เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1126 สถานะที่สอง
ตอนที่ 1,126 สถานะที่สอง
คฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองอยู่ไม่ไกลจากสุสานกระบี่
ด้วยระดับวิชาตัวเบาของหลินเป่ยเฉิน เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อ คฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองก็ปรากฏอยู่ในคลองสายตาแล้ว
“จะแอบเข้าไปหรือบุกเข้าไปดื้อ ๆ เลยดีวะ…”
หลินเป่ยเฉินหยุดยืนอยู่บนหอคอยสูง ดวงตาจ้องมองไปที่ประตูทางเข้าจวนท่านเจ้าเมือง มือของเขาทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัว
การแอบเข้าไปดูไม่เหมาะต่อหลินเป่ยเฉินสักเท่าไหร่
เขาหลินเป่ยเฉินคนนี้มีหรือที่ต้องทำอะไรอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ?
แต่ถ้าบุกเข้าไปเลย เกิดอีกฝ่ายจับตัวอาจารย์ติงเป็นตัวประกันขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร?
อีกอย่าง เรื่องนี้ไม่สมควรแหวกหญ้าให้งูตื่น
หากทำให้คนในจวนท่านเจ้าเมืองรู้ตัว เกรงว่าคืนนี้คงสืบข้อมูลอะไรไม่ได้แล้ว…
อืมม…
ในขณะที่หลินเป่ยเฉินยังตัดสินใจไม่ได้ ประตูคฤหาสน์ของท่านเจ้าเมืองก็เปิดออกอย่างเงียบงัน
เงาร่างของคนสองคนเดินออกมา
คนที่เดินนำมาด้านหน้าสวมใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงิน รูปร่างสันทัด ไว้เครายาวสามแฉก ใบหน้าประดับรอยยิ้มชั่วร้ายเล็กน้อย
ย่อมต้องเป็นติงซานฉือ
ส่วนผู้ที่เดินตามมาด้านหลังมีร่างสูงเพรียว ผมยาวสวยรวบเป็นหางม้า สีหน้าเย็นชา เสื้อคลุมมือ กระบี่สีขาวเรียบง่ายสะท้อนกับแสงจันทร์วาวแวว ราวกับต้องการจะทำให้นางมีความงามสง่าเทียบเท่าเทพเจ้า
“เชี่ย เอาอีกแล้วไง”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินแทบถลนหลุดออกมาจากเบ้า
ฉู่อวิ๋นซุนถูกสวมเขาเสียแล้ว
ภรรยาของท่านเจ้าเมืองถึงกับเดินออกมาส่งอาจารย์ติงที่หน้าประตู
ในค่ำคืนที่มืดมิด ไม่มีผู้คนอยู่โดยรอบ ท้องถนนเงียบสงบ ชายวัยกลางคนและหญิงสาวเดินออกมาจากประตูคฤหาสน์…
จินตนาการของหลินเป่ยเฉินเริ่มเตลิดไปไกล
อาจารย์นะอาจารย์ ทำอะไรทำไมไม่นึกถึงหัวอกขององค์หญิงแห่งท้องทะเลบ้าง?
เด็กหนุ่มเห็นติงซานฉือกับลู่กวนไห่ผู้เป็นภรรยาท่านเจ้าเมืองหยุดยืนพูดคุยอะไรกันบางอย่างที่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ ติงซานฉือเอาแต่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าคล้ายกับกำลังรับคำสัญญาบางประการ เมื่อตกลงกันเป็นที่แน่นอนแล้ว อาจารย์ของหลินเป่ยเฉินจึงได้หมุนตัวเดินจากมา
ลู่กวนไห่ยืนส่งติงซานฉือด้วยสายตา จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาหายหลับไป นางจึงได้เดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์
ประตูคฤหาสน์ปิดลงอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินลดโทรศัพท์มือถือลงและกดบันทึกคลิปวิดีโอทั้งหมดเอาไว้
นี่คืออีกหนึ่งหลักฐานเด็ด
อาจารย์นะอาจารย์ คลิปวิดีโอพวกนี้จะถูกส่งไปถึงมือองค์หญิงแห่งท้องทะเลหรือไม่ ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของท่านแล้ว
หลินเป่ยเฉินกำลังจะกระโดดตามหลังอาจารย์ไป แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
นี่ไม่ถูกต้อง
การลงมือลอบสังหารหลินเป่ยเฉินก่อนหน้านี้ ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ฉากหลังก็คือฉู่อวิ๋นซุนกับลู่กวนไห่ สงสัยทั้งสองคนคงเห็นว่าหลินเป่ยเฉินมีความหล่อเหลาและเก่งกาจมากเกินไปจึงต้องฆ่าทิ้งด้วยความอิจฉาริษยา
และหากสามีภรรยาผู้ชั่วร้ายคู่นี้สามารถกำจัดหลินเป่ยเฉินทิ้งไปได้ กลุ่มตัวแทนจากเมืองไป๋หยุนก็ต้องชนะการประลองอย่างแน่นอน…
ให้ตายเถอะ
หลินเป่ยเฉินเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน
เป็นไปได้หรือไม่ที่อาจารย์ติงจะถูกลู่กวนไห่ล้างสมอง?
หรือเป็นไปได้หรือไม่ที่ติงซานฉือซึ่งเดินอยู่เบื้องหน้าคนนี้คือตัวปลอม?
เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือมือสังหารคนใหม่ที่ทางจวนท่านเจ้าเมืองกำลังจะส่งไปยังสำนักกระบี่อมตะเพื่อลงมือสังหารหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง?
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินกลับมาเคร่งเครียด
หลังเคยถูกลอบสังหารมาแล้วครั้งหนึ่ง สภาพจิตใจของเด็กหนุ่มก็หวาดระแวงไปหมด
แต่ถึงอย่างไร ระมัดระวังตัวเอาไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
เดี๋ยวเราได้เห็นดีกันแน่
หลินเป่ยเฉินคิดอยู่ในใจขณะเริ่มติดตามติงซานฉือไปทางด้านหลัง
ยิ่งตามไปใกล้มากเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองคิดถูกมากเท่านั้น
เนื่องจากติงซานฉือคนนี้ตลอดเวลาเอาแต่เดินพึมพำกับตัวเอง สีหน้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ลักษณะเหมือนคนวิกลจริต ไม่ใช่อาจารย์ติงที่เขาเคยรู้จักในอดีต
เมื่อชายชราเดินไปถึงถนนสายเปลี่ยว หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจลงมือ
วูบ!
เขาใช้พลังปราณธาตุทองคำควบคุมกระบี่เล่มหนึ่งให้ลอยขึ้นไปในอากาศ
กระบี่พุ่งเป็นลำแสงตรงเข้าไปหาชายชรา
“นั่นใคร?”
ติงซานฉือสัมผัสได้ถึงอันตรายที่คุกคามเข้าหา กระบี่คุณธรรมข้างเอวเขาจึงถูกชักออกมา
เคร้ง!
คมกระบี่ปะทะกัน
กระบี่จากหลินเป่ยเฉินถูกปัดกระเด็นออกไป
“เฮอะ อย่าคิดว่าตนเองจะหนีรอดไปได้ เตรียมตัวรับกระบี่”
หลินเป่ยเฉินกระโดดออกไปจากความมืด ในมือของเขาถือกระบี่ไร้ชื่อเล่มหนึ่งที่ขโมยออกมาจากสุสานกระบี่ก่อนหน้านี้
ที่เด็กหนุ่มไม่ใช้กระบี่เงินของตนเอง ก็เพราะกลัวว่าอาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามถึงแก่ความตายโดยที่ตนเองยังไม่ทันได้ถามอะไรเลย
ติงซานฉือมีปฏิกิริยาตอบรับเร็วไว เขายกกระบี่ในมือขึ้น แต่พอเห็นว่าคู่ต่อสู้เป็นหลินเป่ยเฉิน ชายชราก็ถึงกับหยุดชะงัก “เจ้าลูกเต่าตัวแสบ นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
“เลิกเล่นละครได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินยิงฟันยิ้ม “ข้ามองเจ้าออกทะลุปรุโปร่ง… เจ้าไม่ใช่อาจารย์ตัวจริงของข้า ตายซะเถอะ”
เด็กหนุ่มลงมือโจมตีต่อเนื่อง
ติงซานฉือตกตะลึงจนต้องร้องอุทานว่า “ตอนนี้อาการของเจ้ากำเริบอีกแล้วหรือ?”
ชายชราคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ลูกศิษย์ของตนเองจะมีอาการทางสมองกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
การโจมตีของหลินเป่ยเฉินค่อนข้างรุนแรงและหนักหน่วง
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
คมกระบี่ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
“เฮอะ เจ้าตัวปลอม เจ้าเก่งไม่เบาเหมือนกันนี่นา สามารถเลียนแบบวิทยายุทธ์ของอาจารย์ข้าได้อย่างแนบเนียนยิ่งนัก”
หลังจากต่อสู้กันได้หลายกระบวนท่า หลินเป่ยเฉินก็ต้องพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
เพราะกระบวนท่าการต่อสู้ของอีกฝ่ายคล้ายคลึงกับติงซานฉือตัวจริงมากเหลือเกิน
“ลองชิมอานุภาพของกระบี่สามพิฆาตดูหน่อยเป็นไร”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะ
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ติงซานฉือก็ตอบโต้กลับมาด้วยวิชากระบี่สามพิฆาตเช่นกัน
ระหว่างตวัดกระบี่ ชายชราก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล “หลินเป่ยเฉิน เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร? หยุดเดี๋ยวนี้”
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่คือสิ่งที่ติงซานฉือตัวจริงต้องทำแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อว่าคนฉลาดอย่างเขาจะคาดเดาผิดพลาด
อย่าบอกนะว่าชายชราผู้นี้คือติงซานฉือตัวจริง?
“เจ้าบอกมา อนุภรรยาคนที่สามของบิดาข้าคือใคร ปีนี้นางอายุเท่าไหร่แล้ว?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาเสียงดัง
ติงซานฉือคำรามด้วยความฉุนเฉียว “บิดาเจ้ารักมารดาเจ้ายิ่งกว่าชีวิต เมื่อมารดาเจ้าตายไป เขาก็ไม่เคยชายตามองหญิงอื่นอีกเลย แล้วจะไปมีอนุภรรยาได้อย่างไร?”
“ถ้าอย่างนั้นใต้พื้นดินในสวนของจวนตระกูลหลิน มีทองคำฝังอยู่เท่าไหร่?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”
ติงซานฉือหมุนตัวตีลังกาถอยออกไปด้วยความโกรธแค้น “สวนของบ้านเจ้ามีแต่ต้นไม้ตายซาก สภาพเช่นนั้นจะมีทองคำฝังอยู่ได้อย่างไร?”
หืม?
ชายชราผู้นี้ตอบคำถามได้ถูกต้องทั้งหมด
หลินเป่ยเฉินรีบขยับกายถอยฉากห่างออกมา
“อย่าขยับ”
เด็กหนุ่มนำโทรศัพท์ถือออกมาแล้วกดสแกนร่างกายของติงซานฉือ
เพียงเท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าติงซานฉือผู้นี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่
“ติ๊ง”
‘การสแกนเสร็จสมบูรณ์’
‘ติงซานฉือ สายพันธุ์มนุษย์ เพศชาย อายุ 43 ปี พลังปราณธาตุเมฆา ขอบเขตพลังขั้นเซียนระดับห้า ไร้ฉายาอย่างเป็นทางการ…’
‘สถานะที่สองไม่มีการระบุ’
ข้อความจำนวนมากเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์
เหงื่อเม็ดโป้งไหลหยดลงมาจากขมับซ้ายของหลินเป่ยเฉิน
เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ
สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตร
ปรากฏว่าเขาคิดผิด
ชายชราผู้นี้คือติงซานฉือตัวจริง
แล้วจะอธิบายกับอาจารย์อย่างไรดีนะ?
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ
อาจารย์ติงมีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับห้า?
แม้จะไม่มีฉายาสำหรับมือกระบี่ขั้นเซียนอย่างเป็นทางการ แต่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องเหลวไหลแน่ ๆ
และอีกอย่าง อาจารย์ติงเพิ่งจะมีอายุเพียง 43 ปีเท่านั้นเองหรือ?
หนังหน้าแก่ไปไกลเลยนะเนี่ย
เรียกได้ว่าติงซานฉือตัวจริงนั้น แตกต่างจากภาพลักษณ์ของติงซานฉือที่หลินเป่ยเฉินรู้จักมาโดยตลอด
ทำไมอาจารย์ติงถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?
ที่ผ่านมาอาจารย์ซ่อนเร้นฝีมือที่แท้จริงมาตลอดใช่หรือไม่?
หรือว่าอาจารย์เพิ่งจะเลื่อนระดับพลังได้เมื่อเร็ว ๆ นี้?
หลินเป่ยเฉินเดาว่าอาจารย์ติงน่าจะซ่อนเร้นฝีมือมาตั้งแต่แรกมากกว่า
เพราะไม่อย่างนั้น มันจะหมายความว่าติงซานฉือสามารถเลื่อนขั้นพลังได้เร็วมากกว่าเขาน่ะสิ?
ว่าแต่สถานะที่สองอะไรนั่นมันคืออะไร?
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งไม่เข้าใจมากเท่านั้น
นับว่าติงซานฉือปิดบังความลับเอาไว้มากเกินไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้
ติงซานฉือลดกระบี่ลงและแค่นหัวเราะในลำคอ
สีหน้าแลดูโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาของติงซานฉือจ้องมองหลินเป่ยเฉินเสมือนเป็นคมกระบี่ทิ่มทะลวงหัวใจ ราวกับต้องการจะบอกเขาว่า “หากวันนี้เจ้าไม่มอบคำอธิบายมาให้ชัดเจน ข้าคงต้องตัดศิษย์ตัดอาจารย์กับเจ้าแล้ว”
“เจ้า…”
ติงซานฉือกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง…
แต่หลินเป่ยเฉินไม่เปิดโอกาสให้ชายวัยกลางคนได้ดุด่าตนเอง
ผู้ที่ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบเสมอ
ผู้ที่ลงมืออย่างรวดเร็วย่อมมีความได้เปรียบตลอดกาล
ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายตวาดออกไปก่อนว่า
“หุบปาก อาจารย์นั่นแหละ ท่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”