เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1388 ข้าอุตส่าห์หลั่งเลือดเพื่อเจ้า
ตอนที่ 1,388 ข้าอุตส่าห์หลั่งเลือดเพื่อเจ้า
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าประหลาดใจ “ท่านเคยเข้ามาที่นี่ด้วยหรือ? งั้นทำไมคราวนี้ถึงได้เข้ามายากลำบากนักล่ะ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบด้วยความเศร้า “เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าแอบเข้ามาที่นี่ และเพราะการแอบเข้ามาของข้าเมื่อสองครั้งก่อนล้วนถูกค้นพบ การรักษาความปลอดภัยของวิหารต้องห้ามจึงเข้มงวดมากขึ้น”
“ท่านเคยแอบเข้ามาถึงสองครั้งเชียวหรือ?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองบั้นท้ายของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงขณะเดินตามเข้าไปชิดใกล้และถามว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ครั้งแรกเข้ามาเมื่อนานแล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบ “ส่วนครั้งที่สองยังไม่นาน และข้าเข้ามาก็เพื่อเจ้านี่แหละ”
“ไม่ต้องมาแอบอ้าง ข้าไม่เคยใช้ให้ท่านเข้ามาที่วิหารแห่งนี้สักหน่อย”
หลินเป่ยเฉินรีบขจัดมลทินให้แก่ตนเอง
นับว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นนางงูพิษขนานแท้ พร้อมที่จะหันมาฉกกัดเขาได้ทุกเมื่อจริง ๆ
“เจ้ามันเศษสวะ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย “หากข้าไม่เข้ามาที่นี่ แล้วเจ้าจะสามารถปลดผนึกตำแหน่งเซียนกระบี่ได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินรีบถามกลับไป “แต่นั่นเป็นการช่วยเหลือของเทพีกระบี่ไม่ใช่หรือ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกลอกตามองบนและกล่าวว่า “เทพีกระบี่เก็บตัวฝึกวิชา จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ต้องเป็นข้าจัดการทั้งนั้น มีสิ่งใดที่ข้าไม่ทำเพื่อเจ้าบ้าง? ข้าถึงกับแอบเข้ามาที่วิหารแห่งนี้เพื่อปลดผนึกตำแหน่งให้แก่เจ้า… ดูนี่สิ นี่คือรอยเลือดของข้า ข้าอุตส่าห์หลั่งเลือดเพื่อเจ้าเชียวนะ”
เทพธิดาสาวชี้มือไปยังรอยกระบี่ที่อยู่บนขั้นบันได
หลินเป่ยเฉินเห็นคราบเลือดติดอยู่ตรงนั้น
เป็นคราบเลือดของเทพเจ้า
ภายใต้แสงไฟฉายวิเศษในมือเขา หยดเลือดยังคงสะท้อนประกายระยิบระยับ
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง
ถึงกับยอมหลั่งเลือดเพื่อเขาเชียวหรือ?
ให้ตายเถอะ นางหนีไม่ทันและได้รับบาดเจ็บเองมากกว่า
“งั้นก็หมายความว่าในวิหารแห่งนี้มีผู้พิทักษ์ซ่อนตัวอยู่น่ะสิ? พวกเขาอยู่ที่ไหน? ทำไมพวกเราถึงยังไม่เจอ?” หลินเป่ยเฉินถามประเด็นสำคัญออกมา
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอธิบายว่า “เจ้าเห็นชั้นวางสิ่งของเหล่านี้หรือไม่? ครั้งหนึ่งมันเคยเต็มไปด้วยตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีจำนวนมากถึงหนึ่งหมื่นตำแหน่ง แต่ภายหลังมันก็ถูกผู้คนเข้ามาหยิบฉวยไปเกือบหมดสิ้น บัดนี้หลงเหลือเพียงแปดร้อยกว่าตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งตำแหน่งเหล่านั้นถูกเก็บอยู่ด้านบนวิหาร จึงไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องวางกำลังผู้คุ้มกันด้านในวิหารอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินแหงนหน้ามองยอดบนสุดของบันไดเวียน
แต่เขามองไม่เห็นด้านบนสุด
ไม่ทราบเลยว่าบันไดเวียนนี้มีความสูงเท่าไหร่กันแน่
“เดินช้าจริง ช่วยเดินเร็วกว่านี้หน่อยได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินเร่งเร้า
แต่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงก้าวเดินอย่างนวยนาดต่อไป บั้นท้ายบิดซ้ายบิดขวา ยิ่งทำให้ยากที่จะละสายตามากกว่าเดิม
“ฮ่า ๆๆ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหัวเราะเยาะตอบกลับมา “งั้นเจ้าก็ลองเดินให้เร็วกว่านี้ดูเถอะ”
หลินเป่ยเฉินเร่งฝีเท้าของตนเองให้เร็วมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า
แต่ในพริบตาต่อมา สิ่งแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น
ระยะห่างระหว่างเขากับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยิ่งมาก็ยิ่งห่างไกล
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเดินห่างจากกันเพียงวาเศษเท่านั้น และด้วยความที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเดินนำอยู่ด้านบน ทุกครั้งที่หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองขึ้นไป เขาก็จะเห็นต้นขาขาวผ่องเป็นอาหารตาในระยะใกล้ชิด
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินเร่งฝีเท้าของตนเอง ระยะห่างระหว่างพวกเขากลับเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบกว่าวา
และยิ่งเร่งความเร็วมากเท่าไหร่ ระยะห่างก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
เพียงพริบตาเดียว หลินเป่ยเฉินก็มองเห็นเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ห่างไกลออกไปเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความประหลาดใจ
“นี่คือบันไดพิศวง ยิ่งก้าวเดินเร็วมากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งไปได้ช้ามากเท่านั้น ในทางกลับกัน ยิ่งเจ้าเดินช้ามากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งไปได้เร็วมากเท่านั้น”
เสียงของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงดังตอบกลับมาจากที่ห่างไกล
มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็รีบชะลอฝีเท้าของตนเองลง
แน่นอนว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจ ระยะห่างระหว่างเขากับเทพธิดาสาวขี้เมาก็เริ่มลดน้อยลง
ยิ่งเดินช้าลงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใกล้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมากเท่านั้น
เมื่อหลินเป่ยเฉินเดินด้วยความเร็วระดับเต่าคลาน เขาก็ตามเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมาจนทันในที่สุด
ไม่น่าเชื่อ
นี่คือหลุมพรางที่สภาเทพเจ้าวางกับดักเอาไว้ใช่หรือไม่?
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยื่นมือออกมาจับข้อมือของหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “อย่าเดินช้าเกินไปนัก มิฉะนั้น เจ้าจะไปได้เร็วเกินไปจนอาจพลาดตำแหน่งสำคัญ… บัดนี้ เรายังมีเวลาเหลือเฟือ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอันใด”
หลินเป่ยเฉินปรับระดับฝีเท้าของตนเองลงอีกครั้งและถามว่า “ท่านบอกว่าตำแหน่งเทพเจ้าที่เหลืออยู่นั้นอยู่ด้านบนวิหารไม่ใช่หรือ?”
“ก็แค่ส่วนใหญ่เท่านั้น ยังมีส่วนเล็ก ๆ กระจายตัวอยู่ตามชั้นวางเหล่านี้อยู่บ้าง”
คราวนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาด้วยความหนักแน่นมั่นคง
พวกเขาเดินเคียงข้างกันไปขึ้นบันไดโดยไม่หยุดพัก
หลังจากนั้นไม่นาน
“ข้ามีคำถาม”
หลินเป่ยเฉินว่า “ใครเป็นคนสร้างวิหารหลังนี้ขึ้นมา? ท่านมหาเทพอย่างนั้นหรือ?”
“ย่อมไม่ใช่”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงปฏิเสธทันควัน “วิหารหลังนี้มีมาก่อนสภาเทพเจ้า มันถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ แม้แต่ตำแหน่งเทพเจ้าเหล่านี้ก็เป็นมรดกตกทอดจากผู้คนในยุคนั้นเช่นกัน”
“ผู้คนยุคก่อนประวัติศาสตร์อย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้อง มันคือยุคสมัยแห่งความยิ่งใหญ่และอิสรเสรี”
“ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาว่าดินแดนทวยเทพแห่งนี้… เป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของอดีตอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น?”
“ถูกต้อง ที่นี่เป็นเพียงดินแดนเล็ก ๆ เท่านั้น หาได้มีค่าให้ผู้ใดสนใจไม่”
“ท่านรู้มากเหลือเกิน”
“ย่อมต้องรู้”
“แต่ท่านเป็นเทพีฝึกหัด เหตุไฉนจึงได้รู้มากนัก?”
“ข้า… หึหึ น้องชายสุดที่รัก เจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่? บางเรื่องรู้มากไปมันก็ไม่ดีต่อตัวเจ้าเอง”
“ท่านคงอยากให้ข้าเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นสินะ”
“เจ้าอยากจะถามเรื่องอะไรอีก?”
“ข้าได้ยินมาจากสหายคนหนึ่งว่าเมื่อเทพเจ้าตายลง ตำแหน่งเทพเจ้าก็จะถูกส่งคืนกลับเข้าสู่วิหารต้องห้าม เมื่อสักครู่นี้ ท่านบอกว่าในวิหารเคยมีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่นับหมื่นตำแหน่ง แต่พวกมันก็ถูกผู้คนหยิบฉวยออกไป จนกระทั่งปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงแปดร้อยกว่าตำแหน่งเท่านั้นใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“คำถามก็คือ ตำแหน่งอื่น ๆ เหล่านั้นหายไปไหนหมด? เมื่อเทพเจ้าสิ้นอายุขัย ตำแหน่งก็สมควรถูกส่งคืนวิหารไม่ใช่หรือ?”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบ ตำแหน่งเหล่านั้นมันหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ”
“เพราะมีคนเก็บเอาไว้กับตัวและยังไม่ได้นำตำแหน่งเหล่านั้นออกมาใช้งานหรือไม่?”
“ไม่น่าเป็นไปได้ ตำแหน่งเทพเจ้าเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะสามารถเก็บเอาไว้กับตัวได้ตามใจชอบ นอกจากจะผ่านการฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณมาแล้วเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝึกวิชานี้ได้ ผู้ที่มีคุณสมบัติในการฝึกฝนวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณต้องเกิดมาพร้อมกับปัจจัยที่เหมาะสมเท่านั้น ต่อให้เป็นบรรดาห้าใต้เท้าใหญ่ของสภาเทพเจ้าอยากจะฝึกฝนวิชานี้ก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“หมายความว่าถ้าไม่ฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ ก็ไม่สามารถเก็บตำแหน่งเทพเจ้าเอาไว้กับตัวได้หลายตำแหน่งสินะ?”
“อย่าว่าแต่หลายตำแหน่งเลย เก็บเอาไว้กับตัวมากกว่าหนึ่งตำแหน่งก็เป็นไปไม่ได้ เพราะร่างกายของเจ้าจะทนรับไม่ไหว ธาตุไฟจะแตกซ่าน ดวงวิญญาณจะแตกสลาย ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เคยมีผู้ใดคิดครอบครองตำแหน่งเทพเจ้ามากกว่าหนึ่งตำแหน่งมาก่อน”
“งั้นข้าก็คงเป็นคนแรกในดินแดนทวยเทพแล้วกระมัง?”
“หากเจ้าจะเข้าใจเช่นนี้ก็คงไม่ผิด”
ทั้งสองพูดคุยไปเรื่อยพลางเดินขึ้นบันไดต่อไป
หลินเป่ยเฉินได้รับคำตอบที่ชวนให้ฉงนสงสัยหลายข้อ
ทันใดนั้น หูของเขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังติ๊ง
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะเสี่ยวจี้ว่า ‘แอปพลิเคชันสัตว์เลี้ยงแสนสนุกตรวจพบสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสม นายท่านต้องการจะจับมาเลี้ยงหรือไม่?’
นี่คือข้อความจากเกมสัตว์เลี้ยงแสนสนุกที่หลินเป่ยเฉินเพิ่งดาวน์โหลดมานั่นเอง