เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1022 การปะทะกันระหว่างเทพเจ้า
ตอนที่ 1,022 การปะทะกันระหว่างเทพเจ้า
เทพแห่งวิหารเฉียนเกามาพร้อมกับความโกรธแค้น
ถึงนายท่านจะไม่ได้ลงโทษเขา แต่หน้าที่จัดการนครหลวงเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ เทพเจ้าวัยกลางคนคิดว่าตนเองสามารถควบคุมภารกิจนี้ได้อย่างง่ายดาย หลังจากนี้ ตนเองก็จะได้รับความไว้วางใจจากนายท่านมากขึ้น
แต่ใครจะไปคิดเลยว่าข่าวร้ายกลับเดินทางมาถึงโดยไม่คาดคิด
นอกจากวิหารเฉียนเกาในนครหลวงจะถูกทำลายแล้ว แม้แต่บิดาของนายท่านก็ต้องเสียชีวิตอยู่ที่นครหลวงเช่นกัน
บางทีความตายของบิดาอาจไม่สำคัญสำหรับนายท่านสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกา นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ตนเองทำให้นายท่านไม่ต่างจากถูกตบหน้า!!
ตัวของเทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกาก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเช่นกัน
นี่คือความผิดที่ให้อภัยไม่ได้
ต้องฆ่าให้หมด!
เขาต้องฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเมืองบาปแห่งนั้นให้หมดสิ้น
ในสายตาของเทพเจ้า มวลมนุษย์ก็ไม่ต่างจากมดปลวก
ไม่คุ้มค่าให้เอ่ยถึงสักนิด
ดังนั้น แม้จะยังอยู่ห่างจากนครหลวงอีกหลายร้อยลี้ แต่เขาก็ได้ปลดปล่อยพลังเปลวไฟแห่งการทำลายล้างออกไปแล้ว
มวลพลังในครั้งนี้สามารถถล่มฟ้าพลิกปฐพี
ทั่วบริเวณที่ลำแสงไฟพุ่งผ่าน เปลวไฟจะเผาไหม้อย่างรุนแรง
บนพื้นดินเต็มไปด้วยทะเลเพลิง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่างถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ภูเขาเขียวขจีลูกใหญ่แหลกสลายกลายเป็นผุยผง
แม่น้ำและทะเลสาบระเหยหายแห้งขอดจากอิทธิฤทธิ์ของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า ต้นไม้ ดอกไม้ หมู่มวลวิหค หมู่มวลมัจฉา หรือแมลงตัวเล็กตัวน้อย ต่างก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตาเดียว
ไม่ว่าเทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกาเคลื่อนกายผ่านไปที่ใด ที่แห่งนั้นก็จะกลายเป็นดินแดนแห่งความตาย
เพียงไม่กี่ลมหายใจ นครหลวงก็ปรากฏขึ้นในสายตา
นี่เป็นเวลาที่ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าพอดี เทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกาตั้งใจจะระเบิดความแค้นของตนเองให้เมืองแห่งนี้มอดไหม้ไปต่อหน้าต่อตา
ลำแสงไฟของเขาพุ่งตรงไปที่นครหลวง ไม่ต่างจากคบเพลิงที่กำลังจะจุดสว่าง
แต่ในลมหายใจนั้นเอง…
เทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ
เนื่องจากมีลำแสงสีเงินสายหนึ่งได้พุ่งขึ้นมาในอากาศ
และไม่กี่อึดใจให้หลัง เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจก็รู้สึกเย็นเฉียบ ร่างกายสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ไม่เคยพานพบมาก่อน
หอกเงินเล่มหนึ่งพุ่งเสียบทะลุร่างของเทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกา
โลหิตไหลหยดลงจากปลายหอก
ติ๋งติ๋งติ๋ง
หยดเลือดไหลรินลงสู่พื้นดินด้านล่าง
สีหน้าของเทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกาบ่งบอกถึงความประหลาดใจ
นี่ไม่ใช่การโจมตีจากเทพีกระบี่
แต่นี่คือการโจมตีจากยอดฝีมือระดับเซียน
ช่างรวดเร็วนัก
นครหลวงมียอดฝีมือเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ด้วยหรือ?
อย่างน้อยก็มีพลังทำลายล้างไม่ต่างไปจากขั้นเซียนระดับห้า
และไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ตาม แต่หอกเงินเล่มนี้เป็นอาวุธที่ไม่ธรรมดา เพราะมันสามารถเสียบทะลุร่างกายของเทพเจ้าได้อย่างง่ายดาย
หรือนี่คือยอดฝีมือที่เทพีกระบี่ซ่อนเอาไว้?
ช่างโง่เขลาเหลือเกิน
ความโกรธแค้นในแววตาของเทพแห่งวิหารเฉียนเกายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
เขากำลังจะใช้มือกระชากหอกออกมาจากร่างของตนเอง
ทันใดนั้น…
ครืน
หอกเงินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ตู้ม!
แล้วร่างของเทพเจ้าแห่งวิหารเฉียนเกาก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
วูบ!
หอกเงินเล่มนั้นเคลื่อนไหวราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต มันลอยกลับไปยังทิศทางของวิหารประจำเมือง
“รนหาที่ตายนัก”
เสียงของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาดังก้องกังวานผืนฟ้า
แล้วภาพที่แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น
ม่านหมอกเลือดที่สาดกระจายอยู่ในอากาศ ค่อย ๆ กลับมารวมตัวกันใหม่กลายเป็นร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา เสมือนมีคนกรอภาพย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่ลมหายใจก่อนหน้านี้
และบนใบหน้าของชายวัยกลางคนก็เหลือคราบเลือดเพียงเล็กน้อย อาการบาดเจ็บทั่วร่างกายหายดีเป็นปลิดทิ้ง
“พลังต่ำต้อยเพียงเท่านี้คิดจะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ… ฝันไปเถอะ”
เปลวไฟลุกโชน
ร่างกายปกคลุมด้วยเปลวเพลิง
หอกไฟเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา เขายกมือขึ้นและขว้างหอกออกไปอย่างแรง
หอกไฟพุ่งทะลวงผ่านอากาศ
พุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
บนยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารหลวงในขณะนี้ หลินเป่ยเฉินยืนตระหง่านราวกับรูปปั้นหิน ในมือถือหอกเงินด้วยท่วงท่าองอาจ
“เป็นไปอย่างที่คิด คนธรรมดาฆ่าเทพไม่ตายจริง ๆ ด้วย”
เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองอยู่ในใจ
หอกเงินที่อยู่ในมือเขาเป็นหอกที่ได้มาจากผู้อาวุโสของเผ่ากิ้งก่าวายุ และได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดศาสตราวุธชิ้นหนึ่งในโลกแห่งวรยุทธ์
แต่ก็ยังไม่สามารถสังหารเทพเจ้าได้อยู่ดี
ทว่า นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เพราะจุดประสงค์หลักของหลินเป่ยเฉินคือการทักทายอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าให้ตายสักหน่อย
บนท้องฟ้าเบื้องหน้าในขณะนี้ บังเกิดแสงสว่างวูบวาบ
แสงสว่างเหล่านั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาของหลินเป่ยเฉิน
แล้วหอกเพลิงเล่มหนึ่งก็พุ่งผ่านท้องฟ้าตรงเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูงสุด
มันมาพร้อมกับความโกรธแค้นและจิตสังหารของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ปัดป้อง
และเขาก็ไม่ได้กระโดดหลบ
เพราะในจังหวะนั้น ฝ่ามือขาวเนียนที่อ่อนนุ่มก็ได้ปรากฏขึ้น
นิ้วมือเรียวยาวพลันคีบปลายหอกได้อย่างแม่นยำ
เปลวไฟดับวูบ จิตสังหารเลือนหาย
หอกไฟเล่มนั้นสลายกลายเป็นเพียงหมอกควันในอากาศ
เทพีกระบี่มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินภายในชุดเสื้อคลุมสีขาวของนาง
“คนธรรมดาฆ่าเทพเจ้าไม่ได้หรอก”
นางจ้องมองไปยังทิศทางของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาและกล่าวว่า “บัดนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่? นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่เจ้าจะร่วมด้วย จงรีบหนีออกไปโดยเร็วเสียเถิด”
นางก้าวเท้าออกไปข้างหน้า
ในอากาศเกิดแสงสว่างวูบวาบ
ลมหายใจต่อมา นางก็ไปปรากฏกายอยู่นอกนครหลวง
บนท้องฟ้าสีคราม ก้อนเมฆสีขาว
ดวงตะวันยังไม่ทันตกดี ขอบฟ้าก็มีดวงจันทร์ปรากฏขึ้นมาแล้ว
ดวงตะวันและดวงจันทร์ปรากฏออกมาในเวลาเดียวกัน
เสื้อคลุมของเทพีกระบี่โบกสะบัด แววตาของนางเย็นชาขณะจ้องมองไปที่เทพแห่งวิหารเฉียนเกา
หลังจากนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสีเหลืองนวลราวกับแสงจันทราก็ปกคลุมผืนฟ้า กลายเป็นม่านพลังครอบทับนครหลวงที่อยู่ด้านหลังด้วยความสว่างไสว
ด้านหลังของเทพแห่งวิหารเฉียนเกากำลังมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นจริง ๆ”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาหัวเราะเยาะและกล่าวต่อ “แต่ผู้ช่วยของเจ้าช่างโง่เขลานัก มันคิดหรือว่าหอกเล่มนั้นจะสามารถทำอันตรายข้าได้?”
“เลิกพูดจาไร้สาระ เรามาสู้กันเลยดีกว่า”
กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเทพีกระบี่
มันเป็นกระบี่ที่สวยงาม ไม่ต่างไปจากการรวมตัวกันของแสงจันทร์และเกล็ดหิมะ
“ฮ่า ๆๆ…”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาหมุนวนฝ่ามือในอากาศ หลังจากนั้น เปลวไฟสายหนึ่งก็รวมตัวกันกลายเป็นหอกเทพเจ้าสีแดงเข้มที่ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“โชคร้ายที่ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา เจ้าถูกเทพีกระบี่ตัวปลอมแย่งผู้ศรัทธาไปหมดสิ้น บัดนี้ เจ้าไม่เหลือรากฐานพลังเก่าก่อนอีกแล้ว แน่ใจหรือว่าจะสามารถรับมือข้าได้…”
แต่เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ต้องแปรเปลี่ยนไป
เพราะเขาไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มในชุดขาวหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง มาปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับหอกเงินที่อยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่
เด็กหนุ่มผู้นี้ลอยตัวอยู่ไม่ไกล ลักษณะท่าทางไม่ต่างจากผู้ที่มารับชมการแสดงละครฉากหนึ่ง
“เป็นเจ้าเองหรือ?”
เมื่อเทพแห่งวิหารเฉียนเกาเห็นหอกเงินในมือเด็กหนุ่ม ดวงตาของเขาก็ปรากฏความอำมหิตขึ้นมาทันที
“ว่าไง…”
เด็กหนุ่มชุดขาวยกมือทักทายและส่งยิ้มให้ด้วยความอบอุ่น ลักษณะท่าทางของเขาราวกับเป็นกระต่ายน้อยไร้พิษสงตัวหนึ่ง
เด็กหนุ่มหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวต่อ “อ้อ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจข้าหรอก ทำเหมือนข้าไม่มีตัวตนอยู่ก็ได้ รอให้เจ้าพลาดท่าเมื่อไหร่ ข้าค่อยเข้าไปร่วมวงสนุกด้วยเท่านั้นเอง”
พูดจบ เขาก็กระซิบว่า “ข้าไม่เคยเห็นเทพเจ้าต่อสู้กันมาก่อน…”
เทพแห่งวิหารเฉียนเการู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ความผิดปกติที่มาจากหลินเป่ยเฉิน
ใช่แล้ว
เขาย่อมรู้จักหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่ขัดขวางแผนการของนายท่านครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเขาจะไม่รู้จักได้อย่างไร?
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินเป่ยเฉินจะมาปรากฏตัวในนครหลวงและยังโจมตีเขาอีกด้วย
มิหนำซ้ำ ยังกล้าเข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้าโดยไม่กลัวตายสักนิด
เมื่อเห็นพลังของหอกเงินในมือหลินเป่ยเฉิน เทพแห่งวิหารเฉียนเกาก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เป็นเจ้าเองสินะที่สังหารคนของข้าในนครหลวงและยังสังหารองค์จักรพรรดิเว่ย”
“ถูกต้องนะคร้าบ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้าง “แต่ถึงตอบถูก ข้าก็ไม่มีรางวัลให้เจ้าหรอกนะ”
“เจ้าจะต้องตายด้วยความทุกข์ทรมาน”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาอาฆาตแค้น
“ฮ่า ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม “เจ้าคิดว่าข้าต่ำต้อยถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”