เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 851 เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามวันแล้ว
ตอนที่ลี่เฉินซีไปโรงพยาบาลอีกครั้ง ก็เห็นซูย้าวนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยขนาดใหญ่เงียบๆ สองมือกอดเข่า ก้มหน้านิ่ง โดยไม่มองเขา และยิ่งไม่พูดไม่จาแม้แต่น้อย
ในระยะนี้เขาเคยมาหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เธอก็เป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่พูดไม่จา ไม่ยอมทำอะไร กระทั่งกินอาหาร ก็แทบจะไม่มีข้าวและน้ำตกถึงท้อง
หลินโม่ป่ายเป็นกังวลว่าร่างกายเธอจะทนไม่ไหว จึงจำเป็นต้องฉีดสารอาหารให้เธอ แต่เธอดื้อรั้นเกินไป ทุกครั้งล้วนอาศัยโอกาสที่คนไม่ระวังดึงเข็มให้น้ำเกลือออก ราวกับตุ๊กตาผ้าที่ขาดกะรุ่งกะริ่ง จากไปพร้อมกับลี่หมิง กระทั่งชีวิตและความรู้สึกสุขทุกข์ ดีใจหรือโกรธก็ล้วนถูกนำไปด้วยเช่นกัน
เธอไม่ได้สิ้นหวังจนเรียกร้องหาความตาย แต่ว่าเธอไม่กระหายและไม่หิวจริงๆ ทั้งยังไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำอะไร อาจจะเป็นเพราะเศร้าเสียใจมากเกินไปจนไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย!
การตายอย่างกะทันหันของลูกสร้างความสะเทือนใจให้เธอมากเกินไปจนยากที่จะฟื้นคืนกลับมาได้อีก
ลี่เฉินซีถอนหายใจเบาๆอย่างจนปัญญา เดินไปนั่งลงข้างกายเธอ ประคองแก้มเธอขึ้นมาเบามือ “ใจเย็นพอแล้วหรือยัง”
ซูย้าวยังคงไม่พูดอะไร หันหน้าหนีไป ไม่แม้กระทั่งคิดจะมองเขา ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ไม่สามารถเข้าใจเรื่องวิธีการส่งศพของลูกออกไป แม้ว่ามันจะถูกต้อง และเป็นเพราะโรคติดต่อจึงจำเป็นต้องจัดการด้วยการเผาให้เป็นเถ้าถ่าน
แต่ว่าเรื่องแบบนี้ เป็นแม่คนไหนก็ต้องการเวลาในการทำความเข้าใจไม่ใช่หรือ จะเห็นด้วยอย่างเต็มใจ และยอมรับได้อย่างไรกัน
ตั้งครรภ์สิบเดือน ให้กำเนิด อดทนต่อความเจ็บปวดและความยากลำบากเพื่อเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ ทุ่มเททุกสิ่ง มีเพียงแค่คนเป็นแม่ที่สามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง
เธอเบนหน้าหนี จงใจหลบเลี่ยงมือของเขา นิ่งเงียบราวกับไร้ชีวิต สงบนิ่ง ไร้ซึ่งความกระฉับกระเฉง
นัยน์ตาลุ่มลึกของลี่เฉินซีหรี่ลงเล็กน้อย เขยิบร่างเข้าไปใกล้เธอ ยื่นมือไปโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด ลูบไหล่เธอเบาๆ “ถ้าหากว่าใจเย็นพอแล้ว ก็ไปเข้าร่วมพิธีศพของหมิงเอ๋อเป็นเพื่อนผม โอเคไหม”
พิธีศพ?!
ยามที่แววตาไร้ซึ่งความกังวลของซูย้าวรู้สึกได้ถึงคำพูดไม่กี่คำนี้ ก็หดวูบอย่างเห็นได้ชัด รีบดิ้นรนเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนเขาตามจิตใต้สำนึก และพยักหน้าช้าๆ หลังจากนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง
ลี่เฉินซีฝืนฉีกรอยยิ้ม ลุกขึ้นแล้วดึงเธอขึ้นมา “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เขาเตรียมชุดพิธีการสีดำให้เธอเรียบร้อยแล้ว ซูย้าวไม่มีเวลาจะมาสนใจอะไรมากมาย รีบร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดแต่งทรงผมยาวให้เป็นมวยหลวมๆบริเวณหลังศีรษะ มีปอยผมบางส่วนที่ตกลงมา แต่เธอก็ไม่มีเวลามาสนใจ เธอเปลี่ยนรองเท้าและเตรียมลงไปที่ชั้นล่างกับเขา
แต่เมื่อเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็ชะงักตามจิตใต้สำนึก
ลี่เฉินซีสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเธอ จึงหยุดเท้า และหันกลับมา “ทำไมหรือ”
สีหน้าเฉื่อยชาของเธอแข็งค้างไป นัยน์ตาใสนิ่งค้าง และค่อยๆแดงก่ำขึ้นมา ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความลังเล “ไม่ ไม่ได้…”
ลี่เฉินซีไม่เข้าใจ จึงก้าวไปข้างหน้า กอดหมับเข้าที่เธอ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ไม่ได้ ฉันไม่ไป!” จู่ๆสายตาเธอก็ปรากฏความแน่วแน่ “หมิงเอ๋อไม่สามารถจากไปทั้งแบบนี้ ไม่ได้ ฉันไม่ไป…”
ถ้าหากว่าเธอไปเข้าร่วมพิธีศพ จะเท่ากับว่าในใจของเธอยอมรับแล้วว่าลูกชายของเธอเสียชีวิตไปแล้วใช่หรือไม่?!
ไม่ เธอไม่ต้องการ!
นั่นคือลูกของเธอ เธอจะยอมให้เขาไปน้ำพุเหลืองคนเดียวได้อย่างไร!
ลี่เฉินซีเข้าใจความเศร้าโศกของเธอ แววตาเศร้าเหงาหม่นหมอง โอบเธอเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น “ย้าวย้าว ถือว่าพวกเราไปส่งหมิงเอ๋อเป็นครั้งสุดท้าย! เขายังเด็กขนาดนั้น จำเป็นต้องให้คุณพ่อคุณแม่ไปส่งเขา ไปด้วยกันนะ?”
“แต่ว่า..” ซูย้าวสะอื้นขึ้นมา ฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล ส่ายหน้าอย่างดื้อดึง “ฉันไม่อยากให้หมิงเอ๋อจากไป ฉันไม่อยากให้เขาไป!”
ลี่เฉินซีกอดเธอ โน้มตัวก้มหน้าซุกไหล่เธอ เสียงทุ้มต่ำเจือไปด้วยความเข้าใจได้ยาก “ผมก็อาลัยอาวรณ์ แต่ว่านี่คือความจริง ไม่ใช่หรือ”
“ไปเถอะ เจิ้งเอ๋อกับซีซีล้วนไปถึงแล้ว เด็กสองคนนั้นก็เสียใจมาก พวกเราต้องคิดเผื่อเด็กสองคนนั้นด้วยนะ!” เขากล่อมเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ซูย้าวหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด พยายามฝืนพยักหน้า คล้องแขนลี่เฉินซีเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปพร้อมกับเขา
ทั้งสองคนนั่งรถตรงไปยังสุสาน เป็นสุสานส่วนตัวของตระกูลลี่ ผู้ที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ล้วนเป็นบรรพบุรุษตระกูลลี่ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ในตอนนี้ ที่แห่งนี้ยังต้องเพิ่มป้ายหลุมศพเพิ่มขึ้นมาอีกอันหนึ่ง ตั้งขึ้นเพื่อให้หลานชายตัวน้อยตระกูลลี่
เป็นเพราะลี่หมิงอายุน้อยเกินไป การจัดพิธีศพให้สะเทือนเลือนลั่นนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นกล่าวโดยภาพรวมแล้ว งานเรียบง่ายมาก ไม่ได้ประกาศครึกโครมต่อคนภายนอก และไม่ได้มีญาติและเพื่อนฝูงมาร่วมมากนัก ผู้ที่มาเข้าร่วมล้วนเป็นญาติของตระกูลลี่ และเพื่อนฝูงที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันบางส่วน
ลู่ส้าวหลิงและโม่หว่านหว่านก็มา พวกเขาปลอบประโลมซีซีที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด หัวใจแตกสลาย
ซีซีโผเข้าไปที่หน้าป้ายหลุมศพของลี่หมิง ตะโกนเรียก ‘พี่ชาย’ครั้งแล้วครั้งเล่า ‘เสียงตะโกนเรียกหาแหบแห้งจนหมดแรงนั้นราวกับปลายมีดแหลมคมที่ทิ่มแทงลงบนหัวใจของซูย้าวอย่างแรง เธอร้องไห้น้ำตานองหน้าโดยไม่รู้ตัว ร่างกายโงนเงนไปมา โชคดีที่ลี่เฉินซีประคองเธอเอาไว้ ถึงได้ฝืนยืนอยู่ได้
ดูเหมือนลี่เจิ้งจะเป็นเด็กโตแล้วคนหนึ่ง คล้ายกับว่าผ่านเรื่องของน้องชายไป ก็เติบโตขึ้นไม่น้อยภายในคืนเดียว ไม่ดุน้องสาวเหมือนกับก่อนหน้านี้อีก กลายเป็นอ่อนโยนมากขึ้น และรู้จักโอ๋ซีซี ดูแลเอาใจใส่อย่างทั่วถึง
พิธีศพดำเนินไปได้ครึ่งหนึ่ง ท้องฟ้าที่มืดครึ้มอยู่นานก็มีฝนตกลงมา
ชุดของซูย้าวเปียกชื้นไปด้วยเม็ดฝนปรอยๆ ทั้งยังชะล้างหยดน้ำตาบนใบหน้าของเธอจนแยกไม่ออกว่า นั่นคือน้ำฝนหรือว่าน้ำตา เธอนิ่งราวกับถูกกำหนดให้ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างด้านชา เธอจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพของหมิงเอ๋อเขม็ง องค์ประกอบเค้าโครงสดใสของเด็กน้อย ใบหน้าขาวสะอาด รอยยิ้มเจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ เป็นเด็กที่ดีมากขนาดนั้น แต่กลับ…
ลี่เฉินซีกางร่ม ดูแลเธอไป พลางยื่นมือไปประคองลูกสาวตัวน้อยขึ้นมา ซีซีร้องไห้เสียจนเกือบจะเป็นลมอยู่หลายครั้ง เธอกอดขาชายหนุ่มด้วยความเจ็บปวด แหงนใบหน้าที่นองน้ำตาขึ้น “คุณพ่อ หนูจะไม่ได้เจอพี่รองอีกแล้วใช่ไหมคะ”
เธอกับลี่หมิงเป็นฝาแฝด ล้วนพูดกันว่าจิตใจของฝาแฝดนั้นสื่อถึงกัน ตอนที่ลี่หมิงป่วยหนัก ซีซีก็คล้ายกับรับรู้ได้ ตอนที่หมิงเอ๋อขาดใจตาย ซีซีก็ร้องไห้โฮไม่หยุดอยู่ในอ้อมแขนของลี่เจิ้งด้วยความเจ็บปวดทั้งที่อยู่ในที่ห่างไกล
ลี่เฉินซีไม่รู้ว่าควรจะตอบลูกสาวว่าอะไรดี ทำได้เพียงแค่ลูบศีรษะของเด็กน้อยอย่างเบามือ “หมิงเอ๋อล้วนมีชีวิตอยู่ตลอดกาล เชื่อพ่อ”
“หนูคิดถึงพี่รอง หนูไม่อยากแยกจากพี่รอง!” ซีซีร้องไห้อย่างสะเทือนอารมณ์ ราวกับหยุดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้เสียจนหายใจติดขัด
ลี่เจิ้งเดินเข้ามาดึงน้องสาวในเวลาที่เหมาะสม “เธอยังมีพี่อยู่ไม่ใช่หรือ พี่ก็เป็นพี่ชายของเธอไม่ใช่หรือ วางใจเถอะ หลังจากนี้พี่ใหญ่จะรักและทะนุถนอมเธอเอง จะไม่ดุเธออีกแล้ว ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้เป็นพี่ใหญ่ที่ไม่ดีเอง…”
“พี่ใหญ่ หนูก็ยังต้องการพี่รอง…” ซีซีแอบอิงอยู่ในอ้อมแขนของลี่เจิ้ง ปล่อยเสียงร้องไห้โฮและเอาแต่ใจ
ลี่เจิ้งขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาบางส่วนเอ่อคลอบริเวณหางตา รินไหลลงมาอย่างช้าๆ ทว่าเพียงแค่ครู่เดียว ก็หายไปจากสายตา
ทันใดนั้นสายฝนก็ตกลงมา ใกล้จะถึงช่วงท้ายของพิธีศพ คนอื่นๆที่อยู่รอบด้านทยอยแยกย้าย ลู่ส้าวหลิงกับโม่หว่านหว่านจูงลี่เจิ้งกับซีซีไปขึ้นรถ
เหลือเพียงซูย้าวกับลี่เฉินซีสองคน เธอยังคงจ้องมองป้ายหลุมศพ โดยไม่ขยับเขยื้อน
ราวกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างกะทันหันจะไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเธอ เธอเพียงแค่อยากจะใช้วิธีการนี้มาอยู่เป็นเพื่อนลูกชายให้นานขึ้น เขายังเด็กเกินไป ระหว่างทางไปบ่อน้ำพุเหลือง จะปรับตัวได้ยากเพียงใดกัน!
ลี่เฉินซีกางแขนโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด มือใหญ่กระชับแน่น ลูบแขนเธอแผ่วเบาไม่หยุด “หมิงเอ๋อจากไปแล้ว พวกเรายังมีเจิ้งเอ๋อกับซีซี จะต้องเข้มแข็งนะ?”
ซูย้าวยกมือปาดคราบน้ำตาบนใบหน้า พยายามสูดจมูก “ฉันจะไม่ยอมให้หมิงเอ๋อตายไปอย่างเสียเปล่า อานเจียเย้นเป็นคนทำเรื่องนี้ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน ฉันก็จะให้เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
เธอสาบานว่าสายเลือดของตัวเองจะต้องไม่ตายเสียเปล่า ไม่อย่างแน่นอน!
ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผนการลับหลังหรือวิธีการใด จะเป็นการจัดฉากหรือคิดบัญชี แม้ว่าจะเอาทองไปลู่กระเบื้อง เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เธอก็จะให้อานเจียเย้นจ่ายค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย ชดใช้ชีวิตให้กับลูกชายเธอ!