เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 877 แม่งเอ๊ยผมดันรักคุณจริงๆ
เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมด มันเกิดขึ้นเร็วมาก ซูย้าวยังมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่คงทัน แค่รู้สึกว่าในฝ่ามือ มีของเหลวอุ่นๆ ไหลทะลักออกมา อย่างต่อเนื่องๆ
เพียงชั่วครู่ เลือดสดก็เปรอะเปื้อนเสื้อเชิ้ตของเธอ ส่วนเจี่ยงเวินอี๋ที่อยู่ในอ้อมกอดนั้น เลือดไหลออกจากร่างกายมาก จนแสดงให้เห็นความอ่อนแออย่างมาก ร่างกายทรงตัวไม่ได้ จนล้มไปกองกับพื้นทันที
ซูย้าวถึงเริ่มตั้งสติได้ พร้อมทั้งรีบเข้าไปกอดด้านข้างของเธอเอาไว้ทันที “คุณ คุณป้าคะ…”
เจี่ยงเวินอี๋ก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นพร้อมทั้งบีบมือเธอเอาไว้แน่น ความเจ็บเจียนตายและอาการเลือดไหลทะลักออกมามากมายมหาศาลนั้น มันทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงในการฝืนต่อ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ ก็คือพยายามพูดอะไรออกมา แต่เสียง กับอ่อนแรงจนใกล้จะหลุดลอยไป
“ขอ ขอโทษนะ ซูย้าว ขอโทษจริงๆ แม่ขอโทษหนูจริงๆ จริงๆแล้ว เดิมแม่คิดว่าถ้าแม่มีโอกาสชดใช้คืน ต่อไปต้องปฏิบัติตัวดีๆ กับหนู แต่ตอนนี้…”
“ช่างสูญเปล่าที่หนูบริจาคไตให้ฉันข้างหนึ่ง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าหนูเป็นคนบริจาคให้ฉัน ตีฉันให้ตายฉันก็จะไม่ยอมรับการผ่าตัดนั่น ชีวิตของแม่ที่ต้องขอโทษที่สุด ก็คือหนู!”
ชีวิตคนเราเมื่อความตายใกล้มาเยื่น เรื่องราวที่อยู่ในหัวสมองพลันปรากฏทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตให้เห็น แต่ในเวลานี้ สมองของเจี่ยงเวินอี๋กลับปรากฏ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เคยทำไว้กับซูย้าว การอยู่ในฐานะแม่ผัว และทำให้เธอต้องตกระกำลำบากสารพัดวิธี ตอนนี้มาคิดดูแล้ว มันช่างน่าละอายใจอย่างสุดซึ้ง
“ความจริงแล้ว” เจี่ยงเวินอี๋จับมือของเธอเอาไว้แน่น ซูย้าวต้องการจะพูด เธอกลับไม่ปล่อยให้ซูย้าวมีโอกาสพูดเลย พลันพูดติดขัดต่อไป “ความจริงแล้ว ในฐานะคนเป็นแม่เข้าใจในตัวลูกชายที่สุดแล้ว ถ้า ถ้าตอนนี้หนูเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่แค่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น ฉันไม่มีวันจะทำเช่นนั้นกับหนูแน่…”
“ยังสามารถจินตนาการได้ไหม? ตอนที่ลี่เฉินซีเขาแต่งหนูเข้าบ้านในวันนั้น ฉันเห็นสายตาเขาที่มองหนู ตอนนั้นก็รู้แล้วว่า หนู… หนูไม่เหมือนกับคนทั่วไป สำหรับเขา…”
เจี่ยงเวินอี๋ในตอนนั้น เป็นคนเย่อหยิ่งสูงศักดิ์ นิสัยก็แกร่งกล้าชอบเอาชนะมาก เธอมองออกว่าการแต่งงานระหว่างลี่เฉินซีกับซูย้าว ไม่ใช่การแต่งงานธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไร เธอเป็นคุณหญิงของตระกูลลี่ เป็นประมุขหญิงของตระกูล มีสถานะและอำนาจ การตรวจสอบพินัยกรรมเรื่องนี้ มันไม่ยากสักนิด
ลี่เฉินซีตัดสินใจเองทันที หลังจากนายหญิงใหญ่ลี่เสียชีวิตไปแล้ว และในพินัยกรรมได้ระบุถึงการแต่งงานระหว่างตระกูลซู ตระกูลซูในเวลานั้น ไม่สามารถเทียบเคียงตระกูลลี่ได้ ในทุกรอบด้าน การแต่งงานครั้งนี้ คงไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน แต่ลูกชายยังยืนกรานเช่นนั้น นั่นจะหมายความว่าอะไรเล่า?
เจี่ยงเวินอี๋นอกจากความเป็นแม่แล้ว เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และผ่านเรื่องราวในช่วงวัยรุ่นมาก่อน แล้วจะไม่เข้าใจความรู้สึกของวัยรุ่นได้อย่างไรกัน
เพราะการได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์เช่นนี้ เธอถึงได้ยิ่งต่อต้านการมีตัวตนของซูย้าวมากขึ้นกว่าเดิม น่าจะเป็นแนวโน้มความรู้สึกถึงอำนาจของแม่ผัวโดยส่วนตัวละมั้ง ในการต่อต้านฐานะของซูย้าว และยังรังเกียจว่าเธอเป็นคนใบ้ และไม่สามารถรับความจริงได้ว่าลูกชายไปชอบผู้หญิงเช่นนี้!
เหตุผลต่างๆ นานามีพร้อมเพรียง พลันค่อยๆ ต่อยอดจนเดินมาถึงสถานการณ์ของวันนี้
“เฉินซีต้องมาช่วยหนูแน่ พวกเธอมีลูกด้วยกัน ซูย้าว คืนดีกับเขาซะนะ เขา…จริงๆ …รักหนูมากจริงๆ”
เจี่ยงเวินอี๋ยังคงฝืนต่อ จนสุดท้ายมาซุกอยู่ในอกซูย้าว พลันสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย
ซูย้าวมองเห็นกับตาว่าเรี่ยวแรงในมือเจี่ยงเวินอี๋ผ่อนแรงลง ดวงตาเบิกโต และไร้ลมหายใจ นอนตายตาไม่หลับ!
ความรู้สึกการอยากทำลายทั้งโลกใบนี้ให้สิ้นซากไปอย่างหุนหันพลันแล่น ก้นบึ้งหัวใจเธอระเบิดโครมคราม เธอฝืนหลับตาลง พลันใช้มือลูบตาเจี่ยงเวินอี๋ลง และปล่อยร่างกายของเธอให้นอนราบ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน พลันใช้สายตาอันแสนเย็นชาและแดงพล่าน มองมาทางผู้ชายคนนั้นอย่างจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ
อานเจียเย้นกลับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างหมดความอดทน “ใช้สายตานี้มองผมมันหมายความว่ายังไง? เธอไม่ใช่แม่แท้ๆ ของคุณนี่ คุณไม่ห่วงใยคนรอบข้างจนถึงขั้นนี้มั้ง!”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างอึดอัด พลันส่ายหน้าไปมาอย่างดูถูก “นับวันผมยิ่งรู้สึกว่าผมประเมินค่าคุณสูงไปจริงๆ!”
“แต่ก่อน ฉันไม่สนใจว่าคุณจะไปทำอะไร แต่ว่า ตอนนี้สิ่งที่คุณลงมือทำทุกอย่าง มันเกี่ยวพันกับฉันทั้งสิ้น”
การตายของเจี่ยงเวินอี๋ ซูย้าวตื่นตระหนกจริงๆ นอกจากเรื่องนี้แล้ว เมื่อเห็นคนเป็นๆ กลับกลายเป็นศพอันเย็นชืดต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แล้วจะมีความรู้สึกเช่นไร?!
“คุณอยากจะฆ่าใครอีก? ฉัน หรือว่าลูกฉัน?” เธอพูดด้วยความโมโห
อานเจียเย้นขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้ว ถึงหัวเราะออกมา “บางทีอาจจะทั้งสองอย่างมั้ง!”
ซูย้าวก้มหน้าลงอย่างยินดี “ok แล้วจะลงมือตอนไหนล่ะ?”
“รอไปก่อน คุณเป็นห่วงเด็กคนนี้อยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ แล้วยังมีผู้ชายคนนั้นอีกมั้ง? รอวันที่ครอบครัวของคุณพร้อมหน้าพร้อมตากันก่อน แล้วจะส่งพวกคุณขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์ มันดีชะมัดยาดเลย”
สีหน้าซูย้าวเย็นชา และซีดโพลนไปทั่ว แต่กลับพยักหน้าอย่างดื้อรั้น “ได้ ถือว่าดีมากจริงๆ!”
“คุณร้องขอความตายเองนะ!” อานเจียเย้นกระซิบพูด จากนั้นจึงเก็บปิน และลุกขึ้นมายืนข้างเธอ พลันใช้มือบีบแก้มเธออย่างรุนแรง “มองไม่ออกเหรอ? ตอนนี้ผมยังให้โอกาสกับคุณอยู่นะ!”
เพื่อให้โอกาสให้เธอเป็นคนเลือก!
แค่เธอยินยอมเล็กน้อย พลันเผลอพูดออกมาประโยคหนึ่ง แค่พยักหน้าก็พอ หรือใช้สายตาอันอ่อนโยน อานเจียเย้นรอคอย มีเพียงเท่านี้แหละ
ทว่าสีหน้าอันเย็นชาถึงขีดจำกัดของซูย้าว “งั้นคุณจะยอมวางมือไหมล่ะ? จะทำให้ลูกชายของฉัน กับคุณผู้หญิงลี่ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งไหมล่ะ?”
“ฟื้นคืนชีวิตกลับมา?” อานเจียเย้นหัวเราะอย่างเย็นชา วินาทีถัดมา พลันใช้เท้าเตะลงไปบนศพของ เจี่ยงเวินอี๋ที่นอนอยู่กับพื้น “คนที่ตายไปแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณอีกแล้ว หยุดเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นข้ออ้างสักทีเถอะ!”
เขากระชากเธออย่างแรงให้มายื่นใกล้ทางด้านหน้าของเขา “คุณไม่เคยรักผมเลย”
“ใช่!” ซูย้าวตอบทันควัน
แววตาของชายหนุ่มเย็นชาหนักกว่าเดิมขึ้นเยอะ “และไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ผมจากใจจริงเลยด้วยซ้ำ!”
ซูย้าวพยักหน้าทันที “ใช่!”
“ไม่ว่าจะอานหว่านชิงที่สูญเสียความทรงจำไป หรือซูย้าว คุณก็ไม่คิดที่จะอยู่ข้างกายผมเลยสักครั้ง!” เขาพูดย้ำอีกครั้ง
ซูย้าวถึงกลับยิ้มทันที ใบหน้าที่ถูกเขาพันธนาการเอาไว้เริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่รอยยิ้มกลับเย็นชาอย่างผิดปกติ รอยยิ้มเช่นนั้น ถือว่าเป็นการตอบกลับที่ดีที่สุดแล้ว
อานเจียเย้นพูดได้อย่างถูกต้องแล้ว
ครั้งหนึ่ง เธอเคยสูญเสียความทรงจำไป และการมีชีวิตรอดจากการปลอมตัวและการปลอมความทรงจำอยู่ในฐานะอานหว่านชิง แม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกศัตรูกับอานเจียเย้น แต่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาเป็นบุคคลอันตราย ไม่เพียงไม่มีวันหลงรัก แต่กลับรู้สึกใจตุ้มๆ ต่อมๆ กระทั่งคิดขับไล่และหนีไปให้ไกลอีกด้วย
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ตอนแรกอานเจียเย้นพูดออกมาเองว่าให้เธอกลับไปเมืองA แล้วทำไมเธอถึงได้ยอมรับอย่างยินดีได้เช่นนั้นล่ะ?!
ตอนนั้นเธอไม่มีความทรงจำใดๆ เลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลี่เฉินซีคือใครกัน และยิ่งไม่รู้ว่าตนเองเคยมีทายาทแล้วด้วย แค่เอาความคิดอันใสซื่อและมุมมองแล้ว แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ในเมือง A ต่อไป ก็แค่ทำตามคำสั่งของเขามันช่างง่ายดายขนาดนั้นไหมล่ะ?
ไม่ใช่ต่างหาก เดิมเธอคิดหนีอยู่แล้ว
หนีจากเขา หลบอยู่ให้ไกลเขาไว้ ไม่ว่าตกลงแล้วเขาจะเป็นคนดีหรือคนเลว เธอก็ไม่อยากให้เกี่ยวพันกับตนเองแม้เพียงเศษเสี้ยว นี่คือความคิดเมื่อตอนเธอยังอยู่ในฐานะหว่านอานชิง
หลังจากความทรงจำฟื้นคืนกลับมาหมดแล้ว และกลับไปเป็นซูย้าว เธอยิ่งไม่สารถยอมรับและเข้าใจอานเจียเย้นได้เลย!
เพราะรู้สึกว่าเขาน่าสงสารมาก คิดว่าเขาคงถูกเพ้ยหยู่เจี๋ยฝึกฝนให้เชื่อจนกลายมาเป็นสภาพนี้ แต่มันก็แค่ความติดอันปกติอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง แต่กลับไม่ใช่เหตุผลนี้ที่ทำให้ยอมรับในตัวเขา!
ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด แม้ว่าไม่มีรายละเอียดความดีความชั่วอย่างชัดเจน แต่เรื่องทั้งหมด ไม่ใช่การฆ่าแกงกันอย่างผิดกฎหมาย การหาผลประโยชน์ใส่ตัว การใช้ข้ออ้างและเหตุผลมาลงมืออยู่ตลอดเวลา! และไม่ใช่หลังจากทำความชั่วมาแล้ว และยังสามารถพูดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ให้ตัวเองขาวสะอาดบริสุทธิ์ กับสิ่งที่ตนเองผ่านมาแล้วในอดีต!
“แต่ว่า!” อานเจียเย้นกัดฟันไว้แน่นจากความโกรธเคือง พลันพูดออกมาจากไรฟัน “แต่ว่าผมแม่งดันหลงรักคุณนะสิ!”
เขาคิดว่าเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงพวกนั้นที่เคยสัมผัสมา เธอช่างพิเศษมาก เธอไม่เหมือนกับคนอื่น แค่เธอกลายเป็นอานหว่านชิง ก็สามารถรับตนเองได้แล้ว
ไม่สนว่าเขาจะดีหรือเลวก็ตาม หรือมือเปื้อนเลือดกลิ่นคาวคละคลุ้ง เธอก็จะยอมรับและเข้าใจตนเอง จะอยู่เป็นเพื่อน กับเขา ตลอดไป!
ดังนั้น เขาจึงละทิ้งทุกอย่างและหลงรักผู้หญิงคนนี้ และมองเธอราวกับของล้ำค่า ไม่เพียงแต่ให้อำนาจและฐานะอันวิเศษเลิศเลอเทียบเคียงกับตนเอง กระทั่งหวงแหนราวกับทรัพย์สมบัติ ขนาดเธอส่ายหน้าพูดว่าไม่คำเดียว เขาก็ไม่สามารถแตะต้องเธอถึงขั้นนั้นได้เลย!
ดูเหมือนว่าตอนนี้ เขาน่าตลกชะมัด!
“รักฉันเหรอ?” ซูย้าวหัวเราะจนหมดเสียง พลันคลี่ยิ้มออกมาจนเห็นไรฟันขาว รอยยิ้มดั่งเทพธิดานางฟ้า แต่นัยน์ตากลับเย็นเฉียบ หนาวเข้ากระดูก “ใครให้คุณมารักฉันเหรอ? ฉันไปขอร้องให้คุณมารักฉันหรือไงกัน?”
“อานเจียเย้น ผู้หญิงอีกมากมายที่เคยมาหลงรักคุณ พวกเธอขอร้องให้คุณกลับตัวเป็นคนดี และข้อร้องไห้เดินทางที่ถูกต้อง และขอร้องคุณเลิกทำความชั่วและกลับมาเป็นคนดีทั้งนั้น แต่คุณล่ะ?”