เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 867 ทุกสิ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผมด้วย
- Home
- เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ
- บทที่ 867 ทุกสิ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผมด้วย
“ตอนนี้เมื่อไม่มีผมแล้ว คุณก็สามารถจบสิ้นความน่าเบื่อเต็มทนนี้ไปได้สักที และสามารถคุกคามเกมของคนที่คุณรักกับลูกได้ ฉะนั้น อย่าลังเลเลย ลงมือเถอะ”
บ่อยครั้งมาก ที่อานเจียเย้นจะเป็นครูแนะแนวที่ดีคนหนึ่ง นำนิสัยอันน่าหวาดกลัวที่สุดในชีวิตของมนุษย์ เปิดเผยออกมาอย่างเต็มที่ และนำสิ่งที่แย่ที่สุดของเธอ รวมทั้งสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด เพิ่มทวีคูณจนไปถึงจุดสูงสุด จากนั้นจึงไร้วิธีควบคุมจนระเบิดออกมา
เวลานี้ก็เช่นเดียวกัน
ซูย้าวกำปืนกระบอกนั้นเอาไว้ แม้ว่ารสชาติความโกรธเคืองและเกลียดชังอัดแน่นเต็มอก แต่อาการแขนสั่นมันยากต่อการควบคุม
เธอทำเรื่องพรรค์นี้ไม่ได้จริงๆ การเห็นหนึ่งชีวิตมาเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา เช่นนี้ เธอทำไม่ได้จริงๆ!
แม้ว่ารู้อยู่เต็มอกว่าอานเจียเย้นตายแล้วชดใช้บาปไม่หมดด้วยซ้ำ มีความผิดสมควรตายไป แต่ว่า ครั้งนี้เธอลงมือไม่ได้จริงๆ ….
ซูย้าวหายใจเข้าลึกๆ ซ้ำอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งเบนกระบอกปืนไปทางเขา และเล็งหน้าผากของชายหนุ่มเอาไว้ เธอควรจะเหนี่ยวไกปืนทันทีโดยไม่ต้องสนใจสิ่งใดแล้ว แค่นัดเดียว ก็สามารถหลุดพ้นความฝันอันแสนน่าหวาดกลัวอันนี้ไปได้สักที แต่มันแค่นี้จริงๆ เหรอ?
เธอหลับตาลงอย่างเบื่อหน่าย สุดท้ายแล้ว ยังคงเลือกปล่อยวาง
แม้ว่า อาจจะพลาดโอกาสที่หาไม่ได้ยากยิ่งสักครั้งก็ตาม แต่ตอนนี้เธอก็ไม่เสียใจภายหลัง รายละเอียดเป็นเพราะอะไร ไม่นานนักก็จะรู้แล้ว
เธอโยนปืนกระบอกนั้นทิ้งไป ปืนกระบอกนั้นอยู่ที่พื้น เนื่องจากกระสุนได้ขึ้นลำแล้ว พลันไปโดนกับไกปืนตอนหล่นลงพื้นโดยบังเอิญจนมีเสียง ‘ปัง’ จู่ ๆ จึงมีกระสุนปืนพุ่งออกมา จนทะลุเข้าใส่ข้อเท้าของซูย้าว และยิงไปกระทบกับพื้น
ซูย้าวตกตะลึงและประหลาดใจทันที พลันมีความรู้สึกสติได้รับกระทบกระเทือนจนตั้งสติไม่ได้ สักพัก ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมาได้ทั้งหมด ทว่าสีหน้ายังคงไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะซีดโพลนตั้งแต่แรก
อานเจียเย้นมองเธออย่างเงียบงัน “แค่นี้ก็ปล่อยวางไปแล้วเหรอ?”
“นี่คุณอยากให้ฉันฆ่าคุณจริงๆ เหรอ?” เธอถามกลับ “ใช้ความพยายามอย่างหนักมาตั้งนาน แถมวางแผนไว้ตั้งมากมาย ไม่เสียดายทุนทรัพย์และทรัพยากรทางมนุษย์ ก็เพื่อรนหาที่ตายเพียงเท่านี้เองหรอกเหรอ?”
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง บอดี้การ์ดสิบกว่าคนที่อยู่ด้านนอกพวกนั้นล่ะ จะมีเอาไว้ทำอะไรกัน?
ถ้าเป็นคนที่คิดอยากจะตายแล้วล่ะก็ จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้อยู่ไหม?
ซูย้าวครุ่นคิดเล็กน้อย จึงเข้าใจทุกอย่างทั้งหมด การตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ของตนเองนั้น แม้ว่าไม่มีเส้นด้ายมาคอยชักใยอยู่ แต่เธอก็ยังเป็นหุ่นไม้ของเล่นที่อานเจียเย้นคอยควบคุมอยู่ดี ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ และไม่มีวิธีในการหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด
เมื่อครู่หากเธอเหนี่ยวไกปืนจริง แต่ไม่สามารถพูดได้เลยจะฆ่าอานเจียเย้นได้จริงๆ หรือเปล่า แม้ว่าทำได้ตามจริง แล้วเธอจะไปเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดพวกนั้นที่อยู่ข้างนอกได้อย่างไรกัน? แล้วยังมีโม่หว่านหว่านอีก จะเป็นยังไงกัน?
จนไม่กล้าจินตนาการเรื่องทั้งหมดเลย
เธอแค่ถอนหายใจโล่งอกอย่างไม่รู้ตัว เพื่อปิดบังความรู้สึกกระอักกระอ่วนนั้นเอาไว้บ้าง พลันใช้เท้าเตะปืนกระบอกนั้นคืนไปทางอานเจียเย้น จากนั้นจึงเงยศีรษะและเอนหลังพิงโซฟาแทน “คุณอยากให้ฉันฆ่าคุณ ก็เพื่ออยากให้ฉันตายใจ ฉันพูดถูกไหม?”
อานเจียเย้นเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ไม่เสียแรงที่เป็นผู้หญิงที่เขาถูกใจ กลยุทธ์ต่างๆ และความกล้าหาญดีเดือดไม่ถดถอยไปเลย ถือว่ายังน่าสนใจอยู่เช่นเดิม
เขาลุกพรวดทันที พลางเหล่ตามองเธอทางด้านข้าง “ในเมื่อคุณไม่อยากฆ่าผม หรือว่าจะพูดว่าฆ่าไม่ลงคอ งั้น ก็กลับมาเถอะ!”
“พวกเรากลับไปเป็นดั่งวันวาน ได้มั้ย?”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงเยอะ เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับเมื่อครู่แล้ว ปราศจากความเย็นชาและน่าเกรงขามเช่นนั้นเลย แต่กลับมีความเอาอกเอาใจและอ่อนโยนเพิ่มขึ้นเยอะ
แต่ความเอาอกเอาใจ และความอ่อนโยนเช่นนี้ กลับทำให้คนเรารู้สึกหวาดกลัวสุดขีด
ร่างกายซูย้าวเคลื่อนไหวเล็กน้อย แค่เงยหน้ามองเขา “จะใช้ทฤษฎีแก้ไขความทรงจำของฉันอีกครั้งหนึ่งงั้นเหรอ?”
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ “ทำอย่างนั้นมันเป็นการทำร้ายร่างกายของคุณอย่างใหญ่หลวง จะไม่ทำแล้ว แค่ขอให้คุณอยู่ข้างกายผมอย่างมีความสุข ไม่ใช้แผนการใด ไม่หนีไปไหน และตัดสัมพันธ์กับลี่เฉินซีให้สิ้นซาก ก็เท่านั้นแหละ”
เหมือนรู้ว่าซูย้าวต้องการพูดอะไรต่อ อานเจียเย้นไม่ปล่อยให้มีโอกาสหลุดรอดสักนิด พลันพูดกำชับเป็นการปิดประโยคทันที “อย่ารีบร้อนเพื่อปฏิเสธเลย ขอแค่คุณยอมกลับมา และจะได้อะไรอีกมากมาย มากจนเกินกว่าที่คุณจินตนาการถึง”
สายตาของเขามองต่ำลงเล็กน้อย พลันจดจ้องอยู่ที่ร่างกายอันอ้อนแอ้นของเธอ และยิ้มออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงอันน่าตกใจ “ผมอนุญาตให้คุณคลอดเด็กคนนี้ได้”
หัวใจซูย้าวเต้นโครมคราม ที่แท้ อานเจียเย้นก็รู้เรื่องที่เธอกำลังตั้งท้องแล้ว!
แต่ว่า เขาไปรู้มาจากไหนเนี่ยสิ?
แม้ว่าอานเจียเย้นจะมีหูตากว้างไกลก็ตาม แต่เรื่องการตรวจว่าตั้งท้องนี้ เธอยังไม่ได้พูดกับลี่เฉินซีด้วยซ้ำ แล้วเขาทำไมถึง…
ทันใดนั้นเหมือนเธอฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ พริบตาเดียวจึงเข้าใจทันที
ตอนที่อยู่ในเรือนกระจกนั้น เธอแปลกใจจนอดใจไม่ไหวจึงไปตรวจครรภ์ในห้องน้ำ น่าจะเป็นตอนนั้นแหละ…
เมื่อฉุกคิดถึงตอนนี้ ก้นบึ้งหัวใจของเธอทั้งเขินอายและโกรธเคือง และความเกลียดชังเพิ่มพูนขึ้นมาก ทว่ากลับพยายามกัดฟันทนพูด เน้นย้ำทีละคำ “ได้สิ ฉันจะกลับมา คุณอยากให้ฉันทำอะไรได้หมด แต่ขอเตือนไว้สักอย่าง——”
ซูย้าวจงใจลากเสียงยาว ดวงตาอันงดงามพลันเปล่งรัศมีความหม่นหมองของพญาอินทรี สว่างเจิดจรัส “เอาชีวิตลูกฉันคืนมา!”
ขอแค่เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้ ให้คนตายฟื้นชีวิตกลับมา งั้นเธอก็ยินยอมเสียสละแทน
อานเจียเย้นตะลึงก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็หัวเราะทันที
“พูดด้วยอารมณ์โกรธเคืองอีกแล้ว แต่ว่า…” เขาเองก็หยุดพูด “อาจจะได้มั้ง”
ซูย้าวตกตะลึงทันที คิดว่าเขาก็แค่พูดเพ้อเจ้อไปเท่านั้นเอง จึงแสยะยิ้มอย่างเย็นชาหนาวสะท้านทรวงกลับไป และไม่ได้พูดอะไรต่อ
อานเจียเย้นเองก็ไม่สนใจอะไร แค่เขยิบตัวมาอยู่ข้างกายเธอ พลันใช้ฝ่ามือใหญ่ขยี้กลางกระหม่อมของเธอ “ไปอาบน้ำนะ สองสามวันนี้นอนไม่ค่อยสบาย ต้องเหนื่อยมากแน่ เปิดน้ำไว้ให้แล้ว ไปแช่น้ำเถอะ”
ซูย้าวได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธเคือง เขารู้ว่าสองสามวันนี้ตัวเองนอนพักผ่อนไม่เต็มอิ่ม ดูแล้ว กล้องวงจรปิดที่อยู่ในวิลล่าพวกนั้น เขาก็คงดูหมดแล้ว!
เธอไม่สามารถสรรหาคำใดมาบรรยายถึงเขาได้อีกแล้ว แม้ว่าจะรู้สึกไม่พอใจก็ตาม แล้วจะพูดว่าอะไรได้ หรือจะทำอะไรได้ล่ะ?
อานเจียเย้นเริ่มดึงเธอให้ลุกขึ้น แต่ซูย้าวกลับหลีกเลี่ยงด้วยความรู้สึกรังเกียจ เขาก็ไม่สนใจ ได้แต่ผลักเธอเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านข้าง เธอสะบัดเขาออก และเดินเข้าไปในห้องนอนเอง
ภายในห้องไม่ถือว่าใหญ่มาก แต่ตกแต่งจนถือว่าบรรยากาศอบอุ่นพอตัว แถมยังอบอุ่นมาก
ส่วนห้องน้ำที่อยู่ด้านข้าง เป็นอ่างน้ำที่ทำมาจากไม้ ภายในใส่น้ำอุ่นไว้ไว้เยอะแยะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ พลันมีกลุ่มควันพวยพุ่งความร้อนออกมาให้เห็น ด้านข้างมีชุดนอนใส่อาบน้ำรวมถึงของต่างๆ ไว้ตั้งมากมาย
ซูย้าวเหลือบมองคนโดยรอบ เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ เมื่อลังเลอยู่สักพัก เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้น จะทำอะไรขึ้นมาอีก ด้วยความรู้สึกหมดความอดทน จึงเลือกที่จะเชื่อฟังสักระยะ พลันค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าตัวโคร่งออกอย่างช้าๆ เพื่อลงไปแช่น้ำ
เธอไม่กล้าแช่น้ำนานมากนัก แค่แช่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง จึงเปลี่ยนเป็นชุดนอนและเดินออกมา เมื่อกลับมาอยู่ในห้องนอนนั้น จึงเห็นผู้ชายนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก
อานเจียเย้นเปลี่ยนชุดสูทอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้ออกไป และไม่รู้ว่าไปเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลองตั้งแต่ตอนไหนกัน เพราะว่าปัจจัยตำแหน่งที่ตั้งของที่นี่ แม้ว่าภายในบ้านจะอบอุ่นขนาดไหน แต่ยังรู้สึกหนาวอยู่บ้าง ดังนั้นชุดนอนจึงหนาเพิ่มกว่าเดิม
รูปร่างของเขาสมบูรณ์แบบมาก ไม่มีเสื้อผ้าแบบไหนอยู่บนตัวเขาก็ตาม ราวกับเป็นนายแบบไม้แขวนเสื้อผ้าเดินได้ ทั้งหล่อและมีสไตล์มาก ออร่าสง่างาม หน้าตาหล่อเหลามาก พอนั่งอยู่ตรงนั้น ช่างทำให้คนเราไม่สามารถเบนเข็มเชื่อมต่อกับคำว่า ‘คนเลว’ ‘ปีศาจ’ พวกนั้นได้เลย
ทว่าเป็นการเสแสร้งทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลายเป็นคนถนัดทางด้านนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว เป็นคนหรือผี ใครจะแยกแยะได้?
ซูย้าวถอนหายใจอย่างแผ่วเบาอยู่เงียบๆ จากนั้นจึงก้าวเท้าเดินไปยังข้างเตียง และนั่งลงหันข้างมองเขา “คุณต้องการจะทำอะไร? จะเอาฉันเหรอไง?”
“มีความคิดนี้อยู่เหมือนกัน” เขาพูด ตรงไปตรงมา ไม่มีการปิดบัง
เธอยิ้มให้อย่างเย็นชาดังเดิม “ฉันขอปฏิเสธ ได้มั้ย?”
เมื่อสิ้นเสียง เธอก็พูดเพิ่มเติมอีกประโยค “เหมือนจะลืมไป ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยซ้ำ”
“อืม คุณไม่มีสิทธิ์” เขาเลิกคิ้ว “ดังนั้นก็แล้วแต่อารมณ์ผม”
ซูย้าวไม่ได้สนใจอะไรต่อ พลันลุกขึ้นและเดินไปเปิดลิ้นชักเพื่อค้นหาสิ่งของ จึงเจอไดร์เป่าผม และจัดการเป่าผมยาวให้แห้ง จากนั้นจึงเปิดผ้าห่มและล้มตัวลงนอน
ไม่ใช่เพราะว่าหวาดหวั่นการมีผู้ชายเช่นนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เป็นเพราะว่าหวาดหวั่น เพราะว่าหวาดกลัว ถึงได้แสดงลักษณะท่าทางเฉยเมยออกมาแทน
มิเช่นนั้น ผู้ชายชอบอะไรที่สุดล่ะ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกทะเยอทะยานอย่างอานเจียเย้นแบบนี้ด้วย และยังเป็นผู้ชายมีอำนาจบารมีอีกด้วย
เขาช่างคล้ายกับลี่เฉินซีเหลือเกิน ชอบแก่งแย่งชิงดีอำนาจกันทั้งคู่ ชอบครอบครองทุกสิ่ง ชอบควบคุมคนอื่นในมือ และยิ่งชื่นชอบการไล่ล่าสิ่งใหม่ๆ กระตุ้นความตื่นเต้น
ยิ่งความรู้สึกเหยื่อที่ยอมแพ้ ถึงหมดความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสายตาของพวกเขานั้น การต่อต้านและการปฏิเสธทุกอย่าง จะแปรเปลี่ยนเป็นความปรารถนาและความยินดีแทน!