เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1356 ไพ่ตายใบสำคัญ
ตอนที่ 1,356 ไพ่ตายใบสำคัญ
การทำงานของโทรศัพท์มือถือผูกติดอยู่กับจิตใต้สำนึกของหลินเป่ยเฉิน เพราะฉะนั้น แม้เขาจะถูกปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เด็กหนุ่มก็ยังได้ยินเสียงของเสี่ยวจี้อยู่ดี
ใช่แล้ว
หลินเป่ยเฉินเปิดการใช้งานแอปไป่ตู้ แมป
เขานี่มันโง่จริง ๆ
เขาควรใช้แอปพลิเคชันนี้ค้นหาเส้นทางออกจากค่ายอาคมตั้งนานแล้ว
ไม่น่ารอจนถึงตอนนี้เลย
ต้องกล่าวว่าหลินเป่ยเฉินมีประสบการณ์ในการต่อสู้ผ่านทางค่ายอาคมน้อยเกินไป
เขานึกสะท้อนใจตนเอง
เขาพลาดตกลงสู่กับดักของฉางจิ้งคงตั้งแต่แรก
ความเจ็บใจครั้งนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินโกรธแค้นยิ่งนัก
รอให้เขาได้ออกไปจากค่ายอาคมก่อนเถอะ รับรองว่านางจะต้องชดใช้อย่างสาสม
หลินเป่ยเฉินสาบานอยู่ในใจด้วยจิตคิดอาฆาต
ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็ข่มกลั้นความเจ็บปวดจากลำแสงกระบี่ที่ทะลุร่างกายเดินไปตามการบอกทิศทางของแอปไป่ตู้ แมป
เดินไปข้างหน้า
ขยับไปทางขวา
เดินไปข้างหน้า
แล้วร่างของเขาก็หายวับไปจากค่ายอาคม
ลมหายใจต่อมา เขาก็มายืนอยู่เบื้องหน้าฉางจิ้งคงห่างจากกันไม่ถึงสองวา
เป็นอีกครั้งที่กระบี่วายุพักตร์โจมตีล้มเหลว
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ฉางจิ้งคงหัวใจกระตุกวูบ
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินหยุดเท้า
เพราะในหัวของเขาเสียงเสี่ยวจี้กำลังแจ้งเตือนว่า
“ถึงจุดหมายปลายทางแล้วเจ้าค่ะ การนำทางเสร็จสมบูรณ์”
หลินเป่ยเฉินระเบิดพลังอัคคีเทวะออกไปรอบทิศทาง
แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
ค่ายอาคมยังคงอยู่
ล้มเหลวในการฆ่าศัตรู
เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาบนหน้าผากของหลินเป่ยเฉิน
ผิดท่าแล้ว
เขายังไม่ได้หลุดออกจากค่ายอาคม
แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะอยู่ใกล้ศัตรูในระยะประชิด แต่อิทธิฤทธิ์ของค่ายอาคมยังคงทำงานต่อไป เด็กหนุ่มโจมตีอย่างไร้ทิศทาง ฉางจิ้งคงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ให้มันได้อย่างนี้สิ
หลินเป่ยเฉินอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
ในชีวิตชาติภพที่แล้วของเขา บ่อยครั้งที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
เมื่อใช้แอปแผนที่นำทางไปถึงเป้าหมาย บนหน้าจอแจ้งเตือนข้อความว่า ‘ถึงจุดหมายปลายทางของท่านแล้ว สถานที่ตั้งอยู่ทางขวามือ การนำทางเสร็จสมบูรณ์’
แต่มองหาแทบตายก็ไม่เจอร้านค้าที่ตนเองต้องการ…
คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่แอปแผนที่ในโทรศัพท์มือถือของยมทูตก็ขี้โกงเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
อุตส่าห์เสียศิลาบูชาไปตั้งหลายก้อน
แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดีนะ?
อีกฝ่ายคงอยู่ไม่ไกล
แต่หลินเป่ยเฉินไม่รู้ว่านางยืนอยู่ตรงไหนกันแน่
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาถูกปิดกั้น
ในสถานการณ์นี้ คงต้องระบุตำแหน่งผ่านทางพลังจิตแล้วสินะ…
ว่าแต่พลังจิตของเขาจะใช้งานในค่ายอาคมเช่นนี้ได้หรือ?
ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดี?
หลินเป่ยเฉินตระหนักชัดเจนว่าตนเองตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
…
ฉางจิ้งคงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
นางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยดวงตาสดใส สีหน้าสับสน
ฉางจิ้งคงต้องยอมรับจากใจเลยว่าเด็กหนุ่มผู้มีฉายาว่าปีศาจน้อยคนนี้ สมควรได้รับความเคารพจากนางจริง ๆ
แม้จะตกลงสู่กับดักของนางมาตั้งแต่แรก แต่เจี๋ยนเซียวเหยากลับสามารถต้านทานมาได้จนถึงขณะนี้
นับว่าน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
เขาทำได้อย่างไร?
เมื่อประสาทสัมผัสทั้งหกถูกปิดกั้น แม้แต่การรับรู้เส้นทางก็ใช้งานไม่ได้
แล้วเขาตรวจพบช่องว่างในค่ายอาคมได้อย่างไร?
ต่อให้เป็นนักเวทผู้ชำนาญการใช้ค่ายอาคม เมื่อตกเข้าสู่กับดักของนาง ก็ไม่มีทางที่จะค้นพบช่องว่างในค่ายอาคมอย่างง่ายดายเช่นนี้
หรือว่าความลับจะรั่วไหล?
รั่วไหลไปได้อย่างไร?
ฉางจิ้งคงคิดด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น…
“ใช่แล้ว”
“เป็นเพราะว่าก่อนสัมผัสที่หกจะถูกปิดกั้น เจี๋ยนเซียวเหยาได้สำรวจดูตำแหน่งของช่องว่างเอาไว้เรียบร้อย เพราะฉะนั้น เขาจึงสามารถรอดพ้นการโจมตีได้ทุกครั้ง”
“ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ๆ”
ในฐานะนักเวทผู้ใช้งานค่ายอาคม ฉางจิ้งคงทราบดีว่าค่ายอาคมของตนเองไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด
นักเวทแตกต่างจากนักรบเทวะตรงที่มีความฉลาดเฉลียวและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เมื่อพบเจอกับปริศนา ก็จะต้องค้นหาคำตอบให้จงได้
ฉางจิ้งคงพยายามโคจรพลังของตนเองอย่างระมัดระวัง
โดยเฉพาะกระแสพลังจิต
เพราะถึงจะถูกปิดกั้นสัมผัสทั้งหก แต่กระแสพลังจิตคือสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมนั้น
หากไม่ระมัดระวังตัวมากพอ เจี๋ยนเซียวเหยาจะสามารถรับรู้ได้ถึงกระแสพลังจิตของนาง
และในสถานการณ์ขณะนี้ เจี๋ยนเซียวเหยามายืนอยู่ตรงหน้าฉางจิ้งคงระยะประชิด นับเป็นภาวะคับขันอันตรายสำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว
ด้วยระยะอันใกล้ชิดเช่นนี้ มันเป็นจุดที่ค่ายอาคมมีพลังอ่อนแอมากที่สุด
และสิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือช่องว่างซึ่งเจี๋ยนเซียวเหยาเหยียบเท้าลงมานั้น เป็นช่องว่างสำหรับให้ฉางจิ้งคงโคจรพลังใส่เข้าไปในค่ายอาคม ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญสำหรับการควบคุมค่ายอาคมทั้งหมด
และหากเจี๋ยนเซียวเหยาค้นพบช่องว่างสำหรับการโคจรพลังใส่ค่ายอาคม เขาก็จะค้นพบตำแหน่งของฉางจิ้งคงผู้ควบคุมค่ายอาคมได้ไม่ยาก
เจี๋ยนเซียวเหยาจะตรวจจับตำแหน่งของนางพบหรือไม่?
เป็นไปไม่ได้
ถึงเขาจะอยู่ในช่องว่างนั้นแล้ว แต่เจี๋ยนเซียวเหยาไม่มีทางทำได้เด็ดขาด
เพราะเขาถูกปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งหมด
เพราะช่องว่างนี้เป็นตำแหน่งตายตัว มันเป็นช่องว่างจุดสุดท้ายในค่ายอาคมของฉางจิ้งคง
เพราะว่านางจะไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ลงมือ
ในระยะประชิดเช่นนี้ ฉางจิ้งคงไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีก
นางกำลังจะโคจรพลังใส่ลงไปในค่ายอาคมอีกครั้ง กระบี่วายุพักตร์เคลื่อนตัวเข้าไปหมายจะสังหารคู่ต่อสู้ในกระบวนท่าเดียว…
แต่ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินพูดออกมาว่า
“เจ้าแพ้แล้ว”
เด็กหนุ่มมีเลือดท่วมตัว แต่ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม
“หืม?”
ฉางจิ้งคงสะดุ้งเฮือก
แต่นางเพียงตกใจ ไม่ได้เผลอปลดปล่อยกระแสพลังจิตออกมา
ฉางจิ้งคงเป็นนักเวทผู้ใช้ค่ายอาคมระดับสูง ย่อมมีจิตใจเยือกเย็นมากกว่าผู้คนปกติหลายเท่า
หลินเป่ยเฉินไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน หรือสัมผัสสิ่งของ
แต่นางเชื่อว่าคู่ต่อสู้กำลังมองตนเองอยู่
หลินเป่ยเฉินพูดออกไปอีกครั้ง “รู้หรือไม่ทำไมเจ้าถึงพ่ายแพ้?”
ฉางจิ้งคงยังคงควบคุมพลังของตนเองสงบนิ่ง
แต่นางก็อยากรู้คำตอบของเจี๋ยนเซียวเหยาเช่นกัน
“เพราะว่าเจ้าเป็นสตรี”
หลินเป่ยเฉินพูดออกมา
ฉางจิ้งคงยิ่งรับฟังก็ยิ่งสงสัย
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อ “ตราบใดที่เจ้าเป็นสตรี เจ้าก็ไม่มีทางชนะข้าได้หรอก… เพราะว่าข้าคือบุรุษหนุ่มในฝันของสตรีทุกคน”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็ลงมือ
เป็นการลงมือที่เรียบง่าย
เขา…
ค่อย ๆ…
ยกมือขึ้นและปลดหน้ากากของตนเองออก
เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันหล่อเหลาภายในระยะสายตาใกล้ชิดของฉางจิ้งคง
ระหว่างที่หลินเป่ยเฉินพูดมาถึงตรงนี้ ฉางจิ้งคงเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก ดวงตาของนางจึงจับจ้องมองที่เขาตลอดเวลา และเมื่อได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่าย ฉางจิ้งคงก็คิดว่าตนเองคงไม่มีทางลืมใบหน้านี้ไปตลอดกาล…
ช่างหล่อเหลาอะไรเช่นนี้
แม้จะเป็นเพียงบุรุษหนุ่มเยาว์วัย แต่ก็มีความสุขุมเยือกเย็นน่าลุ่มหลง
ฉางจิ้งคงไม่เคยพบเห็นบุรุษที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้มาก่อน
เทพเจ้าจำนวนมากที่นางรู้จัก ต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องความหล่อเหลาและความกล้าหาญ
แต่ฉางจิ้งคงไม่เคยเห็นผู้ใดมีความหล่อเหลาที่เขย่าหัวใจของนางให้สั่นคลอนได้ขนาดนี้
นางตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
แม้จะเป็นนักเวทผู้ใช้ค่ายอาคมในระดับสูง แม้จะเป็นผู้ที่มีจิตใจเยือกเย็นมากกว่าผู้คนปกติ แต่เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหลินเป่ยเฉิน ฉางจิ้งคงก็เผลอปลดปล่อยพลังออกมาจากร่างกายโดยไม่รู้ตัว…
กระแสพลังจิตหลุดออกจากการควบคุม
“เจอตัวแล้ว”
หลินเป่ยเฉินรอคอยอย่างกระตือรือร้น ย่อมสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดของกระแสพลังนั้น
เขาใช้กระบวนท่ากระบี่ที่หกจากวิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร
กระบี่ยังคงอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉิน
มันฟันฝ่าม่านพลังเข้าไปถึงตัวฉางจิ้งคง
คมกระบี่แทงทะลุหน้าอกของหญิงสาว
“อะเฮือก…”
ฉางจิ้งคงร้องครางในลำคอ ยืนนิ่งอยู่กับที่
หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือไปรัดลำคอของฉางจิ้งคง
กร๊อบ!
ลำคอของนักเวทสาวถูกบิดหัก
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าต้องพ่ายแพ้”
ประสาทสัมผัสด้านรูปรสกลิ่นเสียงของหลินเป่ยเฉินกลับคืนสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเขาสามารถมองเห็นใบหน้าฉางจิ้งคงได้แล้ว
นางมีสีหน้าทั้งประหลาดใจและตกตะลึง
แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ แต่นักเวทสาวก็มีพลังกล้าแข็งมากพอที่จะยังมีชีวิตอยู่
“เจ้าบังคับให้ข้าต้องใช้ไพ่ตายใบสำคัญ”
หลินเป่ยเฉินเป่าเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากและกล่าวต่อ “คราวนี้ช่วยเรียกข้าว่าพ่ออีกสักครั้งได้หรือไม่?”
บัดนี้
บรรดาเทพเจ้าใต้เท้าใหญ่ที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็นิ่งอึ้งตกตะลึงไปตาม ๆ กัน