เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 872 คุณนี่ช่างน่าสงสารจริงๆ เลย
หาเรื่องใส่ตัว?!
อาการหวาดหวั่นในหัวสมองของซูย้าวราวกับเหมือนถูกอะไรสักอย่างกระทบ แค่คำพูดของเขาประโยคเดียว พลันเสียดแทงจนแสบแก้วหู
เธอไม่สนใจร่างกายอันซวนเซของตนเองด้วยซ้ำ เมื่อร่างกายทรงตัวได้ดีแล้ว พลันหันตัวกลับไปมองเขาทันที “อานเจียเย้น ตกลงว่าคุณคิดจะพูดอะไรกันแน่?”
“Baby คุณฉลาดเป็นกรดขนาดนี้ หรือว่ายังไม่รู้อีกเหรอ?” อานเจียเย้นแสยะยิ้มบริเวณมุมปาก พลันใช้ข้อมือพยุงเข่าทั้งสองข้าง และไม่มองเธอด้วยซ้ำ “อันที่จริงแล้ว ผมเรียกร้องความสนใจของลี่เฉินซีมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงบัดนี้ เรื่องนี้ คุณเองก็น่าจะสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้ว”
จุดประสงค์ของเขาก็แค่อยากให้ซูย้าวอยู่ข้างกายเขาตลอดไป จึงคิดแผนการชั่วร้ายพุ่งเป้าไปที่ลี่หมิง อีกจุดมุ่งหมายถึงนั่นก็คือลี่เฉินซี
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าอารมณ์ในเวลานี้จะเดือดพล่านก็ตาม แต่ยังคงบังคับให้ตนเองสงบนิ่งเอาไว้เสียก่อน
“ลี่เฉินซีล่ะ หน้าที่การงานก็ไม่เลวเลย บริษัทลี่ซื่อภายใต้การดูแลของเขามานานหลายปียังคงติดอันดับหนึ่งการเงินในประเทศ และธุรกิจอีกจำนวนมากยังประสบความสำเร็จจนถึงขั้นผูกขาดด้วยซ้ำ ความสามารถของคนคนนี้มีไม่น้อยเลย ถือว่าแกร่งกล้าจริง เรื่องนี้ ผมชอบมาก”
อานเจียเย้นพูดไปด้วย พร้อมทั้งหยิบบุหรี่ขึ้นมา และวางไว้ริมฝีปากและจุดสูบ พลันค่อยๆ เอนร่างกาย และพ่นควันบุหรี่รดบนใบหน้าของซูย้าว จึงพูดต่อ “เขาทำทุกอย่างได้ไม่เลวเลย บุคคลเช่นนี้ ถ้าถูกตรวจสอบจนจำนนต่อหลักฐานว่าเป็น joke ตัวจริง น่าจะทำให้ทุกคนต่างเชื่อหมดใจแล้วมั้ง?”
ช่วงที่เพ้ยหยู่เจี๋ยตอนยังมีชีวิตอยู่นั้น เป็นช่วงอายุยังน้อย เนื่องจากหลังจากต้องเข้ามารับช่วงต่อ joke คนใหม่แล้ว ก็เคยทำเหตุการณ์จำพวกนี้มาก่อนแล้ว ตอนนั้นสถานการณ์บีบบังคับรอบด้าน ดังนั้นเขาจึงต้องหาแพะรับบาป เพื่อเป็น joke ตัวปลอมแทนตัวเขาเอง จำพวกกล้าได้กล้าเสียโดยไม่คิดชีวิตพวกนั้น
ตอนนั้นคนที่เพ้ยหยู่เจี๋ยเลือก เป็นประธานคนหนึ่งในตระกูลหนึ่งในประเทศ อายุยังน้อย ทว่ามากความสามารถจนตกเป็นเป้าสายตา เป็นคนเถรตรงทุกกระเบียดนิ้ว แต่ช่างน่าเสียดาย ชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมเกินควร กลับโดดเด่นสะดุดตา นอกจากจะยั่วยุด้วยเรื่องที่ไม่จำเป็น ยังถูกคนอื่นจับตามองอีกด้วย
จากนั้น อานเจียเย้นในวัยหนุ่มยังเคยถามไถ่เพ้ยหยู่เจี๋ยว่าเหตุใดจึงทำเช่นนี้ด้วย ที่ต้องหาคนมาแทนที่ค้ำคอเอาไว้ ทั้งที่สามารถมองหาได้ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมาตั้งหลายปี เพื่อไปปลูกฝังและจัดระเบียบให้กับประธานบริษัทสักแห่งหนึ่งด้วยซ้ำ การทำเช่นนี้มันเป็นการทำงานให้เหนื่อยเกินควร และเปลืองเวลามาก แถมยังสูญเปล่าทั้งทรัพย์สินเงินทองรวมทั้งทุนทรัพย์อีกด้วย
ถึงอย่างไร ไปหาพวกเศษสวะคนทั่วไปในเมืองก็ได้แล้ว เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับท่านประธานบริษัทแห่งหนึ่ง อันไหนมันจะง่ายกว่ากัน?
คนทั่วไป ให้ประโยชน์และทรัพย์สินบางอย่างเป็นต้น ก็ยอมศิโรราบถวายหัวให้อย่างยินยอมพร้อมใจแต่นี่คือท่านประธานบริษัท ทว่าจำต้องใช้เวลาและทรัพย์สินเงินทองในการหล่อหลอม เริ่มจากทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อย การบีบให้เขากลายเป็นปีศาจ มันช่างยากมาก และเป็นกระบวนการค่อนข้างล่าช้าอย่างหนึ่งเลย
แต่เมื่อเพ้ยหยู่เจี๋ยให้คำตอบแล้วนั้น ยิ่งทำให้อานเจียเย้นจดจำได้จนถึงทุกวันนี้
เหตุเพราะคนประเภทนี้ ถึงเป็นคนที่คนอื่นยอมรับและยอมจำนนทั้งสิ้น จึงไม่เกิดข้อสงสัยตามมา และไม่ต้องวิตกกังวลสิ่งใดในภายหลังอีกแล้ว ซึ่งเมื่อเอามาเปรียบเทียบถึงศักยภาพอันด้อยค่าของคนทั่วไปแล้ว คนประเภทนี้ ถือว่ามีความหมายมากกว่า
กระบวนการในการควบคุมนั้น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยิบย่อยอยู่บ้างก็ตาม จำต้องใช้เวลาและความสามารถเป็นอย่างมาก แต่เมื่อผ่านเช่นนี้ไปได้ ผลที่ได้กลับมามันยิ่งจดจำฝังใจ จดจำได้อย่างยาวนาน จนกล่าวได้ว่าช่างไม่เสียดายเมื่อหวนนึกถึงรสชาติระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา
พลางนึกถึงชายหนุ่มผู้ซึ่งผู้คนแสดงความนับถือกันสรรเสริญกันอย่างถ้วนหน้าและมีฐานะร่ำรวย ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ชายที่เป็นผู้นำมากความสามารถทางธุรกิจ ในชั่วพริบตาเดียว กลับถูกใช้ควบคุมและใช้ประโยชน์ไปเรื่อย ๆ ทีละขั้นทีละตอน จนสุดท้ายเบนเข็มดำดิ่งสู่อาชญากร ความรู้สึกไร้ความสามารถ การดิ้นรน ความไม่ยินดีพวกนั้น …
จนสุดท้าย ให้ทุกคนปฏิบัติต่อเขาผิดแปลกไปจากเดิม พลันนำพฤติกรรมอันชั่วร้ายผิดมนุษย์มนา แสร้งทำตัวเป็นคนดีและคำหยาบช้าต่างนานาเอามาหลอมรวมกัน จนเขากลายเป็นปีศาจร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนผู้กระทำผิดที่หลบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังนั้น จ้องมองทุกอย่าง แล้วจะรู้สึกเช่นไรเล่า?
ไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นมากไม่ใช่เหรอ?
ในเวลานั้นเพ้ยหยู่เจี๋ยไล่ล่าเหตุการณ์เช่นนี้ จวบจนทุกวันนี้ อานเจียเย้นก็ทำตามเช่นนั้นเช่นเดียวกัน
เมื่อได้ฟังคำพูดของอานเจียเย้นแล้ว ซูย้าวฟังจนพอเข้าใจแล้ว แล้วรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ภายในเวลาอันสั้น เธอค่อยสงบสติอารมณ์ลง พลันค่อยๆ เหลือบตามองผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง “ดังนั้น ในเวลาสองปีที่ผ่านมานี้คุณได้เริ่มต้นทำทุกอย่าง คุณต้องการให้ลี่เฉินซีเป็นตัวแทนของคุณ จนกลายเป็นแพะรับบาปแทนคุณ ทั้งหมดนี่คือจุดประสงค์สำคัญที่สุดของคุณ”
อานเจียเย้นไม่ได้ตอบกลับ แต่ยิ้มให้อย่างเฉยเมย ทว่ามันราวกับเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
“คุณไม่ได้ต้องการให้ฉันกลายเป็นเป้าล่อให้คุณ และไม่ต้องการใส่ร้ายให้ฉันไปนอนในคุก คุณย่อมรู้ว่าลี่เฉินซีเป็นห่วงฉัน เขารักฉัน คงไม่มีวันทิ้งขว้างฉันอย่างแน่นอน อย่างไรก็ต้องเลือกที่จะใช้ตัวเองเพื่อมาแทนที่ฉัน ตอนแรกคิดว่าแผนเหนือชั้นกว่า แต่ในความเป็นจริง ก็แค่ทำตามใจปรารถนาเท่านั้นเอง!”
ซูย้าวค่อยๆ ถอนหายใจ ดวงตาเย็นชา “ในเวลาเดียวกัน คุณยังตีหน้าซื่อว่าเป็นผู้คุมเกม และยังลักพาตัวฉันกับหว่านหว่านมา และตีหน้าซื่อแสร้งใช้พวกเราเพื่อเป็นการข่มขู่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกระโตกกระตากได้ พลันเชื่อมโยงความอัปรีย์จัญไรที่ละเล็กทีละน้อย จนทุกอย่างเบนเข็มมาอยู่ภายใต้นามของลี่เฉินซีทั้งหมด จึงสร้างภาพทำธุรกิจซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ เท่ากับเป็นการแสดงว่าเขาคือ joke อย่างสมบูรณ์แบบ”
“คุณจึงหลุดรอดจากเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง ราวกับผู้มีคุณธรรมอันสูงส่งที่อยู่แบบสันโดษ แค่รอเวลาในการปัดกวาดช่วงเสร็จงานเท่านั้นเอง และคอยมองลี่เฉินซีซึ่งต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาอื่นๆ อีกมากมาย จนถูกดำเนินคดีจับกุมและดำเนินคดีในที่สุด ซึ่งที่สุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่าเป็น joke ที่กระทำความผิดจริง และโทษที่รอคอยเขาอยู่ ถ้าไม่ถึงขั้นประหารชีวิต ก็คงถูกโทษจำคุกตลอดชีวิตจนกินเวลานานหลายสิบปี”
อานเจียเย้นยงคงยิ้มอยู่เช่นเดิม พลันขยับตัวและเพ่งมองทางเธอ “นี่ก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้วนี่”
“เอาเรื่องพวกนี้มาพูดกับฉัน กำลังคิดจะทำอะไรอีก?” เธอถามย้อนกลับ
เขาครุ่นคิดสักพัก “แค่อยากดูปฏิกิริยาตอบสอบสนองของคุณ”
“คุณอยากจะดูว่าฉันเลือกอะไรล่ะมั้ง!” ซูย้าวลุกพรวด พลันก้าวเท้าเดินไปอีกทาง และหันกลับมามองเขาอีกครั้ง “คุณคงแปลกใจมากที่ตกลงว่าฉันจะเลือกใคร เลือกที่จะไปกับคุณโดยตัดขาดปัญหาความยากลำบากทุกอย่าง และใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศโดยหลบเลี่ยงบทลงโทษตามกฎหมาย หรือเลือกจะกระโดดลงแม่น้ำปรโลกพร้อมกับลี่เฉินซี”
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของอานเจียเย้นเคร่งขรึมลงทันที แววตาแสดงท่าทางนกอินทรีล่าเหยื่อ “ดังนั้น คุณเลือกอะไรล่ะ?”
“ฉันมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ?” ซูย้าวเบนสายตาไปทางอื่น “บางทีมีก็ได้ แต่ไม่สนว่าคุณจะเลือกทำอะไร และทำอะไรลงไปแล้วก็ตาม อานเจียเย้น เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องถามไถ่อีกแล้ว ต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันจะเลือกอะไรอยู่แล้วมั้ง!”
ด้วยความกังวลว่าเขาจะคิดมากเกินควร หรือว่าก็ไม่อยากจะยื้อเวลากับเขาอยู่เช่นนี้ต่อไป เธอจึงให้คำตอบเป็นที่แน่ชัดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันเลือกลี่เฉินซี”
“จะตอนไหน ฉันก็ยังจะเลือกเขาอยู่ดี แม้ว่าสุดท้ายแล้วใครจะแพ้จะชนะก็ตาม และไม่สนด้วยว่าเป็นหรือตาย ฉันยังคงเลือกลี่เฉินซีอยู่เสมอ”
นี่มันไม่เกี่ยวข้องกับความรักอีกแล้ว นี่มันเป็นการเผชิญหน้ากับการเลือกความถูกต้องหรือความชั่วร้าย แม้ว่าซูย้าวจะโกรธเคืองเพิ่มมากขึ้น ก็มิสามารถขาดสติจนถึงขั้นนั้นได้
พฤติกรรมทุกอย่างของอานเจียเย้น บ้าคลั่งตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้าเลือกเขา ก็แค่คิดหนีเอาตัวรอด ซึ่งขัดกับศีลธรรมโดยสิ้นเชิง!
“อานเจียเย้น ดูเหมือนว่า ตอนนี้คุณน่าสงสารชะมัดเลย!” ซูย้าวหันตัวกลับ เพราะไม่อยากมองเขาอีกแล้ว นัยน์ตาเย็นชาเหลือบมองตึกสูงระฟ้าที่ดาษดาไปทั่วผ่านหน้าต่างจรดพื้น “คุณเกลียดเพ้ยหยู่เจี๋ย เกลียดชังจนอยากต้องฆ่าเขาให้ตายด้วยมือตัวเอง ถึงขั้นแช่งชักหักกระดูกกันเลยทีเดียว”
“แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาเล่า? คุณไม่ใช่แค่คนที่เขาฝึกฝนมา แถมเขายังเลี้ยงดูคุณจนเติบใหญ่ เขาเป็นพ่อบุญธรรมของคุณ และยังสร้างโซ่ตรวนอันเลือนรางที่เป็นทุกข์จนไม่สามารถลบล้างไปได้เอาไว้ให้คุณ แต่คุณก็ได้กระทำตามนั้นจริง หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนกับเขา!”
“ไม่น่าทำให้คนอื่นเสียใจตามเหรอ? คุณไม่ได้แค่ทำให้คนอื่นเสียใจตามอย่างเดียวนะ แต่น่าสงสารมาก ถึงตอนนี้แล้ว พ่อแม่แท้ๆ ของคุณเองเป็นใครก็อาจไม่รู้ แล้วทำไมตอนแรกถึงเอาคุณมาโยนทิ้งไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ล่ะ และก็ยังไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด ชั่วชีวิตนี้ สิ่งเดียวที่ดีกับคุณอย่างแท้จริง นั่นก็คือแม่บุญธรรมของคุณ น้าอานชินของฉันไงล่ะ”
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทาน “บ่อยครั้ง ฉันยังคิดอยู่ตลอด ว่าจะต่อสู้กับคุณยังไงดี? ฆ่าคุณไปเลยดีมั้ย? คุณสมควรตายไปให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ แม้ว่าคุณไม่ผลีผลามกับลูกชายของฉันก็ตาม แต่คุณมือเปื้อนเลือดคละคลุ้ง ตายไปร้อยครั้งยังไม่สามารถชดใช้คืนได้ แต่คุณก็ยังเป็นคนที่แสนน่าสงสารมาก”
วัยเด็ก เขาไม่มีพ่อผู้ให้กำเนิด หลังจากตรากตรำลิ้มรสความทุกข์ยากมาทุกอย่าง พลันประสบพบเจอกับแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงเขามาอย่างดีที่สุด แต่หลังจากที่อานชินเสียชีวิตลงแล้ว ชีวิตของเขากลับดำดิ่งก้นหุบเหวอีกครั้ง
อะไรที่เป็นคนสร้างให้อานเจียเย้นเป็นปีศาจร้ายเช่นนี้ได้
เพ้ยหยู่เจี๋ยเช่นนั้นหรือ?
อาจจะใช่
เพียงแต่เพ้ยหยู่เจี๋ยเป็นแค่อิทธิพลจากภายนอกเท่านั้น ทางเลือกขั้นพื้นฐานที่สุด เขาเป็นคนสร้างสรรค์ขึ้นมาเองไม่ใช่หรอกเหรอ?
“เคยคิดเหมือนกัน ขอแค่หาหลักฐานทั้งหมดให้เจอ ให้คุณไปอยู่ในคุกก็พอแล้ว เพราะว่าการตาย มันง่ายเกินไป ตายไปร้อยครั้ง มันก็ไม่ถือว่าเป็นความทุกข์ทรมาน และไม่ใช่การลงโทษ แต่ตอนนี้ฉันกลับไม่คิดเช่นนั้นแกแล้ว อานเจียเย้น คุณตายๆ ไปเถอะ!”