เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1431 สุดยอดความแข็งแกร่งในประวัติศาสตร์
ตอนที่ 1,431 สุดยอดความแข็งแกร่งในประวัติศาสตร์
“ลูกศิษย์สุดที่รัก เจ้าต้องใจเย็นก่อน”
ติงซานฉือพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากแสดงความสามารถต่อหน้าสาวงามเหล่านี้ แต่ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า ย่อมหมายความว่าข้ามีความแข็งแกร่งมากกว่าเจ้า แต่ข้ายังสู้พวกมันไม่ได้ แล้วเจ้าจะไปบุกถล่มรังของพวกมันได้อย่างไร”
เหยียนหรู่อี้ทราบดีว่านี่เป็นเรื่องสำคัญจึงรีบพยายามเกลี้ยกล่อมเช่นกันว่า “น้องเป่ยเฉิน อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม… ข้า… พวกเราซาบซึ้งใจดีที่ท่านคิดแก้แค้นให้แก่สำนักคฤหาสน์กำยาน แต่อย่าเพิ่งลงมือตอนนี้เลยดีกว่า”
“ใช่แล้วขอรับพี่ใหญ่ ข้าคิดว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม”
เซียวปิงยังคงรับประทานน่องไก่พร้อมกับกระซิบว่า “การแสดงความสามารถต่อหน้าสาวงามนั้น เราจำเป็นต้องเลือกองค์ประกอบให้ครบถ้วนสามอย่างคือ เวลา สถานที่ และผู้คน หากมีองค์ประกอบหนึ่งในนี้ผิดพลาดไป การแสดงความสามารถก็จะกลายเป็นหายนะแล้ว”
“จี๊ด”
อากวงส่งเสียงออกมาอย่างใช้ความคิด ก่อนเขียนข้อความลงบนกระดานชนวนว่า ‘แม่น้ำสายนี้กว้างใหญ่เกินไป พวกเรารีบกลับกันดีกว่าขอรับ’
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ทำไมทุกคนถึงได้อยู่ในสภาพหมดหวังขนาดนี้เนี่ย?
หูเหม่ยเอ๋อร์ก็พูดขึ้นเช่นกันว่า “พี่เป่ยเฉิน ทุกคนรู้ดีว่าท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจกล้าหาญ แต่ก่อนจะทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านสมควรวางแผนให้ดีก่อน”
หลินเป่ยเฉินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีผู้ใดเชื่อใจเขาอีกแล้ว
แต่เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้พูดอะไร ในภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนที่อยู่ด้านล่างพลันเกิดลำแสงพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังกดดันแผ่กระจายออกมา เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนของพวกตัวประหลาดขนขาวปรากฏตัวขึ้นแล้ว
เพียงพริบตาเดียว มวลอากาศในท้องฟ้าก็ปั่นป่วนราวกับเกิดพายุใหญ่
ความเงียบสงบสลายหายไป
บัดนี้ ผู้ที่อยู่ในห้องโดยสารของรถม้าต่างก็รู้สึกว่ารถม้าทองคำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไม่ต่างไปจากตกอยู่ในอุ้งมือของพญามังกรที่กำลังจะปลดปล่อยพลังระเบิดพวกเขาให้ถึงตาย
ความแตกต่างระหว่างขั้นพลังไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยความกล้าหาญหรือความมุ่งมั่น
ฮั่วเฟยฮัว เหยียนหรู่อี้และคนอื่น ๆ ใบหน้าซีดขาวขึ้นมาทันที
อากวงสั่นไปทั้งตัว
“ตัวบัดซบผู้ใดกล้าลุกล้ำอาณาเขตภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของข้า?”
“พวกเจ้าอยากตายใช่หรือไม่?”
“หากยังไม่แสดงตัวขอยอมแพ้ อย่าหาว่าพวกเราอำมหิตเกินไป”
เสียงตะโกนด้วยความดุร้ายดังขึ้นจากภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยน
ทุกคำพูดของเสียงนั้นดังกังวานไม่ต่างจากผู้คนกำลังย่ำกลอง
หากไม่ใช่เพราะว่ารถม้าทองคำมีม่านพลังคอยคุ้มกันรอบด้าน เกรงว่าป่านนี้พลังกดดันทั้งหมดคงระเบิดรถม้าแหลกกระจุยไปแล้ว
ม่านพลังที่ห่อหุ้มรถม้าสั่นไหวเป็นระลอกคลื่น ทำหน้าที่ต้านทานพลังกดดันอย่างสุดความสามารถ
พลัน ลำแสงทองคำพุ่งผ่านท้องฟ้า
เงาร่างของเทพเจ้าจากเผ่าเทพตะวันปรากฏกายขึ้น
พลังกดดันแผ่ขยายกว้างไกลปกคลุมผืนฟ้าและดวงตะวัน เกิดเป็นภาพที่น่าเกรงขามยิ่งนัก
“จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว…”
หวังจงเข่าอ่อน เกือบจะทรุดกายลงไปนั่งคุกเข่าอีกรอบ
แต่นี่คือช่วงเวลาที่หลินเป่ยเฉินรอคอยมานานแล้ว
“ข้าหลินเป่ยเฉิน เจ้าเมืองแห่งนครเจาฮุย วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อทำลายวิหารเทพตะวัน!”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด ปลดปล่อยพลังของตนเองออกไปสลายพลังกดดันของฝ่ายตรงข้าม
ได้เวลาแสดงฝีมือต่อหน้าสาวงามแล้ว!!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาก็โคจรพลังอัคคีเทวะ และลมหายใจต่อมา หลังคารถม้าก็ปลิวออกไป
มวลพลังมหาศาลระเบิดออกมาจากร่างของหลินเป่ยเฉิน
คลื่นพลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่กระจายไปรอบบริเวณราวกับเป็นพายุหมุน โดยที่มีหลินเป่ยเฉินเป็นศูนย์กลางของพายุนั้น
ปีกเพลิงกางออกมาจากแผ่นหลังของเขา
งามสง่าราวกับเป็นเทพเจ้า
ปีกเพลิงกระพือพัด
ร่างของหลินเป่ยเฉินหายวับไปในพริบตา
กระบวนการทั้งหมดนี้กินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
“ให้ตายเถอะ… เจ้าลูกศิษย์เนรคุณคนนี้หลบหนีไปเพียงลำพัง และทิ้งพวกเราให้เผชิญหน้าชะตากรรมอย่างนั้นหรือ?”
ติงซานฉืออดสบถออกมาไม่ได้
แต่เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
วูบ!
ทันใดนั้น กระบี่เงินเล่มหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้าทะลวงม่านพลังแห่งเปลวไฟ
ม่านพลังเปลวไฟสั่นไหวหลอมรวมเข้ากับกระบี่เงินเล่มนั้น ได้ยินเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง ปรากฏว่ากระบี่เงินกำลังฟันเข้าใส่ม่านพลังที่ปิดกั้นเหนือภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยน
ครืน!
เกิดคลื่นแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ม่านพลังที่คุ้มครองภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนสลายลงไปในพริบตา
ไม่ทราบเลยว่าบรรดาเทพเจ้าของเผ่าเทพตะวันที่ทยอยปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้านั้น ต้องเสียชีวิตในคลื่นแรงสั่นสะเทือนนี้ไปกี่คน
ในอากาศเต็มไปด้วยม่านหมอกเลือด
กลายเป็นภาพแห่งความสวยงามและน่าสยดสยองในเวลาเดียวกัน
คลื่นแรงสั่นสะเทือนนี้ยังทำให้เทพเจ้าระดับสูงผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ผู้คนรู้สึกหูอื้อ ก่อนที่ร่างของเทพเจ้าผู้นั้นจะสลายกลายเป็นหมอกควัน
ในเวลาเดียวกันนี้ ลูกไฟประหลาดได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับมวลพลังกดดันมหาศาล และลูกไฟประหลาดนั้นก็กำลังมุ่งหน้าลงไปสู่ภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนที่อยู่ด้านล่าง
ลูกไฟประหลาดนี้คือหลินเป่ยเฉิน
เขาระเบิดพลังอัคคีเทวะออกมาราวกับต้องการจะถล่มโลกทั้งใบ
แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายเด็กหนุ่มมีความหนักหน่วงถึงขนาดที่ทำให้ภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนเริ่มจมหายลงไปใต้พื้นดิน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น บางส่วนของภูเขาทั้งลูกก็จมหายลงไปใต้พื้นดินโดยสมบูรณ์…
“คุณชายผู้แข็งแกร่งเป็นผู้ใดกัน ได้โปรดหยุดมือก่อน”
“ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันก็ได้…”
“ได้โปรดหยุดมือเถอะ”
“พวกเราเผ่าเทพตะวันไปล่วงเกินท่านตั้งแต่เมื่อไหร่…”
บัดนี้ เสียงของเทพเจ้าระดับสูงอีกผู้หนึ่งดังกังวานอยู่เหนือยอดเขา
เสียงนั้นไม่ต่างจากเป็ดน้อยที่กำลังหวาดกลัวลมฝน
แต่ลูกไฟยักษ์กลับพุ่งตรงลงมารวดเร็วมากกว่าเดิม
มวลพลังกดดันพุ่งเป้าโจมตีที่ภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยน บรรดาสิ่งปลูกสร้างบนภูเขาพังถล่มทลายโดยที่พวกตัวประหลาดขนขาวไม่ทันได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงมีอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กต้องร่างกายระเบิดกระจายด้วยแรงกดดันมหาศาลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน…
ส่วนบรรดาเทพเจ้าระดับสามัญที่แม้จะหลบหนีออกมาจากวิหารได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาได้พูดอะไรสักคำ เพราะในลมหายใจต่อมานั้น ทุกคนก็ต้องถูกฆ่าตายด้วยเหตุแผ่นดินไหว!
แผ่นดินไหวจากคลื่นพลังของหลินเป่ยเฉิน
ในที่สุด…
ตู้ม!
ร่างของหลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนด้วยความหนักหน่วง
กระบี่เงินหน้าตาประหลาดปรากฏขึ้นในมือ
เขาตวัดกระบี่
ควับ!
รังสีกระบี่พุ่งออกไปข้างหน้า
แล้วภูเขาที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นเต้าหู้ก้อนหนึ่ง มิหนำซ้ำ ยังเป็นเต้าหู้ที่ถูกค้อนเหล็กทุบทำลายแตกกระจาย การถล่มทลายนั้นสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…
แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
ผู้คนบนรถม้าทองคำสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
คลื่นความปั่นป่วนในท้องฟ้าทำให้รถม้าทองคำลอยกระเด็นออกไป…
เกิดความวุ่นวายโกลาหล
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าใด รถม้าทองคำจึงสามารถกลับมาทรงตัวได้ดังเดิมอีกครั้ง
ผู้โดยสารที่เวียนหัวอยากอาเจียนรีบพุ่งเข้ามาเกาะราวกั้นห้องโดยสารเพื่อก้มหน้ามองดูเหตุการณ์ด้านล่าง
เมื่อมองดูแล้ว สีหน้าก็ต้องแปรเปลี่ยนไป
เพราะภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนได้อันตรธานหายไปแล้ว
พื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่กินพื้นที่กว้างไกลอย่างน้อยสามร้อยลี้
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดตกตายหมดสิ้น
โดยเฉพาะศูนย์กลางของแรงระเบิด ทุกสิ่งทุกอย่างสลายกลายเป็นผุยผง เกิดเป็นพื้นที่ทะเลทรายยาวไกลหลายลี้
ภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนหายไปแล้ว
เผ่าอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กหายไปแล้ว
ผู้คนของเผ่าเทพตะวันก็หายลับไปเช่นกัน
“การบุกถล่ม… จบลงแล้วหรือ?”
“นี่มัน… ดูเหมือนจะเป็นจุดจบของพวกตัวประหลาดขนขาวจริง ๆ สินะ”
“พวกเทพเจ้าเหล่านั้นก็ตายด้วยเช่นกันหรือ?”
“ตายแล้ว ตายกันหมดสิ้น”
“นี่คือพลังทำลายล้างอันใด? เขาสามารถทำสิ่งที่พูดได้จริง ๆ หรือ?”
บรรดาผู้คนบนรถม้าทองคำพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาทุกคนตกตะลึง
และหวาดหวั่น
พวกเขาเพิ่งได้พบเห็นสิ่งใดไป?
การโจมตีเมื่อสักครู่ เกรงว่าคงเป็นการโจมตีที่แสดงออกถึงสุดยอดความแข็งแกร่งในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินตงเต้าแล้ว
ทันใดนั้น ร่างของหลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ลอยกลับขึ้นมา
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างกายถูกใช้งานออกไปถึงสองในสามส่วน
วิชาไพรีดารารายนับเป็นเคล็ดวิชาที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงเหลือเกิน
เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยนก็พังถล่มลงไปทั้งลูก เผ่าพันธุ์อมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กและผู้คนจากวิหารเทพตะวันถูกสังหารตายไปเกือบหมดสิ้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีออกไปได้ก่อนหน้านี้
เมื่อกลับขึ้นมาถึงรถม้าทองคำ หลินเป่ยเฉินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะพบสายตาของทุกคนจ้องมองมาด้วยความเหลือเชื่อ
“ขออภัยด้วยที่ข้าสามารถทำได้ตามที่พูดจริงๆ อุ๊วะฮ่า ๆๆ”