก แต่นั่นล้วนเป็นโรงแรมที่อยู่ภายใต้ชื่อของเขา ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน เธอก็ไม่ว่าอะไรแล้ว แต่ครั้งนี้โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่อยู่ภายใต้ชื่อของเธอเชียวนะ พนักงานก็ไม่เชื่อฟังคำยุยงปลุกปั่นของเขาไปมั่วหรอก งั้นก็คือ……
แววตาของลี่เฉินซีชิวๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แขนยาวได้โอบกอดเธอไว้พร้อมจูบแก้มของเธอ “ลูกบิดประตูแบบนี้ ไขง่ายมาก……”
“คุณ……”ซูย้าวตกใจจนรับมือไม่ถูก “คุณแงะประตูใช่มั้ย!”
ไม่นึกเลยว่าเขาจะกล้าแงะประตู!
นี่ก็คือพฤติกรรมของประธานกรรมของลี่ซื่อกรุ๊ป ท่านประธานที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญและปลาบปลื้มจากผู้คน?!
เธอรู้สึกเหลือเชื่อมาก และไม่สามารถจินตนาการได้ ที่มากกว่าคือ ยังถูกอากัปกิริยาของเขาทำเอาหมดคำพูดด้วย เธอขัดขืนด้วยความไม่พอใจ อยากหลุดพ้นออกมาจากอ้อมกอดของเขา “คุณปล่อยฉัน มาตอแยอะไรฉันแต่เช้าตรู่?”
“ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ?”เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของเขาแฝงด้วยความเกียจคร้าน ไม่มีความเย็นชาและความแข็งกร้าวของที่ผ่านมา มีแค่ความโหยหาและความปรารถนาที่ผู้ชายคนหนึ่งมีต่อผู้หญิง ศีรษะเขาซุกอยู่ที่ซอกคอเธอ ท่าทางของมือเรียวยาวเหมือนเมื่อคืนนี้ “ก็ทำเรื่องที่มีส่วนช่วยให้มีลูกไงล่ะ เด็กดี แค่มีเพิ่มอีกคนเอง เชื่อฟังนะ……”
ซูย้าวโมโหจนกัดฟันแน่น “คือเมื่อคืนฉันพูดไม่ชัดเจน หรือว่าหูคุณไม่ดีคะ?”
เขากลับยิ้มแย้ม “เอาล่ะ ไม่โวยวายแล้ว ผมไม่บังคับคุณมาแต่งงานซ้ำกับผม ยิ่งไม่บังคับให้คุณประนีประนอมอะไรเพื่อลูก วันข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นยังไง ขอแค่เป็นเรื่องที่คุณอยากทำก็ไปทำตามใจตัวเองเลย ไม่ต้องกังวลผมกับลูกๆ ”
“มีเบบี๋อีกคน ลำบากอีกแค่ไม่กี่เดือน ผมจะคอยอยู่เคียงข้างคุณเอง หลังจากลูกคลอดแล้วทุกอย่างมอบให้ผมเอง ต่อไปผมจะฟังคุณทุกอย่าง โอเคมั้ย?”
เขาสามารถพูดแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเห็นแก่ตัวสักนิดเลย
จะพูดยังไงดีล่ะ?
มีลูกอีกคน เขาจะอยู่เคียงข้างเธอตั้งครรภ์และคลอดลูกอย่างสุดจิตสุดใจ นี่ก็เป็นความใฝ่ฝันเล็กๆ ของเขา อยากใช้การตั้งครรภ์คลอดลูกของครั้งนี้มาชดเชยให้กับสิ่งที่เคยติดค้างเธอกับลูกๆ ถึงแม้ไม่สามารถชดเชยได้หมด แต่อย่างน้อยก็ได้ทำอะไรหน่อย
นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกจุดหนึ่งที่สำคัญกว่า นั่นก็คือซูย้าว……ฉลาดเกินคนจริงๆ และมีอุบายเล่ห์เหลี่ยมเกินไป
ตอนนี้สิ่งที่เขาทำทุกอย่าง ถึงแม้กำลังปิดบังเธออยู่ แต่ไม่แน่เธออาจจะสังเกตเห็นตั้งนานแล้ว หรือว่ามีการจัดเตรียมอย่างอื่นแล้ว เธอแคร์เด็กเกินไป ขอแค่เธอสามารถทะนุถนอมลูกๆ ทั้งหลายไว้เป็นอย่างดี เธอยอมเสียสละตัวเองก็ไม่รู้สึกเสียดายเลย
ถ้าสามารถให้เธอตั้งครรภ์อีกครั้งในช่วงระหว่างนี้ งั้นเพื่อลูกในท้องแล้ว เธอก็จะมีสิ่งที่ต้องใส่ใจและเลือกว่าจะเอาหรือไม่เอา สุดท้ายย่อมต้องมอบทุกอย่างให้เขามาจัดการ แบบนี้ก็เท่ากับว่าได้ผลดีกันทั้งสองฝ่ายและมีความสุขกันทุกคน
ยังสามารถหลีกเลี่ยงปัญหามากมายที่ไม่จำเป็นอีก แล้วลี่เฉินซีจะมีทางละทิ้งเรื่องดีๆ ที่ทำอย่างเดียวแต่ได้ผลดีหลายอย่างในคราวเดียวกันได้อย่างไร?!
ซูย้าวค่อยๆ ถอนหายใจทีหนึ่ง เพราะทำให้เขาสั่นคลอนไม่ได้ และขัดขืนออกมาไม่ได้ ได้แต่ออกแรงขวางฝ่ามือใหญ่ที่อยู่ไม่เป็นสุขของเขาไว้ จากนั้นเธอถึงพูดว่า “ใช่ ลูกสำคัญมากและเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก ฉันมีลูกกับคุณสามคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่มอีกคนแล้วจริงๆ ”
“นี่คืออันแรก รองลงมา ไม่ได้เหมือนที่คุณพูดว่าคลอดลูกเสร็จฉันก็จะหลุดพ้นแล้ว คุณอาจจะเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง และสามารถช่วยฉันแบ่งเบาภาระได้เยอะมาก แต่ถ้ามีลูกอีกคน งั้น……”
เธอตั้งใจไม่พูดต่อ ถ้ามีลูกอีกคน งั้นบั้นปลายชีวิตของตัวเอง ก็เท่ากับว่าต้องผูกมัดกับลี่เฉินซีไว้ด้วยกันแล้วน่ะสิ
ไม่เอา เธอไม่เอาเด็ดขาด!
มันไม่ยุติธรรมเลย!
ตอนนี้ทางฝั่งอานเจียเย้นเป็นปัญหาที่รับมือยากมาก รองลงมา ถ้าเรื่องนี้สามารถจบอย่างสมบูรณ์แบบ เธอยังจะเจียดเวลาออกมามากมายมาทำธุรกิจของตัวเอง และจะไปทำเรื่องมากมายที่ไม่เคยทำ อย่างเช่นเที่ยวรอบโลก?
อย่างเช่นสร้างบริษัทที่เป็นของตัวเองขึ้นมา และอย่างเช่น ทำพวกธุรกิจศิลปะที่เธอถนัดที่สุดและโหยหาที่สุดและอื่นๆ ……
“ลี่เฉินซี ฟังดีๆ นะ”ซูย้าวพยายามให้ตัวเองใจเย็นลง ใข้น้ำเสียงที่สงบจิตสงบใจคุยกับเขา”ที่ผ่านมา หลังจากพ่อของฉันเสียไป ฉันก็ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำลึกไฟร้อนที่อกสั่นขวัญแขวนทุกวัน แม้แต่หัวเราะกับร้องไห้ก็ยังต้องดูสีหน้าของคนอื่นทุกวินาที ไม่สามารถเลือกวิชาชีพที่ตัวเองชอบ ไม่สามารถเรียนมหาลัยที่ตัวเองชอบ ไม่สามารถไปเรียนต่อที่เมืองนอก ไม่สามารถสร้างบริษัทของตัวเอง……”
นี่คือสมัยเด็กและสมัยวัยรุ่นในอดีต เธอสูญเสียทุกอย่างที่เด็กปกติคนหนึ่งควรจะมี ต่างก็บอกว่าวัยเด็กเป็นช่วงที่สวยงามที่สุดของชีวิต เพราะสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล ไม่ต้องวางแผนชีวิต ไม่ต้องดิ้นรนทำมาหากิน แต่ชีวิตของซูย้าวไม่เคยมีช่วงชีวิตที่สวยงามนี้เลย
“ต่อมา แต่งงานกับคุณ ทุกอย่างที่คุณเคยกระทำ น่าจะจำได้นะ!”เธอไม่ใช่ว่าอยากจะพูดถึงเรื่องต่างๆ หลังแต่งงาน ไม่ใช่พูดไม่ออก แต่ว่าไม่อาจไปรื้อฟื้นจริงๆ !
ทันใดนั้นแววตาของลี่เฉินซีได้แข็งตัวไว้ ในขณะเดียวกัน มือที่กักขังเธอไว้ก็ค่อยๆ คลายออก
ซูย้าวฉวยโอกาสหนีออกมาจากอ้อมกอดเขา นั่งตัวตรงขึ้นมาพร้อมถอยหลัง จัดระเบียบชุดนอนไปด้วยและพูดไปด้วย”กว่าจะหย่าร้างได้ไม่ใช่ง่ายๆ แถมฉันยังถูกขโมยลูกไปคนหนึ่ง เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวคอยเลี้ยงดูซีซี พอคิดดูแล้ว สามสิบกว่าปีมานี้ เหมือนแทบจะไม่มีวันไหนเลยที่ฉันใช้ชีวิตเพื่อตัวเองจริงๆ ”
พูดคำนี้จบ เธอก็รีบแก้ไขคำพูดอีก “ไม่ใช่สิ คือยี่สิบสามสิบปีของก่อนหน้านี้ นอกจากสองปีนี้”
หนึ่งเดียวที่เธอซาบซึ้งใจอานเจียเย้นมีอยู่ไม่กี่จุด
อันดับแรก ถึงอานเจียเย้นจะโหดเหี้ยมอำมหิต แต่กลับได้คุ้มกันความปลอดภัยของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจากมือของเพ้ยหยู่เจี๋ย ไม่งั้นซูย้าวในนาทีนี้คงจะกลายเป็นศพเหม็นเน่าที่ศพจมอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว
รองลงมา ถึงแม้อานเจียเย้นจะแข็งกร้าวและเฉียบขาดในทุกด้าน แต่ไม่ว่าเธอจะมีทักษะที่เหนือกว่า หรือเธอมีกลอุบายมากมาย แต่อย่างน้อยเขาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอจริงๆ ได้รักษาศักดิ์ศรีเสี้ยวหนึ่งของเธอไว้
และสุดท้าย ก็คืออานเจียเย้นเคยใช้ศักยภาพของตัวเองให้อิสระเสรีกับเธอมาสองปีกว่า เป็นชีวิตที่เป็นของตัวเองจริงๆ และสามารถใช้ได้อย่างตามใจชอบ
ในสองปีกว่านี้ ตอนที่ยังไม่ได้กลับมาที่เมืองA ก่อนที่จะเจอลี่เฉินซีอีกครั้ง เธอไม่มีความทรงจำของอดีต ใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผยและอิสระมาก
ตอนนี้คิดๆ แล้วช่างล้ำค่าจริงๆ
ก็เพราะหลายจุดนี้ ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอานเจียเย้นจะสามารถถอนตัวในเวลาที่เหมาะสม ไม่อยากให้เขามีจุดจบที่แย่เกินไป
“ตอนนี้เจิ้งเอ๋ออุตส่าห์โตขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว หมิงเอ๋อกับซีซีก็เจ็ดแปดขวบแล้ว ฉันสามารถมอบลูกๆ ให้คุณอย่างสุดจิตสุดใจ และค่อยค้นหาชีวิตของตัวเองแล้ว ลี่เฉินซี คุณให้ฉันมีลูกอีกคน?ให้ฉันกักขังอยู่ที่ข้างคุณต่องั้นเหรอ?ไม่เอา!ฉันไม่เอาเด็ดขาด!”