เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 884 เขาใจอ่อนเกินไป
เห็นชัดว่าซูย้าวไม่มีอารมณ์กับคำสนทนาของเขาเลย ดวงตาคมสวยดูเศร้าๆ แค่พูด”เด็กที่ชื่อ มาร์กคนนั้น ใช่ลี่หมิงหรือเปล่ากันแน่?”
อานเจียเย้นมองแววตารีบร้อนของเธอออก ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วหันเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์ฝั่งโน้น คล้ายไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อ หาเหล้าจากเคาน์เตอร์มาขวดหนึ่งแล้วได้เทให้ตัวเองแก้วหนึ่งนั่งดื่มอยู่คนเดียว
ซูย้าวมองไปทางผู้ชายและถอนหายใจติดอย่างทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวแล้วเดินเข้าไปหาเขา”เด็กคนนั้น ใช่หมิงเอ๋อรึเปล่า?”
เธอถามซ้ำอีกครั้ง
แต่ผลที่ได้คืออานเจียเย้นกลับนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเธอ เขานั่งดื่มเหล้าต่อ แล้วหันมาจ้องหน้าเธอด้วยอารมณ์ดี ไม่พูดไม่จา และไม่ทำอะไร เอาแต่จ้องเธออยู่อย่างนั้น
ซูย้าวถูกสายตาลวนลามจ้องมองนานแล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด และอีกอย่างเธอดูออก ว่าเขาตั้งใจอยากเอาเด็กมาเป็นที่ต่อรอง ตอนนี้ ถ้าเด็กคนนี้เป็นลี่หมิงจริง มันก็จะกลายเป็นไพ่เด็ดในมือเขา
ไม่ถึงที่สุด ใครจะยอมเปิดไพ่ออกมาก่อนล่ะ?
ในเมื่อเขาไม่ยอมพูดอะไร ซูย้าวเองก็เลิกถามแล้วได้ดินออกไปข้างนอกโดยตรง
“คุณจะไปไหน?”เสียงผู้ชายที่อยู่ข้างหลังดังมา
ฝีเท้าของซูย้าวแอบหยุดชะงักครู่หนึ่ง หันมามองเขาที่หนึ่ง”ออกไปเดินเล่นข้างนอก ได้มั้ยคะ?”
อานเจียเย้นก็ไม่พูดอะไร แต่ท่าทีเห็นชัดว่ายินยอม
เธอจึงก้าวออกจากคฤหาสน์เพราะเหตุนี้ ข้างนอกเป็นฟาร์มใหญ่ กว้างขวางจนเกินจินตนาการ ราวกับทั้งภูเขาล้วนเป็นฟาร์ม ที่ห่างไกล คือฝูงวัวและฝูงแพะที่รวมกลุ่มกันเป็นฝูงใหญ่ ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเกิดอาการกลัวรูขึ้นมาเลย
ซูย้าวมองดูรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของเด็ก เธอเดินวนรอบคฤหาสน์ สุดท้าย ก็เห็นลุงไชลด์กับเด็กอยู่ที่หลังสวน
เด็กนั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้า โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ลุงไชลด์ช่วยแกว่ง เขาเองก็สามาถแกว่งได้สูงมาก เล่นอย่างมีความสุข
ลุงไชลด์ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนแก่ทั่วไป เขานอกจากคอยยืนดูแลเด็กอยู่ข้างๆ แล้ว เหมือนยังคุยอะไรอยู่กับเด็ก
การมาถึงของซูย้าว เหมือนได้อยู่ในความคาดการณ์ของลุงไชลด์ไว้แล้ว เด็กกำลังเล่นอยู่ ซูย้าวก็ไม่อยากไปขัด เธอยืนอยู่ข้างๆ เหมือนลุงไชลด์ มองดูเด็กแกว่งชิงช้าอย่างเงียบๆ
“อันที่จริง ผมรู้จักคุณตั้งนานแล้ว”จู่ๆ ลุงไชลด์เปิดปากพูด น้ำเสียงฟังดูเครียดมาก สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา “ตอนนั้น ที่คุณผู้ชายพาคุณมา ผมก็รู้จักคุณแล้ว”
ซูย้าวไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เธอกลับสามารถเดาออกแล้วพยักหน้า”ค่ะ”
“ผมเห็นคุณผู้ชายตั้งแต่เล็กจนโต หลายปีมานี้ คุณผู้ชายต้องทนกับความลำบากยากเย็นมาไม่น้อยเลย”ลุงไชลด์ถอยหายใจยาว และสายตาก็มองไปที่ไกล “ดูผิวเผินแล้ว เขาอาจจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมีหน้ามีตา อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง แต่ตั้งแต่เล็กจนโตหลายปีมานี้ เขาต้องทนกับความลำบากมามากมาย และต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ มาไม่รู้เท่าไหร่”
“คุณอาจจะไม่เชื่อ และอาจไม่ยอมเชื่อ ที่จริงแล้ว ตัวตนของเขาไม่ได้เป็นแบบนี้”
ลุงไชลด์หันมามองซูย้าวอย่างเต็มตัว”จนถึงตอนนี้ ข้อกล่าวหามากมายที่อยู่บนตัวเขา นายท่านเพ้ยเป็นคนทำทั้งนั้น หรือไม่ก็เขาทำโดยสถานการณ์ถูกบังคับ”
เพ้ยหยู่เจี๋ยมีอายุค่อนข้างยืน อานเจียเย้นเพิ่งมารับช่วงต่อเป็นเวลาไม่นาน จะเขาว่าได้ทำเรื่องร้ายแรงอะไรจริงๆ มันก็ไม่มี
หลายสิ่งหลายอย่างล้วนแต่เป็นเพ้ยหยู่เจี๋ยวางแผนสั่งการและบังคับให้อานเจียเย้นไปทำ
ทั้งหมดนี้ ลุงไชลด์ไม่ได้โกหก และไม่ได้เข้าข้าง
ซูย้าวได้ค่อยๆ ก้มหน้าลง เธอยังไม่มีอะไรจะพูดในตอนนี้ และรู้ว่าลุงไชลด์ยังมีอะไรอยากจะพูดต่อ เลยเลือกที่จะเงียบและฟังเขาพูด
“คุณผู้ชายไม่ได้มีใจอยากจะทำร้ายคุณจริงๆ หรอนะครับ และการตายของลูกคุณก็ไม่ใช่ฝีมือเขาด้วย นอกจากแม่ของคุณลี่แล้ว คุณหนูครับ พวกคุณลองถามใจตัวเองดีๆ นะครับ คุณผู้ชายเคยทำร้ายคุณหรือเปล่า?”
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ถามใจตัวเอง?!
เธอเคยคิดแบบนี้ตั้งนานแล้ว ว่าอานเจียเย้นไม่ได้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ตอนนี้ ที่เขาเป็นแบบนี้ จริงที่เขาเคยถูกบังคับฝืนใจมาก่อน แต่ทางเลือกสุดท้าย เขาเองไม่ใช่หรอที่เป็นคนตัดสินใจเอง?
จริงที่เขาไม่เคยทำร้ายซูย้าวแบบทางตรง ตอนนั้น ที่เขาพาเธอกลับมา ช่วยผ่าตัดรักษาร่างกายเธอให้หายดี ใช้วิธีอื่น ลบความทรงจำในอดีตของเธอออก และปลูกฝังความทรงจำที่สมมติขึ้น มอบตัวตนใหม่และตั้งชื่อใหม่ให้เธอ
ตอนนั้น เพ้ยหยู่เจี๋ยอยากจะใช้เธอ เพื่อทำงานให้ตัวเอง แต่ถูกซูย้าวปฏิเสธ เขาเลยคิดจะกำจัดเธอ แต่ถูกอานเจียเย้นปกป้องไว้ เธอถึงรอดมาได้
หลังจากนั้น เขาเป็นคนวางแผนเอง ส่งเธอกลับมาที่เมืองAอีกครั้ง ให้เธอไปใกล้ชิดลี่เฉินซีบงการเธอราวกับเธอเป็นหุ่นยนต์อย่างไรอย่างนั้น ถึงทั้งหมดนี้ จะเป็นเพราะเขา แต่ก็ไม่ได้ถือว่าทำร้ายอะไรเธอ
ถ้าหักเรื่องของ ลี่หมิงไม่ได้เกิดจากฝีมือเขาล้วนๆ นั้นถ้าเด็กยังไม่อยู่ เขาก็ไม่ใช่ฆาตกร
ครั้งนี้ ที่เขาจับเธอกับโม่หว่านหว่านมา ถึงจะเป็นเวลานานและลำบากมาก แต่เมื่อเทียบกับการลักพาตัวปกติแล้ว มันกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย
ที่สำคัญคือ ตอนนี้ ซูย้าวกำลังตั้งท้อง ถึงจะท้องอ่อน แต่เรื่องตั้งท้องก็คือความจริง
ถ้าหาก อานเจียเย้นอยากทำอะไรจริง ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือว่าลูก เขาก็สามารถกำจัดได้ง่ายนิดเดียว ง่ายเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่ง
“เขาไม่ได้เคยทำร้ายคุณจริงๆ แต่ว่าที่เรื่องกลายเป็นทุกวันนี้ เขาก็มีส่วนผิด แต่ถึงอย่างนี้แล้ว โทษมันก็ไม่ถึงขั้นตายเลยนิดครับ!”ลุงไชลด์ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง แววตาดูขุ่นมัวและดูเคร่งเครียด
“ผมรู้ว่าคุณหวังให้เขาถูกจับมาลงโทษทางกฎหมายตลอด ถูกจับเข้าคุกหรือไม่ก็ตายไปเลยยิ่งดี คุณถึงจะหลุดพ้นสักที แต่ว่าคุณหนูครับ ถ้าคุณผู้ชายไม่แคร์คุณจริง นั้นตอนนี้คุณกับลูกก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอนนะครับ!”
เรื่องมาถึงขั้นไหนแล้ว ถึงจะไม่ได้หมดหนทางสักทีเดียว แต่ก็อันตรายมาก ขณะที่ลี่เฉินซีกับตำรวจได้ใกล้เขามาเรื่อยๆ สถานการณ์ของอานเจียเย้นก็พอนึกออก
ลุงไชลด์คิดไม่ตกจริงๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมเขายังต้องดื้อรั้นเก็บผู้หญิงคนนี้กับเด็กไว้ข้างกายอีก!
พวกเขาสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ?
ไหนเมื่อ นี่ก็คือแผนการที่ตั้งใจวางไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ได้ลิขิตไว้แล้ว ว่าเขาใช้วิธีที่ผิดมหันต์ไปรักผู้หญิงที่ไม่ควรรัก แล้วผลสุดท้ายจะได้ตามที่คาดหวังได้อย่างไร!
“ตอนเขายังเด็ก คุณเพ้อก็เคยพูดแล้ว ถ้าจะทำการใหญ่ ก็ต้องใจแข็ง ยิ่งโหดเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่ว่าจะกับญาติหรือคนรัก หรือแม้แต่ลูกตัวเองก็ห้ามใจอ่อน ”
ลุงไชลด์มองหน้าเธอ”ผมนึกว่าคุณผู้ชายจะจำคำนี้เอย่างฝังใจ แต่ดูตอนนี้แล้ว เขาใช้อารมณ์เกินไป และใจอ่อนเกินไป !”
“ผมขอพูดคำสุดท้าย ถ้าหักถึงขั้นนั้นจริง คุณผู้ชายอาจจะปล่อยคุณกับลูกไป แต่ผมไม่เด็ดขาด”
หลายปีมานี้ ลุงไชลด์ดูแลอานเจียเย้นจนโต เปรียบเสมือนพ่อเลี้ยงเขาคนหนึ่งก็ว่าได้ รักที่มีให้เขาไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้ลูกจะทำผิด หรืออาจจะไกลเป็นคนเลว แต่คนที่เป็นพ่อแม่จะทำยังไงได้?
อย่างเดียวที่ทำได้ก็คือปกป้องลูก และกำจัดสิ่งกีดขวางที่มีออกไป
ตั้งแต่เริ่มจนจบ ซูย้าวไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ รอลุงไชลด์พูดจบ เธอถึงเดินอ้อมไปหาเด็กที่กำลังเล่นชิงช้าอยู่
เด็กได้หยุดแกว่งชิงช้าตั้งนานแล้ว เขานั่งดูหมาน้อยหลายตัววิ่งเล่นกันจากที่ห่างไกล ดวงตาแอ๊บแบ๊วดูใสบริสุทธิ์ ไร้เดียงสามาก
การเข้าใกล้ของซูย้าว ทำให้เด็กรู้สึกกลัว อยากจะลุกหนีไป แต่พอหลังจากเห็นสายตาของลุงไชลด์ ถึงฝืนใจอยู่ต่อ
ซูย้าวลองเดินเข้าไปใกล้เด็ก แล้วนั่งลงตรงหน้าเขา”หนูชื่อมาร์กหรอจ้า?”
เด็กพยักหน้า”คุณน้าชื่ออะไรครับ?”
“ซูย้าว”เธอพูดชื่อตัวเองเสร็จ ก็ค่อยๆ เอื้อมมือออกมา “น้าจับตัวหนูได้มั้ยจ้า?ไม่ทำร้ายหนูหรอกนะ”
เด็กอึ้งไป แต่ก็พยักหน้าอย่างลังเลทีหนึ่ง
ซูย้าวเอื้อมมือไปจับหน้าของเด็ก มองดูอย่างละเอียด แน่ใจแล้วว่าหน้าของเด็กไม่มีร่องรอยการผ่าตัดใดๆ คิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดต่อ”อ้าปากได้มั้ยจ้า?อาา……….แบบนี้”
เด็กขมวดคิ้วอย่างงุนงงทีหนึ่ง แต่เห็นสีหน้าจริงจังของซูย้าวแล้ว ก็ทำตาม
เธอก็ได้ตรวจดูภายในช่องปากของเด็กอีกครั้ง แน่ใจแล้วว่าไม่มีแผลใดๆ ซูย้าวยกมือจับที่จมูกโด่งของเด็กหลายที”มีความรู้สึกมั้ย?”
“รู้สึกเจ็บครับ”เด็กพูด เพราะเธอใช้แรงไปหน่อย
ซูย้าวปล่อยเด็กออก แน่ใจได้ว่าไม่มีร่องรอยของการศัลยกรรม น่าจะเป็นลี่หมิงตัวจริง