เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1376 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 5
ตอนที่ 1,376 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 5
“แย่แล้วสิ…”
ณ คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู
มู่หลินเซินมีสีหน้าร้อนรน ลุกพรวดขึ้นยืนเสมือนก้นไฟไหม้
ซือเกินตั๋ง ลู่ปิงเหวินและกวนรั่วเฟยต่างก็มีใบหน้าขาวซีด ปราศจากสีเลือด
ตอนแรก พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าการต่อสู้จะดำเนินมาถึงขั้นนี้
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้ามั่นใจว่าเจี๋ยนเซียวเหยาต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
แต่กลายเป็นว่าลูกพี่ใหญ่ของพวกเขาถูกเล่นงานเสียยับเยิน
หากไม่มีปาฏิหาริย์ เจี๋ยนเซียวเหยาก็คงจะต้องพ่ายแพ้แน่ ๆ
และเรื่องราวที่จะตามมาหลังจากนั้น ก็คือหายนะของพวกเขาแล้ว
“ไม่นะ จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้…”
ชิงเล่ยมีน้ำตาคลอเต็มสองเบ้า
นิ้วมือทั้งสิบสอดประสานกันอยู่บนหน้าอก ร่างเพรียวของหญิงสาวสั่นไหว พลัน เส้นอาคมตีวงขึ้นมาเรืองแสงใต้ฝ่าเท้าของชิงเล่ย
เมื่อเห็นเจี๋ยนเซียวเหยาตกอยู่ในอันตราย นางก็ไม่สามารถสงบจิตใจได้อีกแล้ว
ชิงเล่ยพยายามจะสร้างค่ายอาคมเปิดประตูมิติเพื่อไปยังสะพานหินโบราณ
“วางใจเถอะ”
เสียงนุ่มนวลดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ฉู่เหินวางมือบนไหล่ของนางอย่างแผ่วเบา เส้นอาคมที่เรืองแสงขึ้นมาพลันสลายหายวับไป “อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม จงเชื่อใจเขา”
“แต่ว่า…”
ชิงเล่ยเสียงสั่นเครือ “เขากำลังตกอยู่ในอันตราย เขากำลังจะตาย…”
“เขาไม่ตายหรอก”
ฉู่เหินผู้มีสีหน้าเคร่งเครียดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดยิ่งกว่า “เจ้าคงไม่รู้ว่าในอดีตเด็กคนนี้เคยผ่านเหตุการณ์ที่อันตรายมากกว่านี้มาแล้วเป็นพันเท่าหมื่นเท่า สุดท้าย เขาก็กลายเป็นผู้ที่ได้ส่งเสียงหัวเราะเสมอ เขาเป็นบุคคลที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์และเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้อยู่ตลอดเวลา”
“แต่ว่าผู้อาวุโสฉู่ เขา…”
ชิงเล่ยไม่เคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์อันตรายเช่นนี้มาก่อน นางไม่เคยผ่านเหตุการณ์เฉียดตายเช่นหลินเป่ยเฉิน เพราะฉะนั้น ขณะนี้จิตใจจึงเปราะบางและอดตื่นตระหนกพร้อมทั้งเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
“เชื่อใจเขา”
ฉู่เหินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของชิงเล่ย น้ำเสียงหนักแน่น
ชายวัยกลางคนกล่าวต่อ “อย่าว่าแต่เจ้าไม่สามารถทลายม่านพลังเข้าสู่สะพานหินโบราณได้ ต่อให้เจ้าทำได้ เจ้าก็จะทำให้หลินเป่ยเฉิน เอ๊ย เจี๋ยนเซียวเหยาต้องห่วงหน้าพะวงหลังมากขึ้น… สิ่งเดียวที่เจ้าสมควรทำคืออยู่ที่นี่และรอคอยด้วยความสงบ… จงเชื่อมั่นว่าเขาจะทำได้สำเร็จเพราะความเชื่อมั่นก็ถือเป็นพลังชนิดหนึ่งเช่นกัน”
เสียงของฉู่เหินหนักแน่นจริงจังมีความสงบสุขุม ช่วยทำให้จิตใจที่กำลังร้อนรุ่มหวั่นไหวของชิงเล่ยกลับมามั่นคงขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้น เฉียนหลงก็พูดขึ้นว่า
“นายท่านยังปลอดภัยดีขอรับ”
บุรุษหนุ่มกล่าวด้วยความมั่นใจ “สัญชาตญาณบอกข้าว่าการต่อสู้ครั้งนี้ นายท่านเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง นี่คือแผนการของนายท่าน นายท่านไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดากลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ก็โล่งใจมากขึ้น
เพราะเขาทราบดีว่าเฉียนหลงมีความสามารถพิเศษ ในเรื่องของลางสังหรณ์และสัญชาตญาณที่สัมผัสได้ถึงอันตรายนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเฉียนหลงได้เด็ดขาด
หากเฉียนหลงกล่าวออกมาเช่นนี้
นี่ก็หมายความว่าทุกอย่างเป็นแผนการของนายท่านจริง ๆ
ฉู่เหินพยักหน้าให้กับชิงเล่ยก่อนที่จะพากันนั่งลงอีกครั้ง
…
คฤหาสน์ตระกูลฮัน
ฮันลั่วเซวี่ยผุดลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนใจ
นางไม่สามารถควบคุมตนเอง ความร้อนใจที่เกิดขึ้นทำให้เด็กสาวระเบิดพลังออกมาโดยไม่รู้ตัว ฮันฉวินกับอันต้าหวงไม่ทันได้ระวังตัว พวกเขาจึงลอยกระเด็นออกไป ห้องโถงใหญ่ในคฤหาสน์พังถล่มลงมาไม่เหลือชิ้นดี
ทว่า ฮันลั่วเซวี่ยไม่สนใจแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นหลินเป่ยเฉินในม่านพลังถ่ายทอดสดกำลังย่ำแย่ ฮันลั่วเซวี่ยก็ไม่สามารถทนดูอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป นางต้องทำอะไรสักอย่าง
“โชคชะตาแห่งสวรรค์ จิตวิญญาณของผู้ต่ำต้อย…”
ฮันลั่วเซวี่ยบริกรรมคาถา ตาขาวในดวงตาหายไป ดวงตาของเด็กสาวกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอย่างรุนแรง พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ทันใดนั้น มือที่เรียวบางของใครบางคนก็ตะปบลงมาบนหัวไหล่ฮันลั่วเซวี่ยแผ่วเบา
เป็นเด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำผูืหนึ่ง
นางบอกว่า “ไม่”
ขาดคำ
ค่ายอาคมที่ฮันลั่วเซวี่ยกำลังสร้างขึ้นมาพลันสลายหายวับไปทันที
ฮันลั่วเซวี่ยหันกลับมามองหน้าเด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำ ดวงตาของนางกลับมาเป็นปกติแล้ว
ฮันลั่วเซวี่ยจำได้ว่าเด็กสาวผู้นี้คือข้ารับใช้คนสนิทของใต้เท้าเหลียน
“ใต้เท้ากำลังรับชมการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าคิดยื่นมือเข้าไปแทรกแซง เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าใต้เท้าจะรู้สึกเช่นไร?”
เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำมีหน้าตางดงามเฉิดฉาย แต่แววตามักจะแสดงออกถึงความเย็นชา ราวกับว่าทุก ๆ คนต่ำต้อยมากเกินกว่าที่ตนเองจะเสวนาด้วย
ฮันลั่วเซวี่ยกัดฟันกรอด “เดี๋ยวข้าจะไปขออภัยต่อใต้เท้าด้วยตนเอง”
“ไม่จำเป็น”
เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าวว่า “เขาไม่ตายหรอก อย่าได้กังวลไปเลย”
…
“ฮึ่ย”
ไป๋เสี่ยวเซียวทุ่มชามข้าวที่อยู่ในมือทิ้งลงพื้น ก่อนกระโดดไปหยิบหม้อใบใหญ่ขึ้นมาถือ พร้อมกับพูดว่า “สุนัขแซ่พานร้ายกาจเกินไปแล้ว มันใช้กลโกงกลั่นแกล้งพี่หลิน ผู้อาวุโสทั้งสามท่าน พวกเรารีบไปที่หุบเหวโหยหวนเพื่อช่วยเหลือเขากันเถอะ”
“กินข้าวให้อิ่มก่อนเถอะ เมื่อท้องอิ่มแล้ว พวกเราถึงจะมีแรงไปช่วยเหลือผู้คน”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวตอบ
“กว่าจะรับประทานเสร็จก็สายเกินไปแล้ว”
ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งโต้แย้ง
“งั้นพวกเรากินไปด้วยเดินทางไปด้วยดีกว่า”
ผู้อาวุโสท่านที่สามแสดงความคิดเห็นเป็นคนสุดท้าย
ดังนั้น ไป๋เสี่ยวเซียวและผู้อาวุโสอีกสามท่านจึงแบกหม้อใบใหญ่รีบเร่งเดินออกมาจากลานด้านหลังโรงเตี๊ยมด้วยความร้อนรน
…
ตู้ม!
มวลพลังระเบิดออกมาจากกำปั้นทองคำ
ร่างของหลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังหินฝั่งตะวันออกของสะพาน บนผนังหินนั้นเกิดรอยแตกร้าวเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่ โดยที่มีหลินเป่ยเฉินเป็นจุดศูนย์กลาง
ตัวของเด็กหนุ่มจมหายลงไปในเนื้อหินซึ่งเว้าลึกเข้าไปเป็นรูปร่างมนุษย์
ตลอดทั้งตัวของหลินเป่ยเฉินบอบช้ำด้วยพลังหมัดจากพานตั่วชิง
สภาพของเขาแทบไม่ต่างไปจากรูปปั้นดินเหนียวที่ถูกทุบตีจนบี้แบน
หากเปลี่ยนเป็นคนปกติธรรมดา เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ก็คงเสียชีวิตไปนานแล้ว
แต่ร่างกายของหลินเป่ยเฉินชักกระตุกเล็กน้อย
กร๊อบ!
นอกจากกระดูกที่แตกหัก หลินเป่ยเฉินนับว่ายังไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแท้จริง
พานตั่วชิงลดกำปั้นลงอย่างช้า ๆ “บัดนี้ เจ้าคงเข้าใจความแตกต่างระหว่างพวกเราแล้วกระมัง?”
“อะเฮือก”
หลินเป่ยเฉินกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ ก่อนหัวเราะเยาะตอบกลับไป “ความแตกต่างอันใด?”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ในร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ได้ยินเสียงดังกริ๊กเล็ดลอดออกมา
ลักษณะคล้ายกับเสียงเพชรกระทบกัน
บัดนี้ ในร่างกายของหลินเป่ยเฉินกำลังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด
กระดูกที่แตกหัก กล้ามเนื้อที่ฉีกขาด อวัยวะทุกส่วนที่ได้รับความเสียหาย…
พวกมันต่างก็ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างแช่มช้า…
และที่น่ามหัศจรรย์ก็คือการฟื้นตัวเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
กร๊อบ!
กระดูกลำคอที่หักผิดรูปกลับมาประสานกันตั้งตรงดังเดิม
หลินเป่ยเฉินลองสะบัดศีรษะของตนเองเล็กน้อย
ไม่เหลือร่องรอยของอาการกระดูกหักอีกแล้ว
“ตกใจเลยล่ะสิท่า?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของพานตั่วชิงพร้อมกับค่อย ๆ แงะตนเองออกมาจากหน้าผาหินและลอยตัวอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้น ตลอดร่างกายของเด็กหนุ่มไม่เหลือร่องรอยของอาการบาดเจ็บอีกต่อไป
และกระดูกที่อยู่ภายในร่างหลินเป่ยเฉินก็กำลังเปล่งประกายเป็นสีเงินสว่างเจิดจ้า ปรากฏการณ์นี้เด็กหนุ่มสามารถมองเห็นได้เพียงผู้เดียว แต่แสงสีเงินเหล่านั้นก็ถึงกับเล็ดลอดออกมาทางรูขุมขนของเขาเล็กน้อย
กระดูกของเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
นี่คือการเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่ขอบเขตใหม่ในวิชากระบี่เร้นกาย
หลินเป่ยเฉินได้ยินเสียงผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะดังขึ้นในหัวว่า ‘ระบบตรวจจับพบการอัปเกรดความแข็งแกร่งของร่างกาย…’
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สามารถเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นกระบี่กระดูกเพชรได้สำเร็จ
ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของแอปพลิเคชันกระบี่เร้นกาย
การฟื้นฟูความแข็งแกร่งของหลินเป่ยเฉินกลับขึ้นมาเช่นนี้ ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งขึ้นอีกไม่หยุดยั้ง…
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงครางในลำคอ
วิชากระบี่เร้นกายนั้นนับว่าประเสริฐมาก
เสียแต่ว่าทุกครั้งกว่าจะเลื่อนระดับได้ เขาก็ต้องทนถูกคู่ต่อสู้ทุบตีจนแทบปางตาย
“เจ้าหมายถึงความแตกต่างอันใด?”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าพานตั่วชิง ยิ้มเล็กน้อยและยกมือกระดิกนิ้วเรียก “เมื่อสักครู่ ข้าต่อให้เจ้าก่อนต่างหาก… ฮ่า ๆๆ ดูเหมือนบัดนี้จะถึงเวลาของข้าบ้างแล้ว”
ความตกตะลึงหายไปจากใบหน้าของพานตั่วชิงอย่างช้า ๆ
เขายังคงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเอง
“เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจ แต่ว่า…”
พานตั่วชิงพูดออกมาได้เพียงครึ่งประโยคเท่านั้น…
พลั่ก!
เขาก็ถูกต่อยลอยกระเด็นออกไป
ย่อมเป็นการโจมตีจากหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินที่มีพลังแข็งแกร่งมากขึ้น
มากขึ้นจนตัวเด็กหนุ่มเองยังอดประหลาดใจไม่ได้
แต่แล้วไงเล่า?
พานตั่วชิงหมุนตัวตีลังกาเพียงเล็กน้อย ก็สามารถกลับมาควบคุมสมดุลร่างกายได้อีกครั้ง
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงมายืนอยู่เบื้องหน้าพานตั่วชิงและเหวี่ยงหมัดออกมาข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
ดวงตาของพานตั่วชิงเป็นประกายวูบด้วยความเย้ยหยัน
เขายกแขนข้างหนึ่งขึ้นป้องกันและเหวี่ยงแขนอีกข้างต่อยหมัดสวนกลับมา
นี่คือการโต้กลับที่เรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
หมัดขวาของพานตั่วชิงใช้กำลังออกมาเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น แต่ด้วยความที่มือของเขาห่อหุ้มอยู่ด้วยเกล็ดทองคำของชุดเกราะมหาธาตุ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะระเบิดร่างของหลินเป่ยเฉินให้แหลกกระจุย…
แต่ทันใดนั้น รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้าของพานตั่วชิง
เพราะพลังหมัดของหลินเป่ยเฉินมีความรุนแรงมากกว่าที่พานตั่วชิงได้คาดคิดเอาไว้
หมัดของหลินเป่ยเฉินกระแทกเข้าใส่แขนที่ยกขึ้นปัดป้อง ทันใดนั้น กระดูกแขนซ้ายของพานตั่วชิงแตกหักดังกร๊อบ และหมัดของหลินเป่ยเฉินยังคงทะลวงต่อไปกระแทกเข้าใส่หน้าอกเสียงดังสนั่น ส่งผลให้กระดูกหน้าอกของพานตั่วชิงยุบหายลงไปเกินครึ่ง…
ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้พลังหมัดขวาของพานตั่วชิงแทบไม่เหลืออยู่อีกแล้ว
“เจ้า…”
พานตั่วชิงอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
แต่ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ซัดกำปั้นใส่ใบหน้าพานตั่วชิงอย่างไม่พูดไม่จาสักคำ
มิหนำซ้ำ ยังรัวหมัดใส่ตลอดทั้งลำตัวอีกด้วย
พานตั่วชิงลอยกระเด็นกลิ้งไปทางด้านหลังอย่างไม่อาจควบคุม
กระดูกทั่วร่างแตกหักยับเยิน
“บอกแล้วไงว่านี่คือเวลาของข้า”
หลินเป่ยเฉินมีแสงสว่างสีเงินเปล่งประกายออกมาจากใต้รูขุมขน ทุกหมัดที่เขาต่อยออกมาทรงพลังเสียจนพานตั่วชิงไม่สามารถต้านทานขัดขืน
เพียงพริบตาเดียว พานตั่วชิงก็กลับมาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง
เขาไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ดูเหมือนเจี๋ยนเซียวเหยาจะเลื่อนขั้นพลังได้อย่างกะทันหัน
ทำไมถึงเลื่อนขั้นพลังได้ง่ายดายเพียงนี้?
พานตั่วชิงไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาพยายามปฏิเสธความจริง
เขาพยายามต่อต้านขัดขืน
แต่กำปั้นของหลินเป่ยเฉินยังคงโจมตีใส่ใบหน้า หน้าอก ช่วงท้อง ช่วงเอว และจุดสำคัญส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพานตั่วชิงจะสวมใส่ชุดเกราะมหาธาตุ แต่ในที่สุด เขาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแสนทรมาน
“อ๊ากกกก…”
พานตั่วชิงส่งเสียงร้องโหยหวน
บรรดาผู้รับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางม่านพลังที่ตั้งอยู่ทั่วเมืองเยี่ยเฉิงได้แต่หันมองหน้ากันด้วยความพิศวงสงสัยและไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป