เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - บทที่ 901 รักคุณตลอดไป [จบบริบูรณ์]
ดวงตาสีดำอันหนักอึ้งของลี่เฉินซีหรี่ลง เขาหันกลับมาอย่างเย็นชาแล้วกดเธอลงด้วยกำลังของเขา วางมือข้างหนึ่งไว้ที่ด้านข้างของศีรษะของเธอ มืออีกข้างหนึ่งจับแก้มเธอให้เงยขึ้น “คุณใช้ความคิดแบบนี้กับสามีของตัวเองเหรอ?”
เธอกะพริบตาเบาๆ แม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แต่เธอก็ยังต้องการรู้ความจริงมาก “แล้วมันเป็นยังไงกันแน่คะ? คุณบอกความจริงมาไม่ได้เหรอไง?”
เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและมองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างเงียบๆ “ฟังนะ ที่จริง คุณเดาถูกแล้ว”
แม้ว่าลี่เฉินซีไม่เต็มใจที่จะยอมรับ แต่นี่คือข้อเท็จจริง
ซูย้าวชะงักลงด้วยความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง เธอผลักเขาออกไปอย่างไม่ลังเล แล้วหันกลับมาจับไปบนใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่มด้วยมือข้างเดียว “คุณว่าอะไรนะ? ลี่เฉินซี สมองคุณผิดปกติไปแล้วเหรอไง! คุณ……”
แม้ว่าเจ้าต้องการจะปกป้องพวกเธอ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้!
ไม่แปลกใจเลยที่ตำรวจคอยจับตาดูเขาก่อนหน้านี้ ที่แท้เธอเดาถูกทุกประการ!
ลี่เฉินซีมองดูใบหน้าเรียวเล็กที่โกรธเกรี้ยวของเธออย่างอดหัวเราะไม่ได้ เขาค่อยๆ ผลักมือเธอออกและจับมันเอาไว้ “ค่อยๆ ฟังผมอธิบายนะครับ”
“จนกระทั่งเดือนที่แล้ว ผมเป็นคนที่รับช่วงต่อจริง ที่นั่นยังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมกำลังให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อตรวจสอบเรื่องของอานเจียเย้นตอนยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งกลุ่มที่ร่วมมือกับเขาเหล่านั้น ประมาณหนึ่งเดือนก่อน คนพวกนั้นถูกจับไปหมดแล้ว ผมจึงได้วางใจลง” เขาพูดพร้อมจับมือและจูบไปยังหลังมือของเธอ
ซูย้าวยังคงงงงวยเล็กน้อย “ดังนั้นหมายความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นไม่ได้เฝ้าติดตามคุณ แต่……”
“พวกเขากำลังปกป้องผมต่างหาก!” ถึงอย่างไรเขาก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อค้นหาและจับกุมผู้กระทำความผิดเหล่านั้น คงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะถูกแก้แค้น
หลังจากการเข้าล้อมและจับกุมทุกคนไปสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เขาก็ปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองจากใครอีก
ซูย้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เป็นแบบนี้นี่เอง……”
ก่อนหน้านี้เธอยังสงสัยอยู่ว่าถ้าตำรวจจับตาดูเขาอยู่ นานขนาดนี้ก็น่าจะเจอ ‘หลักฐาน’ บางอย่างบ้างแล้ว ซึ่งเขาน่าจะโดนจับได้แล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย น่าแปลกจริงๆ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“ในตอนนั้น จำเป็นต้องมีคนลุกขึ้นมาขจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ไป และผมเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้น ผมจึงร่วมมือกับทางตำรวจทำสิ่งนี้ มันทำให้คุณต้องกังวลก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลง สายตาที่มองมาทางเธอก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเช่นกัน
หลังจากที่ซูย้าวปลดปล่อยออกมาแล้ว เธอก็โอบแขนไปรอบคอของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ “หมายความว่า ตอนนี้คุณตัดขาดจากเรื่องพวกนั้นแล้วใช่ไหมคะ?”
เขาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าและกดเธอลงอีกครั้ง “แน่นอน ผมเป็นสามีของคุณนะ เป็นพ่อของลูกอีกหกคน ผมจะเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นได้ยังไง ผมคงไม่ทำอะไรนอกกรอบแบบนั้นแน่”
เรื่องนี้ซูย้าวมั่นใจมาก
เขาไม่ใช่คนแบบนั้น แม้ว่าเขาจะอยู่ในวงการธุรกิจแต่เขาก็ไม่เคยทำตัวเละเทะ เขาทำธุรกิจอย่างมีเหตุผลและถูกกฎหมายเพื่อหารายได้และทำสิ่งต่างๆ ให้ดี นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดที่เธอเลือกเขา
ในขณะที่จิตใจของซูย้าวกำลังฟุ้งซ่าน ผู้ชายคนนี้ได้ดำเนินไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ความอัดอั้นที่เก็บไว้นานหลายเดือน ราวกับว่าชั่ววินาทีนี้ได้ผ่อนคลายลง ความดุดันอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
จากแรงที่เขาใช้ทำให้เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน มือข้างหนึ่งซุกซนโอบไปที่บ่าเขา “แล้วตอนนี้ ใครกันเป็นคนรับมือเรื่องพวกนี้?”
หากจะบอกว่าทุกอย่างที่อานเจียเย้นทิ้งไว้ถูกตำรวจสืบจนกระจ่างแจ้งทั้งหมดแล้วเธอคงไม่เชื่อ
พวกบริษัทที่ผิดกฎหมายบางแห่งได้รับการตรวจสอบแล้ว แต่นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมในต่างประเทศจำนวนมากของ กรุ๊ปเพ้ยซื่อ รวมถึงบริษัทที่เป็นทางการ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการคนขึ้นมาเป็นผู้รับผิดชอบ
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว “ทำไมไม่ตั้งใจแบบนี้? เสร็จแล้วค่อยถามได้ไหม?”
เธอแลบลิ้นออกมาดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกกลบด้วยการกระทำของเขา ซึ่งยังคงแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน มันทำให้เธอแทบจะขาดใจ
แต่เขาก็พยายามให้ความร่วมมือกับเธอ เขาอ่อนโยนมาก เขาไม่ได้เพิกเฉยต่อเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันเหล่านี้ เธอเองก็เห็นและสัมผัสได้
เธอรู้จักเขาดีและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา
ดังนั้นหลังจากเสร็จกิจในครั้งแรก เธอจึงหันไปมองหน้าตาที่ยังคงไม่พอใจของเขาและอดหัวเราะไม่ได้ “พักก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยทำใหม่”
ลี่เฉินซีตกตะลึง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นและกอดเธอด้วยความประหลาดใจ “จริงเหรอ? ทำไมคุณ……”
ก่อนหน้านี้เธอปฏิเสธมาตลอด……
เธอจับไปบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่อยากทำให้สามีของฉันต้องอึดอัดอีก ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่านอกจากฉันแล้ว คุณอาจจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว “ลบคำว่า ‘ดูเหมือน’ และ ‘อาจจะ’ นี้ทิ้งไป ผมมีคุณเป็นผู้หญิงในชีวิตเพียงคนเดียว ดังนั้นถ้าคุณไม่ให้ผมกินจนอิ่มละก็ ผมก็ดูน่าสงสารไม่น้อย……”
ซูย้าวยิ้มกว้าง เธอกอดเขาจากทางด้านหลัง “ฉันต้องทำให้คุณอิ่มแน่ค่ะ ตกลงไหม!”
ขณะที่เธอพูด เธอก็หันหลังและวิ่งไป ลี่เฉินซีมองเธอจากด้านหลังแล้วถามว่า “คุณจะไปไหน?”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไงคะ! คุณเคยบอกว่าชอบให้ฉันใส่ ‘เสื้อผ้าแปลกๆ พวกนั้น’ ไม่ใช่เหรอ?” เธอมองกลับมาและยิ้มอย่างมีเสน่ห์
ลี่เฉินซีรู้สึกประหลาดใจและอิ่มเอม ราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความสุขนี้มันมา……อย่างกะทันหันจริงๆ!?
อันที่จริง ช่วงตอนที่เธอตั้งครรภ์และอยู่ไฟ ซูย้าวได้พิจารณาดูเพื่อกันและกันดูแล้ว พบว่าการที่ทั้งสองรักใคร่กัน เรื่องแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องเขินอาย
นอกจากนี้ยังมีลูกอีกหกคน ทั้งสองได้จดทะเบียนกันอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าในอนาคตจะต้องจับมือกันเดินก้าวต่อไป
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่รัก ไม่จำเป็นต้องจงใจหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธ แค่พยายามก้าวออกไปอย่างกล้าหาญ ถึงอย่างไรเขาก็อภัยให้เธอได้ ให้ความร่วมมือกับเธอ ค้นคว้าไปด้วยกัน อย่างนี้ไม่ดีเหรอ?
“อ้อ จริงสิคะ คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นใคร? ในเมื่อคุณวางมือจากมาแล้ว ใครจะรับช่วงต่อจากคุณ?” ซูย้าวถามขึ้นอีกครั้งหลังจากคิดถึงเรื่องนี้
ลี่เฉินซีบีบจมูกเล็กๆ ของเธอ “เด็กโง่ เดาดูสิว่าใคร?”
ซูย้าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หรือจะเป็นเพ้ยส้าวหลี่?”
ลี่เฉินซียิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร เขาดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
อานเจียเย้นเคยนับว่าเป็นคนในตระกูลเพ้ยอยู่มากกว่าครึ่ง ตอนนี้เขาจากไปแล้ว เพ้ยส้าวหลี่ก็สามารถจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างสมเหตุสมผล สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นอย่างไร ตอนนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้องกังวล
ค่ำคืนแห่งความปีติยินดีผ่านพ้นไปสู่วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนยังคงนอนอยู่บนเตียงนอนที่แสนสบาย
แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือซูย้าวเหนื่อยมาก เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอแทบหัก รู้สึกเจ็บปวดมากแม้เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย
ในทางกลับกันลี่เฉินซีกลับมีอารมณ์ผ่องใสราวกับว่าเขาได้เกิดใหม่ เขาตื่นขึ้นมาทรมานเธอแต่เช้า สิ่งนี้ทำให้ซูย้าวพูดไม่ออกจริงๆ เธอรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจเมื่อคืนนี้ จะให้เธอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนแบบนี้……จะไม่เป็นปัญหาจริงเหรอ?!
ทั้งสองมีช่วงเวลาที่ดีอยู่สองสามวัน เนื่องจากมีเจ้าตัวเล็กๆ เหล่านี้อยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
แม้ว่าตอนนี้จะเปิดเรียนแล้ว แต่ตราบใดที่โรงเรียนเลิก ลี่เจิ้ง ลี่หมิงและซีซีก็จะรีบมาที่ประตูและเคาะอยู่ซ้ำๆ ตะโกน ออกมาว่า “พ่อ แม่ ออกมาได้แล้ว อย่าได้ทำน้องอีกเลย!”
ทั้งลี่เฉินซีและซูย้าวไม่รู้จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี ท้ายที่สุดลี่เฉินซีก็ตัดสินใจที่จะเลื่อนวันแต่งงานให้ใกล้เข้ามา หลังจากงานแต่งเขาจะได้พาซูย้าวไปฮันนีมูนสักที
งานแต่งงานที่ไม่ธรรมดาแห่งศตวรรษนี้ เรียกได้ว่าหาได้ยากนับแต่โบราณมา บริษัทลี่ซื่อไม่ลังเลที่จะทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ในงานแต่งงานครั้งนี้ ความหรูหรายากเกินจะจินตนาการได้
นักบวชยืนอยู่ตรงข้ามทั้งสองทำสีหน้าเคร่งขรึม ลี่เฉินซีจับมือของเธอเอาไว้ เขามองมาด้วยดวงตาที่หนักอึ้ง “ผมยอมต่อต้านธรรมชาติของผม ต่อต้านสัญชาตญาณของผม พยายามหลุดพ้นจากทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเมื่อใดก็ตาม ผมจะเห็นคุณสำคัญเป็นอันดับแรก รักคุณตราบจนชีวิตผมจะหาไม่”
ซูย้าวมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม และพูดสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ฉันด้วยค่ะ”
อันที่จริงเธออ่านความรักทั้งหมดจากสายตาของเขาออกตั้งนานแล้ว และเข้าใจด้วยว่าการที่เขาเข้าไปจัดการสิ่งที่อานเจียเย้นทิ้งไว้ในตอนนั้น ไม่เพียงแต่เพื่อร่วมมือกับตำรวจในการกำจัดคนที่เหลืออยู่ แต่ยังเพื่อปกป้องเธอและลูกๆ ด้วย
เธอรักเขา เขาก็รักเธอเช่นกัน เวลาและประสบการณ์ได้ประจักษ์ให้เห็นทุกสิ่งแล้ว
ในตอนท้าย คณะนักร้องประสานเสียงที่นำโดยเด็กๆ ร้องเพลงภาษาอังกฤษออกมา จากนั้นม่านก็ปิดลง
ท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาวผ่อง ทุ่งหญ้าเขียวขจี แม้แต่ดอกไม้และต้นไม้ริมถนนต่างพากันเริงระบำไปกับสายลม ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวราวกับถูกย้อมไปด้วยรักของพวกเขา……
จบบริบูรณ์