เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1316 พ่ายแพ้
ตอนที่ 1,316 พ่ายแพ้
พานตั่วชิงคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะประเมินเจี๋ยนเซียวเหยาต่ำเกินไปเช่นนี้
นอกจากตนเองจะถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังถูกเปิดโปงพฤติกรรมความชั่วร้ายอีกด้วย
นับตั้งแต่ต้นจนจบ เจี๋ยนเซียวเหยาเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์แบบ
“ไม่ทราบว่าคำอธิบายของข้าคงพอรับฟังได้แล้วกระมัง?”
น้ำเสียงของหลินเป่ยเฉินปราศจากการเย้ยหยันโดยสิ้นเชิง
แต่สีหน้าของใต้เท้าหมิงรั่วกลับไม่สู้ดีนัก
บัดนี้ เขาไม่ทราบว่าตนเองสมควรตอบอย่างไร
ในที่สุด สีหน้าที่เคร่งเครียดของนักบวชสาวเซียงเหยียนกับฮันลั่วเซวี่ยก็ผ่อนคลายลง
พวกนางหายกังวลใจไปได้หลายส่วน
ในเมื่อพานตั่วชิงเคยเป็นฝ่ายลอบสังหารเจี๋ยนเซียวเหยาก่อน เรื่องราวทุกอย่างก็สามารถอธิบายได้ง่ายขึ้นแล้ว
หากเจี๋ยนเซียวเหยาต้องถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน พานตั่วชิงก็สมควรต้องถูกตัดสิทธิ์เช่นเดียวกัน
เนื่องจากพฤติกรรมของพานตั่วชิงเลวร้ายมากกว่าเจี๋ยนเซียวเหยาหลายเท่า
ผู้เข้าแข่งขันจำนวนมากหันมองไปที่พานตั่วชิงด้วยสายตาแห่งความหวาดกลัว
ขนาดเจี๋ยนเซียวเหยามีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พานตั่วชิงยังกล้าลอบสังหาร ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าสักวันหนึ่งตนเองจะตกเป็นเป้าหมายของพานตั่วชิงหรือไม่?
เจี๋ยนเซียวเหยามีทั้งความแข็งแกร่งและความฉลาดเฉลียว จึงสามารถรอดชีวิตมาได้พร้อมกับหลักฐานสำคัญ
แต่พวกเขาไม่ได้มีความสามารถเหล่านั้น
หากตนเองตกเป็นเป้าหมายของพานตั่วชิง ก็คงมีแต่ตายกับตายใช่หรือไม่?
สำหรับบุคคลที่อันตรายเช่นนี้ อย่าไปคบค้าสมาคมด้วยจะดีกว่า
เมื่อเจ้าอ้วนเห็นว่าลูกพี่ใหญ่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างราบรื่น เขาก็รับประทานอาหารอย่างมีความสุขมากกว่าเดิม
เจ้ากิ้งก่ายักษ์ที่อยู่ด้านข้างก็ไม่หยุดกินเช่นกัน แม้ว่าอาหารบนโต๊ะหินเหล่านี้จะไม่อร่อยเท่ากับหางย่างไฟของมันเอง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้รับประทานอะไรเลย
หลังจากบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบครู่ใหญ่ ใต้เท้าหมิงรั่วก็กล่าวออกมาว่า
“ข้าไม่สนเรื่องราวความแค้นระหว่างเจ้ากับพานตั่วชิงหรอก”
ดูเหมือนใต้เท้าใหญ่ผู้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้จะคิดหาทางออกได้แล้วจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่บัดนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ส่วนคนของเผ่าเทพตะวันได้เสียชีวิตไปถึงเจ็ดคน… เจ้าจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันหรือไม่ นั่นคือเรื่องที่ต้องไต่สวนกันต่อไป แต่ก่อนที่จะได้ข้อสรุป เจ้าควรคืนหมวกเหล็กอมตะมาให้ข้า และเจ้าก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้รับคัมภีร์ไพรีดารารายไปครอบครองเด็ดขาด”
ขาดคำ
เสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นในห้องโถงใหญ่
ทุกคนรู้แจ้งแก่ใจว่าใต้เท้าหมิงรั่วกำลังช่วยเหลือพานตั่วชิง
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าหมิงรั่วจะแสดงออกอย่างชัดเจนถึงเพียงนี้
ช่างไร้ยางอายเสียจริง
“สรุปว่านี่คือคำตอบสุดท้ายของท่านใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ
“ฟังดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจสินะ?”
ใต้เท้าหมิงรั่วหัวเราะเยาะ “ใช่ นี่คือคำตอบสุดท้ายของข้า เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร?”
“หากเป็นเช่นนั้น…”
หลินเป่ยเฉินยิ้มเพียงเล็กน้อย ก่อนจะชูนิ้วกลางขึ้นและกล่าวว่า “ถล่มมารดาท่านเถอะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของใต้เท้าหมิงรั่วพลันสลายหายวับไป
เขาแทบไม่เชื่อหูของตนเอง
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ใต้เท้าหมิงรั่วจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน
“ข้าบอกว่า…”
หลินเป่ยเฉินชูนิ้วกลางขึ้นอีกครั้งและกล่าวเน้นย้ำทีละคำ “ถล่ม… มารดา… ท่านเถอะ! ครั้งนี้ได้ยินชัดเจนแล้วหรือไม่?”
ครั้งนี้ไม่ใช่แต่เพียงใต้เท้าหมิงรั่วเท่านั้น แต่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ได้ยินอย่างชัดเจน
กุหลาบเทวะเจียงรั่วไป๋เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
คนถ่อแพฮั่วเซี่ยนั่งรับประทานเนื้อย่างด้วยความไม่อยากเชื่อ
หลี่อี้เทียนและบรรดาผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ล้วนตะลึงลาน
เกิดอะไรขึ้น?
เจี๋ยนเซียวเหยากล้ากล่าววาจาเช่นนี้ใส่เทพเจ้าระดับสูงได้อย่างไร?
นี่คือความผิดใหญ่หลวงนัก
หรือว่าเจี๋ยนเซียวเหยาเสียสติไปแล้ว?
และสาเหตุที่เด็กหนุ่มเสียสติก็เพราะว่าหลักฐานทุกชิ้นที่ตนเองนำแสดงออกมากลับถูกใต้เท้าหมิงรั่วปฏิเสธอย่างไร้ยางอายใช่หรือไม่?
“ฮ่า ๆๆ…”
ใต้เท้าหมิงรั่วระเบิดเสียงหัวเราะ
เสียงหัวเราะด้วยความโกรธแค้นดังกังวานไปทั่วห้องโถงใหญ่
บรรดาสาวรับใช้ที่มีพลังอันต่ำต้อยต้องยกมือขึ้นอุดหู ร่างกายสั่นเทาและล่าถอยออกไปด้วยใบหน้าที่ซีดขาว
เทพเจ้าระดับสูงยามโกรธแค้น ย่อมมีพลังที่สามารถกดทับเทพเจ้าระดับสามัญได้อย่างง่ายดาย
“นานมากแล้วที่ไม่มีผู้ใดกล่าววาจาโอหังเช่นนี้กับข้า”
ใต้เท้าหมิงรั่วจ้องมองหลินเป่ยเฉิน พลังศักดิ์สิทธิ์สีแดงเข้มไหลเวียนปกคลุมทั่วร่างกาย
“โง่เขลา”
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าให้กับเทพเจ้าใหญ่ด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ “คิดจะเป็นตัวร้ายทั้งที ขอบทพูดที่มันสร้างสรรค์กว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง? ท่านรู้หรือไม่ว่าตัวร้ายจำนวนมากต่างก็พูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน”
“เจ้ามีความผิดใหญ่หลวงนัก”
ใต้เท้าหมิงรั่วสูดหายใจลึก “และในนามของสภาเทพเจ้า ข้าขอลงโทษประหารชีวิตเจ้า”
กล่าวจบ ใต้เท้าหมิงรั่วก็ยกมือขึ้นแล้วกดมือลง
ทันใดนั้น มวลพลังสีแดงเข้มที่ไหลเวียนรอบร่างกายของเขาก็รวมตัวกันกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ ฝ่ามือนั้นร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศและกำลังกดทับลงไปที่หลินเป่ยเฉิน
ฝ่ามือพลังเวทค่อย ๆ กดทับลงมาอย่างแช่มช้า มวลอากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง ผู้คนจำนวนมากล้วนรู้สึกหายใจไม่ออก
นี่คือการโจมตีที่หมายมั่นเอาชีวิตจริง ๆ
“เหอะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะและตะโกนสวนกลับไป “ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง”
เปรี้ยง!
และมือข้างที่สวมถุงมือทองคำของหลินเป่ยเฉินก็ต่อยกระแทกขึ้นไปใส่ฝ่ามือพลังเวทของใต้เท้าหมิงรั่วด้วยความดุดัน
ครืน!
ห้องโถงใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
แล้วฝ่ามือยักษ์ก็แตกสลายหายไปในอากาศ
หลินเป่ยเฉินยังคงยืนตระหง่านอย่างปลอดภัยอยู่ที่เดิม
“นี่มันอะไรกัน?”
ใต้เท้าหมิงรั่วหยุดชะงัก สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
เทพเจ้าระดับสูงคือผู้คุมกฎแห่งโลกใบนี้
ผู้คุมกฎคือเทพเจ้าที่อยู่เหนือเทพเจ้าอื่น ๆ ตราบที่ไม่ใช่ผู้คุมกฎด้วยกัน ย่อมไม่มีพลังมาต้านทานกันได้
เพราะความแตกต่างของขั้นพลังมีมากเกินไป
นี่คือกฎเหล็ก
แต่บัดนี้ เจี๋ยนเซียวเหยากลับสามารถสลายฝ่ามือพลังเวทของเขาได้สำเร็จ
เกิดอะไรขึ้น?
ทุกคนล้วนตกตะลึงเช่นกัน
ฮันลั่วเซวี่ยไม่ได้คิดที่จะออกมาช่วยเหลืออีกแล้ว
นักบวชสาวเซียงเหยียนกำหมัดและคลายมือออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
พานตั่วชิงเบิกตาโตราวกับเห็นผี เมื่อสักครู่นี้ เขามั่นใจไม่ว่าอย่างไรเจี๋ยนเซียวเหยาก็ต้องตายแน่นอน
เจ้านั่นทำได้อย่างไร?
พานตั่วชิงจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ ทันใดนั้น เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
“เจ้าคงรอดได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละน่า”
ใต้เท้าหมิงรั่วคำรามและโจมตีออกมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาไม่ได้ใช้พลังเวทมนตร์ แต่ตัวคนเคลื่อนไหวเป็นลำแสง พุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับกำปั้นทมิฬ
หลินเป่ยเฉินยืนหยัดอยู่ที่เดิมไม่หลบหลีกและเคลื่อนไหวเข้าหาฝ่ายตรงข้ามด้วยความรวดเร็วระดับเดียวกัน
กำปั้นของพวกเขากระแทกกันอย่างแรง
เปรี้ยง!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงแผ่กระจายไปรอบทิศทางจากการปะทะกันครั้งนี้
การกระแทกหมัดเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว
แล้วร่างของคนผู้หนึ่งก็ลอยกระเด็นออกไป
เป็นร่างของใต้เท้าหมิงรั่ว
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
เขาทิ้งตัวกลับมายืนบนพื้น แต่ก็ต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว ปรากฏรอยเท้าจมลึกลงไปในพื้นหินของห้องโถงใหญ่
กว่าที่ใต้เท้าหมิงรั่วจะสามารถยืนตั้งหลักได้ เขาก็ต้องเซถอยหลังไปทั้งหมดถึงแปดก้าว
พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายไหลเวียนอย่างรุนแรง กระดูกมือขวาแตกหักผิดรูปผิดร่าง
ทว่า ความเจ็บปวดที่มือขวายังไม่เท่ากับความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในหัวใจของใต้เท้าใหญ่ในขณะนี้
“เจ้า เจ้า เจ้า…”
ใต้เท้าหมิงรั่วอุทานออกมา “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ครั้งนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญอีกแล้ว
เขาตระหนักแล้วว่าเจี๋ยนเซียวเหยาเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
“!?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก ค่อย ๆ ลดกำปั้นลงและตอบว่า “ลืมบอกไปเลย ข้าเองก็มีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าผู้หนึ่งเช่นกัน”