เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 885 เด็กคนนี้แปลกประหลาดมาก
ทางนี้ การกระทำของซูย้าว มีวัตถุประสงค์อะไร ลุงไชลด์ล้วนเห็นอย่างชัดเจนหมด ที่ไม่ได้มาขัดขวาง ก็ได้สื่อออกมาทางอ้อมว่าได้ทำการเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี
ถ้าเด็กคนนี้ แค่ศัลยกรรมเหมือนหน้าตาของลี่หมิง เป็นการดำรงอยู่ที่
ก๊อปปี้จอมปลอมล้วนๆ แล้วลุงไชลด์จะไม่สะทกสะท้านขนาดนี้ได้อย่างไร?
ซูย้าวหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจทีหนึ่ง ในเมื่อคือลี่หมิง และจำตัวเองไม่ได้ คาดว่าก็คือความทรงจำเกิดปัญหาแน่เลย แถมยังสามารถเรียกอานเจียเย้นว่าแดดดี๊อีก ถูกเปลี่ยนความทรงจำทั้งหมดอีกแล้ว?!
ลี่หมิงยังเด็กขนาดนี้ ก่อนหน้านี้รอดตายมาได้ยังไง เธอก็ยังไม่รู้เลย ถ้าถูกคนเปลี่ยนความทรงจำอีก งั้นเด็กคนนี้……
เธอไม่อาจคิดต่อไป ความรู้สึกเอ็นดูและสงสารได้แผ่ขยายอยู่เต็มอก เธออดยื่นมือเอาเด็กมากอดไว้ในอ้อมกอดแน่นๆ ไม่ได้ “เรียกน้าว่าแม่คำหนึ่งได้มั้ย?”
“คุณน้า” ทันใดนั้นเด็กได้เปิดปากพูด เสียงใสๆ ไพเราะนี้ยังคงคุ้นเคยปานนั้น สำหรับซูย้าวแล้วยาวนานจนราวกับผ่านไปหนึ่งชั่วชีวิตแล้ว
เด็กหลุบตามองเธอที่กำลังกอดตัวเองไว้ “แดดดี๊เคยบอกว่าหม่ามี๊ของผมอยู่ในที่ห่างไกลมาก เพราะยุ่งเกินไป เลยไม่สามารถกลับมาที่ข้างกายผม คุณน้า คุณน้าเป็นหม่ามี๊ของผม?”
ซูย้าวอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ควรจะตอบยังไง อยากพูดความจริงให้กับเด็กอย่างหนักแน่น แต่……
ถ้าแบบนี้ กลับทำร้ายและพลอยทำทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วยทำไง?เพราสิ่งที่สำคัญเร่งด่วนที่สุดตอนนี้ไม่ใช่แม่ลูกมาทำความรู้จักกัน แต่ควรจะหลุดพ้นความโชคร้ายกับสถานการณ์ลำบากแบบนี้
ซูย้าวปรับเปลี่ยนอารมณ์อย่างไว มองลูกรักที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ “คำถามนี้ ต่อไปเราค่อยว่ากันน้อ ผมหิวหรือเปล่า?น้าไปหาอะไรมาให้หนูกิน?”
เด็กได้ส่ายหัว “ผมเพิ่งกินพายสตรอเบอรี่ที่คุณตาให้มา ยังไม่หิวครับ”
ซูย้าวพยักหน้าทีหนึ่งแล้วยืนตัวตรง ทันใดนั้นลุงไชลด์ได้เดินมาทางนี้พอดี “ทางฝั่งคุณชายน่าจะยังมีธุระอีก มาร์ก กลับไปกับลุงก่อนนะ!”
“ครับ!”เด็กรีบตอบทันที พร้อมกับวิ่งไปควงแขนของลุงไชลด์ไว้ เดินไปไม่กี่ก้าวกลับได้หยุดลงอีก “ตาครับ ผมไม่สบายท้องครับ”
ลุงไชลด์ตื่นตกใจ “ไม่สบายท้อง?”
ซูย้าวได้ยินแล้วรีบเดินมาทางนี้ โน้มตัวมองหน้าเด็กไว้ พอแน่ใจแล้วว่าเด็กไม่สบายท้อง แถมยังขมวดคิ้วไว้ เธอได้พูดว่า “สาเหตุเกิดจากพายสตรอเบอรี่หรือเปล่า?”
เธอจำไม่ได้ว่าเด็กคนนี้แพ้สตรอเบอรี่ แต่อาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ที่แพ้พวกผลไม้เปลือกแข็ง และในพายสตรอเบอรี่……จะมีผลไม้เปลือกแข็งอยู่หรือเปล่า?
ลุงไชลด์ค่อนข้างไม่รู้ว่าสาเหตุอะไร ซูย้าวลึกขึ้นมาอธิบายกับเขาว่า “เด็กคนนี้แพ้อาหารอยู่หลายอย่าง ตัดผลไม้ประเภทเปลือกแข็งที่อันตรายถึงขั้นชีวิต อย่างอื่น อาจจะทำให้มวนท้องได้”
ก่อนหน้านี้ ลี่เฉินซีได้จ้างนักโภชนาการเพื่อลูกสามคนโดยเฉพาะ ยังมีพ่อครัวที่คอยดูอาหารการกินของลูกๆ ทุกวันโดยเฉพาะ ก็เพราะร่างกายของลูกสามคนนี้พิเศษ ถึงยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ลุงไชลด์พยักหน้าแล้วมองมาที่เด็กอีกครั้ง “คราวก่อนดื่มนมเปรี้ยวก็ทำให้ท้องเสียเหมือนกัน มาร์ก อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า?”
เด็กพยักหน้ารัวๆ อย่างคล้อยตาม แถมยังเอามือกุมท้องไว้ หน้าตาเหมือนทนไม่ไหวแล้ว
ซูย้าวกลับยืนตกใจอยู่ข้างๆ นมเปรี้ยว?!
ทำไมเธอไม่รู้เลยว่าลี่หมิงดื่มนมเปรี้ยวแล้วท้องเสีย?
ถึงร่างกายพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินอาหารทั้งหมดไม่ได้ แค่ต้องระมัดระวังหน่อย อย่างเช่นรักษาความสะอาด และหลีกเลี่ยงอย่าทานผลไม้เปลือกแข็งทุกชนิดเข้าไปก็พอ
ถึงแม้มีความข้องใจ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
ลุงไชลด์ได้พาเด็กไปห้องน้ำที่อยู่ห่างไกล
เพราะเป็นฟาร์ม ดังนั้นห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกก็ไม่เก่าโทรม ก็เป็นชักโครกเหมือนกัน ลุงไชลด์ได้พาเด็กไปเข้าห้องน้ำ ส่วนตัวเองได้ยืนรออยู่ที่ข้างนอก
ซูย้าวได้ตามไปด้วยความแปลกใจ รอไปประมาณหกเจ็ดนาที ก็ไม่ได้ยินเสียงดังออกมาจากด้านในเลย ยิ่งไม่เห็นเด็กออกมาด้วย เธอชักจะยิ่งอยู่ยิ่งกังวลแล้ว
ลุงไชลด์ก็ค่อนข้างสงสัยเหมือนกัน ตอนที่กำลังจะเข้าไป ซูย้าวกลับขวางเขาไว้ “เด็กโตขนาดนี้แล้ว ฉันเข้าไปดีกว่าค่ะ!”
ความหมายนอกเหนือจากคำพูดคือ ถึงแม้ลี่หมิงคือเด็ก แต่ก็เจ็ดขวบแล้ว ย่อมรู้จักยางอาย เมื่อเทียบกับลุงที่แปลกหน้าอย่างลุงไชลด์ ซูย้าวที่เป็นแม่แท้ๆ คนนี้เข้าไปจะเหมาะสมกว่า
ถึงแม้ลุงไชลด์คัดค้าน แต่รู้สึกว่าก็ไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไรหรอก จึงได้ยินยอม
ซูย้าวได้เดินเข้าไป แล้วพูดอยู่ที่หน้าประตูกั้นห้องน้ำ “หมิงเอ๋อเป็นอะไรหรือเปล่า?อยากให้น้าช่วยอะไรมั้ย?”
“ไม่ต้องครับ” เสียงของเด็กก้องมาอย่างไว จากนั้นมีเสียงกดชักโครกตามมา
เด็กเดินออกมาจากในห้องน้ำ แล้วเดินมาล้างมือที่เคาน์เตอร์ล้างมือ ซูย้าวได้มองดูเขาอย่างตาปริบๆ “โอเคขึ้นหรือยังครับ?”
“อืม” เด็กตอบคำหนึ่ง จากนั้นได้เอากระดาษทิชชู่เช็ดมือ ตอนที่หันหลังเดินผ่านข้างกายเธอ ได้ตั้งใจชะโงกศีรษะเหลือบมองด้านนอกแว๊บหนึ่ง ตอนที่แน่ใจว่าไม่มีคน ถึงกดเสียงต่ำลงเล็กน้อย “คุณน้าครับ ผมรู้สึกค่อนข้างเบื่อ น้ามีเครื่องเล่นเกมที่ค่อนข้างเก่าแบบนั้นมั้ยครับ?ถ้ามี ให้ผมยืมเล่นหน่อยได้มั้ย?”
เด็กคอยกะพริบตาปริบๆ น่ารักเหมือนภูติน้อยตัวหนึ่ง ตอนที่พูดจา ยังไม่ลืมส่งสายตาที่มีความเข้าใจอย่างชัดเจนให้เธอ
เสี้ยววินาทีนั้น ซูย้าวรู้สึกราวกับว่าเลือดทั่วร่างกายได้แข็งตัวในพริบตา เธอมองหน้าเด็กอย่างตะลึงงัน คำถามข้องใจที่มากเกินไปเกือบจะหลุดออกมาจากปาก กลับถูกลุงไชลด์ที่อยู่ด้านนอกชิงพูดเสียก่อน
“มาร์ก?”
เด็กรีบตอบ แล้วรีบวิ่งผ่านข้างกายของซูย้าวไป
ตอนที่ซูย้าวออกมาอีกครั้ง เห็นแค่ลุงไชลด์อุ้มเด็กไว้ แถมเด็กยังกอดคอของลุงไชลด์ไว้อย่างสนิทสนม และหอมแก้มของเขา ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากเด็กทั่วไปเลย
แต่ตอนที่ลุงไชลด์อุ้มเด็กเดินไปที่วิลล่า เด็กได้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สามารถมองเห็นซูย้าวที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านหลังพอดี เขาได้ส่งสายตาให้เธอทีหนึ่ง
แววตานั้นแฝงด้วยความขี้เล่นอยู่เสี้ยวหนึ่ง และมีความลุ่มลึกอยู่เสี้ยวหนึ่ง เหมือนความแฝงแอบแฝงที่ลึกซึ้ง แต่ก็ราวกับไม่มีอะไรเลย เป็นแค่การกลั่นแกล้งของเด็กเคุณผู้ชายั้น
แต่ว่า แววตาแบบนั้น ซูย้าวเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน……
ตอนที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลลี่ ซีซีเอาแต่ใจทะเลาะกับลี่เจิ้ง จากนั้นได้วิ่งขึ้นไปชั้นบน เธออยากไปดูมาก แต่ลี่หมิงได้วิ่งออกมา เขาขึ้นชั้นบนไปด้วยและ……
ตอนนั้นก็ส่งสายตาแบบนี้ให้เธอเหมือนกัน ส่งสัญญาณว่าสบายใจได้ เขามีแผนของตนเอง
และนาทีนี้ หรือเด็กคนนี้……
เธอไม่กล้าคาดเดามากเกินกว่าเหตุ และไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือพยายามสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้เดินกลับไปที่วิลล่า
เพิ่งเดินเข้าบ้าน ก็เห็นอานเจียเย้นกำลังนั่งอยู่บนโซฟา แขนยาวอุ้มเด็กในอ้อมกอดไว้ ใบหน้าที่ปกติเย็นชา นาทีนี้อยู่ตรงหน้าเด็กแล้วอ่อนโยนขึ้นไม่น้อยลง เขาคอยกล่อมเด็กอยู่ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เห็นซูย้าวที่อยู่ทางนี้เดินเข้ามา เขาถึงเงยหน้ามองมาที่เธอ “กินอะไรหน่อย ตกดึกเราก็ออกเดินทางเลย”
ซูย้าวอึ้ง หางตาเหลือบไปเห็นโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกล มีอาหารเลิศรสวางอยู่จานแล้วจานเล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เป็นอาหารตะวันตกหมด ยังมีสเต๊กฉ่ำๆ ที่เพิ่งย่างเสร็จอีกด้วย
“ไปไหนคะ?” แววตาซูย้าวเศร้าหมองลง เธอได้ตรงดิ่งไปที่โต๊ะอาหาร
เธอไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่ นาทีนี้ก็มีทั้งศึกในและศึกนอก จะไปมีอารมณ์กินข้าวได้อย่างไร แต่เพื่อไม่ให้อานเจียเย้นสังเกตเห็น และเพื่อมันใจความปลอดภัยของตนเองกับลูก ทานอะไรนิดหน่อยก่อน ก็ถือเป็นการรับมือแล้ว
“ไม่แน่” อานเจียเย้นพูด จากนั้นก็หลุบตามองเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดอีก “มาร์ก ลูกอยากไปไหนครับ?”
เด็กได้กะพริบตาปริบๆ พร้อมกับใช้มือข้างเดียวควงแขนของอานเจียเย้นไว้ “ขอแค่อยู่กับแดดดี๊ ไปไหนก็ได้หมดครับ!”
“เป็นเด็กดีจังเลย” อานเจียเย้นขยี้ศีรษะน้อยๆ ของเด็ก จากนั้นได้ยักคิ้วมาทางซูย้าว “คุณเองก็ควรจะเรียนรู้กับเด็กบ้าง ส่วนเรื่องที่ว่าจะไปไหน แล้วคุณอยากไปไหน?”
ซูย้าวไม่แม้แต่จะมองเขา แค่ก้มหน้าหยิบส้อมกับมีดขึ้นมา แล้วหั่นสเต็กในจานอย่างจริงจัง “แล้วแต่เลย เพราะไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว สำหรับฉันไปไหนก็เหมือนกันหมด”
“อืม” อานเจียเย้นหรี่ตาอย่างไม่พอใจ “ถ้าเอาเด็กสองคนนั้นมาอีก คุณก็ไม่จะพูดแบบนี้แล้วใช่มั้ย?”
มือที่ซูย้าวถือมีดกับส้อมไว้ได้หยุดชะงัก วินาทีต่อมา ส้อมได้แทงลงไปที่สเต็กอย่างโหด คำพูดก็ออกมาจากปากทีละถ้อยคำ “ถ้าคุณอยากทำแบบนี้จริงๆ งั้นก็แล้วแต่คุณเลยค่ะ!”
อานเจียเย้นยิ้มและไม่พูดอะไรอีก แค่อุ้มเด็กขึ้นมาแล้วหันหลังเดินไปชั้นบน
เวลาที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็ไม่นานจริงๆ แค่ประมาณครึ่งวันเคุณผู้ชายั้น พอตกดึก ก็มีเฮลิคอปเตอร์มารับพวกเขาไปอีกแล้ว