เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1462 คำเตือนของหลินเป่ยเฉิน
ตอนที่ 1,462 คำเตือนของหลินเป่ยเฉิน
ปรากฏว่าที่พี่ใหญ่ทำเป็นเย็นชาต่อเขาก็เพราะเหตุนี้เองสินะ
องค์ชายเจี้ยนอวี่คิดขึ้นมาในทันใด
“พี่ใหญ่ คือว่า… สาวงามในจักรวรรดิเจิ้งหลงล้วนตายกันหมดสิ้น ผู้ที่มีชีวิตอยู่รอดบัดนี้ยังหาไม่เจอ ขอข้าใช้ความคิดก่อนสักครู่ หากพี่ใหญ่ต้องการสาวงามจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น…”
เขาหันศีรษะมองไปที่หลงหน่าซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ก่อนชี้มือไปยังเด็กสาวรอยสักมังกรผู้นั้น “เอาเป็นนางผู้นี้แทนได้หรือไม่? แม้นางออกจะดุร้ายไปสักหน่อย แต่รูปร่างหน้าตาก็งดงามมากทีเดียว”
หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองไปที่หลงหน่า
ใบหน้าของเด็กสาวยังคงมีแต่ความสงบสุขุม
ไม่มีความประหลาดใจ
ไม่มีความโกรธแค้น
ราวกับว่าตราบใดที่หลินเป่ยเฉินพยักหน้า นางก็พร้อมทำตามคำสั่งจากองค์ชายเจี้ยนอวี่ได้ทันที
“ขนาดข้ายังไม่ขายคนรับใช้ของตนเอง เจ้านี่มันเศษสวะของแท้”
หลินเป่ยเฉินตบหลังศีรษะองค์ชายเจี้ยนอวี่เสียงดังเพียะ “นางอุตส่าห์ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเจ้า แต่เจ้ากลับยกนางให้บุรุษอื่นง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ตกตะลึงและตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัวว่า “โอ๊ย พี่ใหญ่ ข้าทำผิดตรงไหนกัน? นางเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า นางต้องทำงานให้ข้าอยู่แล้ว นางต้องรับคำสั่งจากข้า ชีวิตของนางเป็นของข้า ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ล้วนแต่เป็นข้ากำหนดทั้งนั้น…”
องค์ชายหนุ่มโต้แย้งด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นตบด้านหลังศีรษะของกระบี่มังกรเบิกฟ้าอีกครั้ง ก่อนสบถว่า “นางก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนะ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเจ้าสักหน่อย เจ้าจะทำอะไรกับนางตามใจชอบไม่ได้…”
“กรุณาอย่าทำร้ายองค์ชายอีกเลย”
หลงหน่าพลันขยับเข้ามายืนขวางหน้าองค์ชายเจี้ยนอวี่และพูดกับหลินเป่ยเฉินด้วยสีหน้าขึงขัง
หากไม่ใช่เพราะรู้ตัวดีว่าตนเองคงเอาชนะหลินเป่ยเฉินไม่ได้ ป่านนี้หลินเป่ยเฉินคงลงไปนอนเสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว
“สามหาว”
องค์ชายหนุ่มผลักเด็กสาวรอยสักมังกรกระเด็นออกไปพลางคำรามว่า “ใครบอกให้เจ้าพูด ถอยไปซะ”
หลงหน่าจึงได้แต่ก้มหน้าต่ำและขยับไปยืนอยู่ด้านข้าง
“พี่ใหญ่อย่าโกรธเลยนะขอรับ นางเป็นแค่สัตว์อสูร นางไม่มีสติปัญญา…”
องค์ชายเจี้ยนอวี่พยายามอธิบายกับหลินเป่ยเฉินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นตบหลังศีรษะอีกฝ่ายอีกครั้ง
หลังจากนั้น เขาก็หันไปยิงฟันยิ้มให้แก่เด็กสาวรอยสักมังกร ก่อนจะหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้วว่าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่ธรรมดา ฝ่ายหนึ่งก็เลวทรามต่ำช้าไม่ใช่มนุษย์ อีกฝ่ายกลับยินยอมเป็นผู้ถูกกระทำด้วยความเต็มใจ… ช่างเหมาะสมกันโดยแท้”
กระบี่มังกรเบิกฟ้ารีบอธิบายโดยเร็ว “แต่สำหรับจักรวรรดิของเจิ้งหลงเรา นางเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของข้าเท่านั้นนะพี่ใหญ่ นางไม่ใช่มนุษย์ แต่นางเป็นมังกร ท่านยังไม่เคยเห็นนางแปลงร่าง…”
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินตบศีรษะอีกครั้ง “ก็ข้าเห็นอยู่นี่ไงว่านางเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง… จักรวรรดิเจิ้งหลงของเจ้า หากยังปฏิบัติต่อผู้คนไม่เท่าเทียมกันเช่นนี้อีก ก็สมควรล่มสลายลงไปแล้ว”
องค์ชายเจี้ยนอวี่สามารถปรับตัวกับฝ่ามือของหลินเป่ยเฉินได้แล้ว เขายกมือลูบหลังศีรษะของตนเองป้อย ๆ ขณะยิ้มแย้มตอบกลับไป “พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้หรอกว่านี่คือวัฒนธรรมของพวกเราชาวจักรวรรดิเจิ้งหลง… แต่พี่ใหญ่พูดถูกต้อง ข้าอยากเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ข้ายินดีทำทุกอย่างตามที่ท่านบอก”
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นตบอีกครั้ง
แต่อย่างน้อยเขาก็มองออกแล้วว่าองค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่ใช่บุคคลเลวร้ายอะไรนัก
บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นเพียงเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ที่ถูกประคบประหงมมากเกินไป องค์ชายผู้เป็นเจ้าของบัญชีกระบี่มังกรเบิกฟ้าไม่เคยพบกับความโหดร้ายในโลกแห่งความเป็นจริง และตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็ถูกสั่งสอนว่าบุคคลรอบตัวไม่ใช่มนุษย์… ดังนั้น วิธีการมองโลกขององค์ชายเจี้ยนอวี่จึงแตกต่างจากผู้คนทั่วไป
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่องค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่เคยรู้สึกผิดกับคำพูดของตนเอง
ด้วยเหตุนี้ องค์ชายเจี้ยนอวี่จึงมีนิสัยก้าวร้าวหยาบคาย เมื่อจักรวรรดิของตนเองล่มสลายและได้พบเจอกับความโหดร้ายของโลกแห่งความเป็นจริง องค์ชายเจี้ยนอวี่จึงกลายเป็นบุคคลขี้ขลาดหวาดระแวง สนใจแต่ความอยู่รอดปลอดภัยของตนเองเท่านั้น…
นับว่าจักรวรรดิเจิ้งหลงให้ความสำคัญแก่การศึกษาน้อยมากเกินไปจริง ๆ
ดูเหมือนว่าระบบการศึกษาของจักรวรรดิเจิ้งหลงจะล้าหลังมากกว่าจักรวรรดิเป่ยไห่หลายช่วงตัว
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ไม่ใช่สิ่งที่หลินเป่ยเฉินสนใจ
สิ่งเดียวที่หลินเป่ยเฉินสนใจก็คือกระบี่มังกรเบิกฟ้าสามารถติดต่อเขาได้อย่างไรต่างหาก
“พี่ใหญ่ดูนี่สิขอรับ”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบนำกระจกบานเล็กออกมาอธิบายถึงที่มาที่ไปของมัน
“น่าสนใจดีนี่ ขอข้าดูหน่อยสิ”
หลินเป่ยเฉินรับกระจกบานนั้นมาพิจารณาดูโดยละเอียด ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ
น่าประหลาด
เขาพบว่ามวลพลังที่แฝงตัวอยู่ในกระจกเล็ก ๆ บานนี้ ไม่ใช่พลังลมปราณ ไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่พลังปราณธาตุ แต่เป็นพลังที่คล้ายคลึงกับพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหลงหน่าตอนต่อสู้
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าองค์ชายเจี้ยนอวี่ด้วยความสงสัย
อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่จะมาแย่งบทพระเอกไปจากเขา?
องค์ชายเจี้ยนอวี่เกิดมามีชาติตระกูลที่สูงศักดิ์ มิหนำซ้ำ ยังเกิดมาพร้อมกับของวิเศษอย่างกระจกปริศนาบานนี้อีกด้วย
เขาถามถึงวิธีการที่องค์ชายเจี้ยนอวี่ใช้ติดต่อสื่อสารกับตนเอง ซึ่งก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแตะนิ้วมือลงไปบนหน้ากระจก หน้าต่างข้อความการสื่อสารกับหลินเป่ยเฉินผ่านทางแอป QQ และประวัติการวิดีโอคอลล์ก่อนหน้านี้ก็แสดงขึ้นมา
“ไม่ธรรมดาซะแล้วสิ”
หลินเป่ยเฉินเกิดความรู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น
ปรากฏว่าองค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่ได้มีโทรศัพท์มือถือ
แต่มีกระจกวิเศษที่ออกมาพร้อมกับตนเองจากครรภ์มารดา ถ้าอย่างนั้น…
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่กระบี่มังกรเบิกฟ้า หรือว่ากระจกบานนี้จะเป็นสิ่งที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว?
“เจ้าบอกว่าหลงหน่าเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินเริ่มซักถามรายละเอียดต่อไป
องค์ชายเจี้ยนอวี่เชื่อฟังหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างดี เขาตอบทุกคำถามของหลินเป่ยเฉินโดยไม่ลังเล ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงได้ทราบว่าเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรนั้น แท้ที่จริงแล้วนางกำเนิดออกมาจากไข่มังกรที่ถูกเก็บอยู่ในคลังสมบัติของราชวงศ์เจิ้งหลงมานานหลายพันปี
ไข่มังกรใบนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน แต่กลับไม่มีผู้ใดพบเจอต้นกำเนิดที่แท้จริงของมันในบันทึกของราชวงศ์ เดิมทีผู้คนเล่าขานว่าไข่มังกรใบนี้เป็นสิ่งไร้ชีวิต เป็นเพียงเครื่องประดับที่เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์มังกรเท่านั้น แต่หลังจากที่องค์ชายเจี้ยนอวี่ถือกำเนิด ไข่มังกรในตำนานก็ฟักออกมาเป็นลูกมังกรตัวหนึ่ง
มังกรน้อยตัวนั้นก็คือหลงหน่า
นี่คือเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนไปทั้งราชวงศ์แห่งจักรวรรดิเจิ้งหลง
หลงหน่าถือกำเนิดเกิดมาในเวลาไล่เลี่ยกับองค์ชายเจี้ยนอวี่ นางจึงอยู่เคียงข้างเขามาทุกย่างก้าวของชีวิต มังกรน้อยเข้ารับการฝึกสอนโดยครูฝึกมังกร แต่กลับพบว่าหนทางนั้นไม่เหมาะสมกับตนเองสักเท่าไหร่ จนกระทั่งมีอายุได้สิบขวบ หลงหน่าก็สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ นางจึงสามารถฝึกวิชาการต่อสู้ของมนุษย์และได้รับการคัดเลือกให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์ชายเจี้ยนอวี่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลินเป่ยเฉินอดหันไปมองหน้าหลงหน่าไม่ได้
ดูเหมือนว่าเด็กสาวที่เกิดออกมาจากไข่มังกรผู้นี้คงมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเสียแล้ว
อย่างน้อย นางก็เป็นมังกรตัวจริงเสียงจริง
หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าในแผ่นดินตงเต้าจะยังคงมีมังกรเหลืออยู่
ไข่มังกรที่คงอยู่มาตลอดหลายพันปีกลับมีลูกมังกรฟักออกมาหลังจากที่องค์ชายเจี้ยนอวี่ถือกำเนิด นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน น่าจะเกี่ยวพันกับกระจกบานเล็กที่อยู่ในมือองค์ชายหนุ่มไม่มากก็น้อย
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าตนเองต้องรับผิดชอบองค์ชายเจี้ยนอวี่ให้มากขึ้น เขาจะต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้แก่กระบี่มังกรเบิกฟ้า จนอีกฝ่ายกลายเป็นสาวกของเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น หลินเป่ยเฉินต้องการจะทำให้องค์ชายเจี้ยนอวี่ปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้องค์ชายเจี้ยนอวี่มองมนุษย์ผู้อื่นอย่างเป็นคนที่เท่าเทียมกัน
องค์ชายเจี้ยนอวี่ยังซ่อนเร้นอะไรอยู่อีกหรือไม่?
นี่คือเรื่องที่จำเป็นต้องใช้เวลาในการพิสูจน์
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
รถม้าทองคำก็กลับมาถึงเมืองหยุนเมิ่ง
มีการเปลี่ยนแผนการระหว่างทางเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินสั่งให้องค์ชายเจี้ยนอวี่และเด็กสาวผู้เป็นองครักษ์ส่วนตัวพักอยู่ที่เมืองแห่งนี้ก่อน
“ดูเหมือนเราคงต้องพักอยู่ที่เมืองนี้ไปสักระยะนะเพคะ”
หลงหน่ากวาดสายตาสำรวจมองรอบบริเวณ เมื่อพบว่าไม่มีอันตรายใดจึงกล่าวต่อไป “กราบเรียนองค์ชาย หลินเป่ยเฉินผู้นี้มีความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน หากเราได้รับการสนับสนุนจากเขา คนผู้นี้ย่อมช่วยเหลือให้จักรวรรดิเจิ้งหลงฟื้นฟูกลับขึ้นมาได้อย่างแน่นอน ในช่วงเวลาระหว่างนี้ เราต้องหาทางประจบเอาใจเขาให้ได้”
กระบี่มังกรเบิกฟ้ามองหน้าคนรับใช้ของตนเองด้วยความชื่นชม “ถูกต้อง พี่ใหญ่เป็นวีรบุรุษประจำใจข้า ข้าจะต้องเรียนรู้จากเขาและกลายเป็นอย่างเขาให้ได้”
แต่หลงหน่าไม่ได้พูดถึงการเรียนรู้หรือการประจบเอาใจธรรมดา
นางกำลังพูดถึงการประจบเอาใจในรูปแบบอื่น
วูบ!
หลินเป่ยเฉินพลันปรากฏตัวกลับมาอีกครั้ง
เพียะ!
เขาตบด้านหลังศีรษะขององค์ชายเจี้ยนอวี่จนหน้าคะมำ “ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้าคิดส่งตัวหลงหน่ามาให้ข้าอีก ข้าจะทุบตีเจ้าจนตาย”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็เคลื่อนกายเป็นลำแสงหายวับไปในพริบตา
องค์ชายเจี้ยนอวี่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่าก็กำลังใช้ความคิดบางอย่าง และทันใดนั้น นางก็รู้แล้วว่าพวกของตนเองจะสามารถเอาชนะใจหลินเป่ยเฉินได้อย่างไร