เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 852 ทอดทิ้งฉันเถอะ
“ได้ เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
ลี่เฉินซีกุมมือเธอเอาไว้แน่น น้ำเสียงมั่นใจเผยให้เห็นความแน่วแน่อันแข็งแกร่ง “แต่เรื่องนี้ต้องให้ผมเป็นคนทำ ผมสูญเสียลูกชายไปคนหนึ่งแล้ว ไม่สามารถสูญเสียใครไปได้อีก ซูย้าว คุณ เจิ้งเอ๋อกับซีซี พวกคุณจะต้องปลอดภัย!”
สำหรับซูย้าวแล้ว การสูญเสียลี่หมิงเป็นการโจมตีที่ทำลายเธอ และสำหรับลี่เฉินซีนั้นไม่ใช่เช่นกันหรือ
เธอเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย โดยที่ดวงตานิ่งลึกไม่ได้เหลือบมองขึ้นมา
ท่าทีแบบนี้ดูแล้วทำแบบลวกๆพอเป็นพิธี และไม่ใส่ใจเป็นอย่างมาก แต่ลี่เฉินซีกลับไม่มีความจำเป็นต้องถือสาหาความอันใด ขอเพียงแค่ตอนนี้เธอยังสบายดีอยู่ เรื่องอื่นๆ เขาล้วนจัดการแก้ไขด้วยตนเองได้
หลังจากผ่านพิธีศพไป เวลาพลบค่ำก็มาเยือน โดยเฉพาะการขับรถจากชานเมืองมาถึงเขตเมือง ตลอดทางสายฝนเทกระหน่ำดังซู่ ทำให้จิตใจของคนยากที่จะสงบลงได้
ซีซีร้องไห้อยู่นานมาก สุดท้ายก็ฝืนต้านแรงกายที่ถูกใช้ไปหมดไม่ไหว ซบตัวนอนลงบนไหล่ของลี่เจิ้ง
ลี่เฉินซีไม่ได้ส่งซูย้าวกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลซู แต่พาเธอกับลูกๆตรงกลับไปยังแมนชั่นของตัวเอง และจัดการให้ซูย้าวขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนก่อน หลังจากนั้นก็อุ้มซีซีกลับไปที่ห้อง
เขามีเวลาว่างเล็กน้อย จึงพาลี่เจิ้งไปที่ห้องหนังสือ
เมื่อจัดการทุกคนให้แยกย้ายกันหมดแล้ว เขาก็ปิดประตูห้อง หันกลับมามองลูกชาย “เจิ้งเอ๋อ เรื่องของหมิงเอ๋อ…”
“พ่อครับ” ลี่เจิ้งไม่ได้ให้เขาเอ่ยต่อไป “ไม่ต้องพูดแล้วครับ ผมเข้าใจ”
แม้ว่าจะเข้าใจ แต่ก็ยังรับไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลี่หมิงก็ดีมากที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องนั้นดีมาก จู่ๆก็เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ลี่เจิ้งจะยอมรับได้อย่างไม่สะทกสะท้านได้อย่างไรกัน
แต่เด็กน้อยก็ยังคงพยายามผ่อนคลายจิตใจ สายตาลุ่มลึกคู่นั้นมองไปที่บิดา “ผมจะดูแลน้องสาวให้ดี จะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว!”
ลี่เฉินซีโค้งตัวลงไปลูบแก้มลูกชายเบามืออย่างปลอบโยน “เจิ้งเอ๋อรู้ความ และโตขึ้นแล้วจริงๆ แต่ทางด้านนั้นยังมีเรื่องราวอีกมาก พ่อไม่สามารถบอกลูกได้ชั่วคราว เจิ้งเอ๋อ พรุ่งนี้พาน้องสาวไปจากที่นี่ช่วงเวลาหนึ่ง ได้ไหมลูก”
“ครับ” ลี่เจิ้งพยักหน้า “พ่อครับ ดูแลแม่ให้ดีนะครับ ผมสูญเสียน้องชายไปแล้วคนหนึ่ง ไม่อยากสูญเสียกระทั่งคุณแม่ไปอีกคน!”
ลี่เฉินซีจิตใจหนักอึ้ง สุดท้ายก็พยักหน้า “ได้ พ่อจะดูแลแม่ให้ดีแน่นอน ลูกก็ดูแลน้องสาวให้ดีเช่นกัน”
พ่อลูกพูดคุยกันอีกหลายประโยค โชคดีที่ลี่เจิ้งโตแล้วจริงๆ ทั้งยังรู้ความมาก เรื่องราวมากมายจึงไม่ต้องให้ลี่เฉินซีอธิบายมากนัก เขาก็เข้าใจชัดเจน
ในคืนนั้น ซูย้าวให้แม่บ้านซื้อกระดาษไหว้เจ้ากลับมาเยอะมาก พับทีละแผ่นๆเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็กล่อมลูกสองคนเข้านอน และไปวาดวงกลมที่สวนหลังบ้าน ขณะจุดไฟอย่างช้าๆ
เธอเตรียมกระดาษไหว้เจ้าเอาไว้เยอะมาก ดังนั้นกระบวนการจึงค่อนข้างเชื่องช้ากว่าจะเผาขึ้นมาได้
ลี่เฉินซีสังเกตเห็นแสงไฟที่สวนหลังบ้านตั้งแต่แรกแล้ว จึงเดินมาที่ข้างกายเธอ คลุมเสื้อโค้ทในมือไว้บนไหล่เธอ และถือโอกาสโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน “กำลังเผากระดาษให้หมิงเอ๋อหรือ”
“อืม” เธอตอบเสียงเบา
“หมิงเอ๋อเป็นเด็กดี ฉลาดและเข้าอกเข้าใจคนอื่นมาก แม้ว่าจะไปทางนั้น ก็จะต้องได้รับการดูแลอย่างดีแน่นอน พวกเราควรจะวางใจ” เขาพยายามปลอบใจเธอ
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ทำให้สวนหลังบ้านที่มืดมิดเจิดจ้าขึ้น ท่ามกลางเปลวไฟ ซูย้าวเหลือบตาขึ้นมองเขาช้าๆ “ฉันรู้ว่าคุณจะต้องมีแผนการและความตั้งใจอะไรบางอย่างแน่นอน ฉันไม่คิดจะถามให้มากความ คุณจะต้องมีเหตุผลที่ปิดบังฉันแน่นอน”
หลายปีมานี้ สำหรับเรื่องนี้ เธอยังคงยินยอมที่จะเชื่อเขา
“คำพูดที่เกินความจำเป็น ฉันก็ไม่อยากจะพูดแล้วเช่นกัน มีเพียงแค่ประโยคเดียว” เธอชะงักไปเล็กน้อย เบี่ยงตัวออกจากเขา พลิกกระดาษไหว้เจ้าเหล่านั้น และใส่เพิ่มเข้าไปอีกหลายแผ่น ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยต่อว่า “ไม่ต้องคำนึงถึงฉัน นำข้อมูลที่คุณตรวจสอบพบพวกนั้นมอบออกไปเถอะ!”
“ฉันรู้ว่า อานเจียเย้นผลักให้ฉันออกไปเป็นแพะรับบาปแต่แรกแล้ว คุณถึงได้รีรอไม่ยอมลงมือเพราะเรื่องนี้เช่นกัน ถูกต้องไหมคะ!”
ความจริงแล้วซูย้าวล้วนรู้ดีมากกว่าใครว่าอานเจียเย้นวางแผนจะทำสิ่งใดกันแน่ นอกจากความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาแล้ว ที่มากไปกว่านั้นก็คือ เขาตั้งใจจะผลักซูย้าวออกไปเป็นโล่กันธนู ส่วนลี่เฉินซีที่แม้ว่าจะมีหลักฐานอยู่ในมือ ก็ไม่อาจหุนหันพลันแล่นได้
ลี่เฉินซีคำนึงถึงซูย้าว พยายามที่จะดึงเธอออกมา ให้เธอปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ
แน่นอนว่าความมุ่งมั่นเดิมและเจตนาที่แท้จริงนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่กลับละเลยไปจุดหนึ่ง นั่นก็คือปัญหาเรื่องเวลา
ยกตัวอย่างตอนนี้ ถ้าหากว่าเขามอบหลักฐานทั้งหมดที่มีออกไปเร็วกว่านี้ ซูย้าวอาจจะถูกจับเพราะเหตุนี้ และอาจจะถูกลากเข้าไปพัวพัน จนถึงขั้นที่อาจจะถูกจับเข้าคุก แต่ในขณะเดียวกันนั้น อานเจียเย้นก็จะต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่น้อย คิดจะปกป้องตัวเองนั้นยากมากจริงๆ
แบบนี้ล่ะก็ เรื่องที่เหมือนกับของลี่หมิงก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก!
ถึงขั้นที่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จะยังมีใครที่มีใจคิดพะวงเรื่องแผนการไปทำร้ายคนอื่นอีก
แต่ลี่เฉินซีระมัดระวังสิ่งเหล่านี้มากเกินไป เขาต้องการปกป้องซูย้าวกับลูกๆ ยิ่งต้องการที่จะจัดการแก้ไขเรื่องนี้อย่างสงบ ทว่าโลกใบนี้จะสมปรารถนาไปทุกเรื่องได้อย่างไรกัน
แม้ว่าจะได้ ล้วนสามารถทำทุกสิ่งได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว วางแผนพิจารณา เตรียมการ รวมถึงวางโครงเรื่องจัดฉากไม่ใช่หรือ
ในช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัว ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าคนอื่นจะมีการเคลื่อนไหวอื่นๆ ความเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้นั้นแย่งชิงชีวิตของลี่หมิงไปแล้ว ถ้าหากว่ายังยื้อต่อไป จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
ซูย้าวไม่อาจรู้ได้ และมิอาจจินตนาการได้เช่นกัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันแล้ว ฉันตั้งใจที่จะพินาศไปพร้อมกับอานเจียเย้นแล้ว เฉินซี ระหว่างลูกกับฉัน คุณไม่สามารถดูแลทั้งสองฝ่ายให้ดีได้แน่นอน เรื่องของหมิงเอ๋อ คุณก็ยังมองไม่ออกอีกหรือ”
ซูย้าวหันหน้าไปด้านข้าง พลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา พยายามอำพรางหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอในนัยน์ตา “คุณต้องการที่จะเห็นว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเจิ้งเอ๋อหรือซีซีอีกหรือ”
“ยังมีคุณแม่ของคุณอีก” ซูย้าวเอ่ยเตือนอีกครั้ง “เธออยู่ไกลถึงต่างประเทศ ฉันไม่เคยจำกัดอิสระของเธอ เพียงแค่เอ่ยเรื่องพวกนี้กับเธออย่างชัดเจน ให้เธอซ่อนตัวช่วงหนึ่งชั่วคราว”
สาเหตุที่เจี่ยงเวินอี๋รีรอไม่ยอมติดต่อลี่เฉินซี และไม่ยอมปรากฏตัว ก็เป็นเพราะซูย้าวล้วนได้พูดแจกแจงข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับเธอแล้ว
เจี่ยงเวินอี๋ก็เป็นมารดาคนหนึ่ง และยิ่งเป็นถึงคุณยายแล้ว สิ่งที่เธอแคร์ก็คือความปลอดภัยของลูกชาย หลานชายและหลานสาวของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่อยากให้ตัวเองถูกคนใช้เป็นเบี้ยในการข่มขู่ ถึงได้หลบซ่อนตัว ไม่ยอมปรากฏตัวออกมา
ทว่าไม่ยอมปรากฏตัวก็คือไม่ยอม แต่ถ้าหากผู้อื่นมีใจคิดจะตามหา ก็ไม่ใช่ว่าจะตามหาไม่พบ
“ถ้าหากว่าอานเจียเย้นทำอะไรอีก เจิ้งเอ๋อ ซีซี ยังมีคุณแม่ของคุณ รวมถึงคุณและฉันล้วนมีอันตรายทั้งนั้น คุณต้องการจะปกป้องความปลอดภัยและอันตรายของผู้คนมากมายขนาดนี้ เฉินซี คุณเป็นคนคนหนึ่ง ไม่ใช่พระเจ้า ไม่สามารถปกป้องได้ทั้งหมด”
เธอก้าวไปข้างกายเขา ยื่นมือออกไปกอดเขาเอาไว้ ซบหน้าลงบนแผงอกนั่นแน่นของชายหนุ่ม สูดกลิ่นอายบนร่างของเขาด้วยความโลภ กลิ่นหอมหวานดึงดูดใจเบาบางนั้นมักจะสดใสราวกับดอกกล้วยไม้ “ทอดทิ้งฉันเถอะ!”
“ถือว่าทำให้ฉันสมปรารถนา ทิ้งฉันแค่คนเดียว ให้ฉันดึงอานเจียเย้นลงไปในนรก คุณก็พาเจิ้งเอ๋อกับซีซีไปใช้ชีวิตให้ดี ในชีวิตนี้เคยได้รักคุณ และถูกคุณรัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีต และไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกขมเฝื่อนหรือว่าหอมหวาน เฉินซี ล้วนต้องขอบคุณคุณ”
เธอเขย่งปลายเท้าจุมพิตลงบนริมฝีปากชายหนุ่ม ขบเม้มแผ่วเบาเล็กน้อย “ฉันรักคุณ และรักลูกๆ ชาติหน้า ถ้าหากว่ามีชาติหน้า อย่าให้ฉันหลงรักคุณก่อน เปลี่ยนเป็นคุณรักฉัน จีบฉัน ชดเชยให้ฉันแล้วกันนะ!”
“คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ!” ลี่เฉินซีเงียบไปนาน นัยน์ตาลึกซึ้งที่สงบนิ่ง เลือนรางและลึกล้ำอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ภายใต้เปลวไฟที่สาดส่อง
ซูย้าวพยักหน้า ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลบริเวณหางตา “เตรียมตัวเอาไว้นานแล้ว ฉันจะจากไปในคืนวันนี้ พรุ่งนี้เช้า คุณก็นำหลักฐานในมือเหล่านั้นมอบให้กับองค์การตำรวจสากลเถอะ พวกเขาจับจ้องอานเจียเย้นมานานแล้ว จะต้องให้ความสนใจมากอย่างแน่นอน ทั้งยังจะจัดการดำเนินคดีอย่างรวดเร็วเช่นกัน”
ลี่เฉินซียื่นมือไปกุมมือเธอเอาไว้ “ยังคิดจะทำเหมือนกับสองปีก่อนหน้านี้ ทิ้งผมกับลูกๆอีกครั้ง และสละตัวเองคนเดียวอีกหรือ”
“ซูย้าว ถ้าหากว่าผมยอมให้คุณทำแบบนี้จริงๆ ผมจะเป็นผู้ชายประสาอะไร เป็นพ่อประสาอะไรกัน!” สิ้นสุดเสียงเขา แขนยาวก็เพิ่มแรง ดึงเธอกลับเข้ามาในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว และกระชับกอดแน่น