เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1465 ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาคืออะไรกันแน่
ตอนที่ 1,465 ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาคืออะไรกันแน่?
นักพรตหญิงชินโบกสะบัดแขนเสื้อ
ทันใดนั้น กาสุราหยกขาวพร้อมด้วยจอกหยกขาวหกใบก็มาตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างน่าพิศวง
หลังจากนั้น นักพรตหญิงชินก็ใช้มือซ้ายรวบแขนเสื้อข้างขวาจัดการรินสุราใส่จอกอย่างอ่อนช้อยและนุ่มนวล
สุรามีสีอำพันกลิ่นหอมหวนชวนดื่ม
เมื่อในจอกมีสุรา นักพรตหญิงชินก็กล่าวว่า “เชิญ”
กิริยาท่าทางของนางบอกชัดว่ายกให้หลินเป่ยเฉินมีสถานะเท่าเทียมกับตนเอง
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินหยิบจอกสุรามาด้วยความพิศวงสงสัย
นี่คือการดื่มฉลองให้กับการพบกันครั้งนี้ใช่หรือไม่?
เขาถามออกไปเช่นนั้น
แต่นักพรตหญิงชินก็ไม่ได้ตอบ นางยกจอกสุราในมือตนเองขึ้นดื่มจนหมด ก่อนพูดว่า “เคล็ดวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณคือวิชาศักดิ์สิทธิ์ประจำดินแดนทวยเทพ เจ้าคงเคยได้ยินมาบ้างกระมัง?”
หลินเป่ยเฉินมือกระตุกเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเคยได้ยิน
นี่คือความรู้สึกแห่งการตระหนักรู้
ยืนยันสิ่งที่เขาเคยคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้
เว่ยหมิงเฉินก็ฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณเช่นกัน
นี่คือเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
เพราะถึงอย่างไร หมอนั่นก็เป็นท่านมหาเทพกลับมาเกิดใหม่
นักพรตหญิงชินยกจอกสุราจอกที่สองขึ้นดื่มรวดเดียวหมดและกล่าวต่อ “เรื่องที่เว่ยหมิงเฉินเป็นร่างกำเนิดใหม่ของท่านมหาเทพ เจ้าก็คงรู้เช่นกันใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินพลันยกจอกสุราขึ้นดื่ม ก่อนตอบว่า “เอ่อ… เหตุไฉนท่านถึงได้คิดว่าข้ารู้เรื่องนี้ล่ะขอรับ?”
นักพรตหญิงชินวางจอกสุราลง “หลิงเฉินเป็นคนบอกเจ้า”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ นางเป็นคนบอกข้าเอง”
นักพรตหญิงชินยกจอกสุราจอกที่สามขึ้นดื่มต่อ “ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของท่านมหาเทพหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยกสุราจอกใหม่ขึ้นดื่มจนหมด “ท่านอาจารย์รู้หรือขอรับ?”
นักพรตหญิงชินเริ่มต้นการบอกเล่า “นานมาแล้ว ดินแดนทวยเทพเป็นเพียงดินแดนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งไม่ต่างจากแผ่นดินตงเต้า แต่เนื่องจากการดำรงอยู่ของดินแดนเหล่านี้ ผู้คนจำนวนมากจึงแยกย้ายกระจายตัวครอบครองดินแดนต่าง ๆ แต่แทบจะไม่มีผู้ใดทราบถึงประวัติความเป็นมาของกันและกันเลย…”
“นี่คือประวัติศาสตร์ที่หายสาบสูญ แสดงให้เห็นว่าบรรดาเทพเจ้าเหล่านั้นก็ไม่ใช่ผู้สูงส่งอันใด สภาเทพเจ้าและท่านมหาเทพในขณะนั้นไม่ได้มีตำแหน่งสูงส่ง เพราะท่านมหาเทพในตอนนั้นเป็นเพียงนักรบผู้หนึ่งแห่งสภาเทพเจ้ามีนามว่าเหยียนเหยียน แต่การปรากฏตัวของใครบางคน ก็ได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนักรบเหยียนเหยียนไปตลอดกาล”
เล่ามาถึงตรงนี้ นักพรตหญิงชินก็หยุดเล็กน้อยเพื่อเติมสุราให้แก่จอกหยกขาวทั้งหกใบอีกครั้ง “เจ้าไม่ถามหรือว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใด?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ถึงไม่ถาม ท่านก็ต้องเล่าให้ข้าฟังอยู่แล้ว”
นักพรตหญิงชินดื่มสุราจอกที่สี่ของตนเอง “คนผู้นั้นมีนามว่าเทพเจ้าหวง เสี่ยวหวงเซิน”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าเล็กน้อย
เขาเองก็คิดอยู่แล้วเช่นกัน
เพราะจากภาพยนตร์สั้นที่ดาวน์โหลดมาในแอปสวิ่นเล่ย เขาเคยเห็นชาติกำเนิดของเทพเจ้าหวงมาแล้ว
“ดังนั้น เทพเจ้าหวงผู้นี้จึงเป็นคนที่มาจากต่างภพภูมิสินะขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินดื่มสุราจอกที่สี่และถามด้วยความสงสัย
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ข้อมูลมากทีเดียว” นักพรตหญิงชินพยักหน้า “ใช่แล้ว กาลเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ เมืองด่านหน้าเหล่านี้ได้ถูกทิ้งร้าง เทพเจ้าหวงเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เดินทางมาถึงดินแดนทวยเทพได้สำเร็จ ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงทารกน้อย แต่โชคดีที่สามารถหลบหนีการไล่ล่าสังหารมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการอุปการะโดยนักรบเหยียนเหยียนมาโดยตลอด”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิด
นึกถึงฉากในภาพยนตร์สั้นที่เขาดูจากแอปสวิ่นเล่ย
ครอบครัวดั้งเดิมของเทพเจ้าหวงถูกไล่ล่าสังหารในดินแดนบ้านเกิด
หลังจากนั้น พอภาพตัดมาอีกที เทพเจ้าหวงก็กำลังฝึกฝนวิชาอยู่กับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง… ซึ่งชายวัยกลางคนผู้นี้ก็น่าจะเป็นท่านมหาเทพในตอนนั้นนั่นเอง
นักพรตหญิงชินหยุดชะงักและมองหน้าหลินเป่ยเฉินในความเงียบ
หลินเป่ยเฉินเข้าใจทุกอย่างทันที แล้วรีบหยิบสุราจอกใหม่ขึ้นดื่มโดยไม่ลังเล
หลังจากนั้น นักพรตหญิงชินถึงได้กล่าวต่อไปว่า “เทพเจ้าหวงพกพาของวิเศษชิ้นหนึ่งมาด้วย ของวิเศษนี้ช่วยเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนักรบเหยียนเหยียน เจ้ารู้ไหมว่าของวิเศษชิ้นนั้นคือสิ่งใด?”
หลินเป่ยเฉินเรียนรู้วิธีการพูดคุยกับนางแล้ว ดังนั้น เขาจึงยกจอกสุราถ้วยที่ห้าขึ้นดื่มและตอบว่า “คงเป็นเคล็ดวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณกระมัง?”
นักพรตหญิงชินยกจอกสุราถ้วยใหม่ดื่มรวดเดียวหมด “เจ้าเดาได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มตอบกลับไปว่า “ข้าเคยขึ้นไปอยู่บนดินแดนทวยเทพและฝึกฝนวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณเช่นกัน ได้ยินข่าวลือมาว่าวิชานี้เป็นของท่านมหาเทพแต่เพียงผู้เดียว แม้แต่บรรดาใต้เท้าใหญ่ทั้งห้าก็ไม่สามารถฝึกฝนได้สำเร็จ เคล็ดวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณถือเป็นเคล็ดวิชาต้องห้ามของเผ่าเทพพงไพร เพราะข้าได้รับทราบมาว่าผู้ที่จะฝึกวิชานี้ได้นั้น ในร่างกายต้องมีพลังปราณธาตุให้ครบห้าชนิดเสียก่อน”
“เจ้าเดาได้ถูกต้องแล้ว”
เมื่อนักพรตหญิงชินดื่มสุราจอกที่หก สองแก้มของนางก็แดงระเรื่อเล็กน้อย
นักพรตหญิงชินวางจอกสุรากลับลงไปบนโต๊ะ จ้องมองหลินเป่ยเฉินที่กำลังดื่มสุราจอกที่หกของตนเอง จากนั้นจึงกล่าวต่อไป “สิ่งที่ทำให้ชีวิตของนักรบเหยียนเหยียนเปลี่ยนไปตลอดกาล ก็คือคัมภีร์วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณนี้เอง และเพราะวิชานี้ นักรบเหยียนเหยียนจึงได้กลายเป็นท่านมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในภายหลัง… แต่เจ้าทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใด ผู้อื่นถึงฝึกวิชานี้ไม่ได้ และมีเพียงท่านมหาเทพผู้เดียวเท่านั้นที่ฝึกฝนได้สำเร็จ?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “น่าจะเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าหวงกระมัง”
“ใช่ ถูกต้อง” นักพรตหญิงชินกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ท่านมหาเทพรับเทพเจ้าหวงเป็นบุตรบุญธรรม นอกจากจะเลี้ยงดูเพราะอยากได้คัมภีร์ห้าธาตุหลอมวิญญาณแล้ว เขายังจับตัวเทพเจ้าหวงเอาไว้เพื่อเป็นหลักประกันของตนเอง เทพเจ้าหวงได้ถ่ายทอดเลือดเนื้อเปลี่ยนเส้นเอ็นเลาะกระดูกให้แก่ท่านมหาเทพ ดังนั้น ด้วยสภาวะร่างกายที่เปลี่ยนถ่ายพลังเช่นนี้ ท่านมหาเทพจึงสามารถฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณได้สำเร็จ และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนทวยเทพในเวลาต่อมา”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า ดื่มสุราจอกที่เจ็ดก่อนกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเคยได้ยินตำนานที่เล่าขานว่าเทพเจ้าหวงเป็นผู้บุกเบิกเมืองเยี่ยเฉิง ซึ่งกลายเป็นเมืองสำคัญในดินแดนทวยเทพ ณ ปัจจุบัน ว่าแต่ว่าภายหลังเขาเสียชีวิตได้อย่างไรขอรับ?”
เทพเจ้าหวงเป็นผู้ที่มาจากภพภูมิอื่นและน่าจะฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณสำเร็จเช่นกัน ระดับพลังของเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าท่านมหาเทพอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สุดท้ายกลับต้องเสียชีวิตลง
“ถูกลอบสังหาร”
นักพรตหญิงชินดื่มสุราเป็นจอกที่เจ็ดและตอบว่า “เป็นการลอบสังหารจากท่านมหาเทพและเหล่าลูกสมุนผู้ชั่วร้าย”
เป็นไปตามคาดจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินไม่แปลกใจเลยสักนิด “ลูกสมุนที่ท่านว่าคือใครบ้างขอรับ?”
“ใต้เท้าใหญ่ทั้งห้าของสภาเทพเจ้าและเทพสงครามทั้งหก…” นักพรตหญิงชินมองหน้าหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง รอคอยให้เขาดื่มสุราจอกที่แปดเสร็จเรียบร้อยจึงกล่าวต่อ “และยังมีอีกหนึ่งในผู้คนที่เทพเจ้าหวงไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด ซึ่งเป็นเพราะการทรยศของคนผู้นี้เอง ท่านมหาเทพจึงได้ครอบครองอำนาจมาอย่างยาวนาน มิเช่นนั้นแล้ว…”
บอกเล่ามาถึงตรงนี้ นางก็กระแทกจอกสุราลงบนโต๊ะอย่างแรง
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง
เขามองหน้านักพรตหญิงชินด้วยความพินิจพิเคราะห์ ความสงสัยบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวใจ
เหตุไฉนนางถึงรู้ข้อมูลมากมายนัก?
เหตุไฉนนางถึงได้มีอารมณ์รุนแรงเช่นนี้?
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเทพเจ้าหวงคืออะไรกันแน่?