เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1483 สอบถามความจริง
ตอนที่ 1,483 สอบถามความจริง
ในแดนสุขาวดี หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือ
แต่ไม่ว่าส่งข้อความวีแชตไปหาเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงสักเท่าไหร่ นางก็ไม่ตอบกลับมาเลยสักคำ
หรือว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกำลังเมาอีกแล้ว?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก เหตุไฉนนางถึงพึ่งพาไม่ได้อีกแล้ว? สาวกเทพีกระบี่ยิ่งน้อยลงทุกวัน จักรวรรดิเป่ยไห่ซึ่งเป็นแหล่งสาวกสำคัญของเทพีกระบี่ถึงกับล่มสลาย แต่ดูเหมือนเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด
แต่เมื่อลองมาคิดทบทวนดูแล้ว นักพรตหญิงชินเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าแดนสุขาวดีเป็นดินแดนที่ตัดขาดจากโลกภายนอก และด้วยเหตุนี้เองกระมัง หลินเป่ยเฉินถึงติดต่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงไม่ได้ในขณะนี้?
เด็กหนุ่มผิดหวังเล็กน้อย กำลังจะเก็บโทรศัพท์มือถือและนอนพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลัง แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็สั่นครืด มีคนตอบข้อความวีแชตของเขาแล้ว
‘น้องชาย ครั้งนี้เจ้ามีเรื่องอะไรอีก? เหตุไฉนถึงได้ไปมีเรื่องราวใหญ่โตบ่อยนัก?’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งข้อความตอบกลับมาด้วยความห่วงใย
หลินเป่ยเฉินหัวใจพองโตด้วยความดีใจ เลิกขมวดคิ้วหน้าบึ้งและยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ‘ข้ารู้ความลับสำคัญของท่านแล้ว’
‘หา? เจ้ารู้แล้วหรือว่าข้าเป็นผู้ที่มาจากภพภูมิอื่น?’
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
ไม่ใช่เรื่องนี้สักหน่อย
แต่เดี๋ยวก่อนนะ
นี่หมายความว่า…
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นผู้ที่มาจากภพภูมิอื่นจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
แม้ว่าก่อนหน้านี้ นักพรตหญิงชินจะเคยเอ่ยออกมาบ้างแล้ว แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้สนใจรับฟังสักเท่าไหร่ คิดไม่ถึงเลยว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผู้ทำตัวกลมกลืนกับดินแดนทวยเทพเป็นอย่างดี แท้ที่จริงนั้นนางก็มาจากภพภูมิอื่นเช่นกัน
เฮือก!
หัวใจที่พองโตของหลินเป่ยเฉินเริ่มกลับมาเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
หลักฐานมากมายเริ่มประกอบรวมกัน
เหตุผลที่ระบบเทพเจ้าล่มสลาย อาจเป็นเพราะว่าเทพีกระบี่ตัวจริงถูกฆ่าตายและเทพีกระบี่คนใหม่ที่ขึ้นครองตำแหน่งแทนนั้นเป็นผู้ที่มาจากภพภูมิอื่น… ก็สมควรแล้วล่ะนะที่ระบบจะล่มสลาย…
หากเป็นเช่นนี้ นี่ก็หมายความว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นผู้นำหอกแห่งโชคชะตาเข้ามาจากภพภูมิอื่น เพื่อใช้เป็นอาวุธสังหารเทพเจ้าหวงจริง ๆ สินะ
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก
หลังจากที่รับฟังเรื่องเล่าด้วยความเมามายของนักพรตหญิงชิน หลินเป่ยเฉินยังคงไม่ปักใจเชื่อว่าทุกอย่างที่นักพรตหญิงชินพูดออกมานั้นจะเป็นความจริง แต่ขณะนี้ ดูเหมือนหลักฐานจะแน่นหนามากแล้ว
นี่ทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกลำบากใจ
นักพรตหญิงชินสุดที่รักของเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับเทพเจ้าหวง นางอยากแก้แค้นให้แก่เทพเจ้าหวง และเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดวางแผนสังหารเทพเจ้าหวง ทว่าหญิงสาวทั้งสองนางนี้กลับมีบุญคุณต่อเขาไม่น้อย…
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ทำไมเขาถึงต้องนำเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมาเปรียบเทียบกับนักพรตหญิงชินด้วยล่ะ?
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็เป็นแค่คนที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากนางเท่านั้น
ไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะต้องนำนางมาเปรียบเทียบกับนักพรตหญิงชินสุดที่รักของตนเอง
หลินเป่ยเฉินรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะพิมพ์ข้อความด้วยความรีบร้อน ‘ใช่ ข้ารู้แล้วว่าท่านเป็นคนจากภพภูมิอื่น ท่านต้องอธิบายมาเดี๋ยวนี้ เหตุไฉนหอกแห่งโชคชะตาเล่มนั้นถึงได้มาแทงข้าเกือบตายแล้ว’
‘อ้าว? หอกเล่มนั้นถูกขโมยไปอีกแล้วหรือ?’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งเป็นข้อความเสียงตอบกลับมาด้วยความประหลาดใจ ‘ข้านึกว่ามันถูกทำลายไปแล้วเสียอีก แต่หากเจ้ายังส่งข้อความมาได้เช่นนี้ แสดงว่าเจ้ายังไม่ตายสินะ ไม่ต้องห่วง เจ้าฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ หอกเล่มนี้ฆ่าเจ้าไม่ได้หรอก… แต่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันชื่อหอกแห่งโชคชะตา? ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของข้า แต่ภายหลังก็ถูกขโมยไป…’
หลินเป่ยเฉินรับฟังข้อความเสียงจากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ในหัวของเขามีคำแค่สองพยางค์เท่านั้นว่า
โคตรแถ
แต่เขาก็ได้ข้อมูลมาเยอะเหมือนกัน
‘ใครเป็นผู้ขโมยหอกเล่มนั้นไป?’
‘เป็นเทพีกระ…เอ้อ คนไม่สำคัญหรอก’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งข้อความเสียงตอบมาอย่างตะกุกตะกัก
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะและส่งข้อความเสียงกลับไปบ้างว่า ‘ข้ารู้ความจริงแล้ว ท่านคือเทพีกระบี่คนปัจจุบันใช่หรือไม่?’
ครั้งนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเงียบหายไปอึดใจใหญ่ ก่อนจะส่งข้อความเสียงกลับมาว่า ‘คนบ้าแซ่ชินบอกเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะ? เจ้า… ยังรู้อะไรอีก?’
คนบ้า?
คนบ้าแซ่ชิน?
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะตอบกลับไป ‘ข้ารู้ว่าท่านเป็นเทพีกระบี่องค์ใหม่ ผู้ขึ้นมาครองตำแหน่งแทนเทพีกระบี่องค์เก่า ส่วนเรื่องราวที่ท่านเคยเล่าให้ข้าฟังทั้งหมดก่อนหน้านี้ ล้วนแต่เป็นคำโกหกทั้งสิ้น ฮ่า ๆๆ’
‘อุ๊ย… ถูกต้องแล้วเจ้าค่า แต่ตอบถูกก็ไม่มีรางวัลให้หรอกนะจ๊ะ’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งข้อความเสียงตอบมาด้วยความเจ็บใจและประชดประชัน
เห็นได้ชัดว่าการถูกเปิดโปงความจริงทำให้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
หลินเป่ยเฉินนึกภาพออกเลยว่าป่านนี้นางคงกระทืบเท้าด้วยความเดือดดาลอยู่แน่ ๆ
‘คิดไม่ถึงเลยว่านางคนเสียสติผู้นั้นจะพูดทุกอย่างออกมาจริง ๆ ไม่ทราบว่านางพูดออกมาตอนเมามายใช่หรือไม่?’ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงถามต่อด้วยความเจ็บใจ
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม ‘เป็นนางเมามายจริง ๆ’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเงียบหายไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะส่งข้อความเสียงกลับมาด้วยความเกรี้ยวกราด ‘ในเมื่อนางทำกันถึงขนาดนี้ ข้าก็คงไม่ต้องเกรงใจอีกแล้ว ข้าเองก็รู้ความลับของนางอยู่ไม่ใช่น้อย เจ้าอยากจะทราบความลับของนางบ้างหรือไม่?’
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูง ตอบกลับไปว่า ‘ไม่อยากทราบ’
‘เฮอะ ถึงอย่างนั้นข้าก็จะบอก’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกัดฟันกรอดและพูดต่อ ‘ข้าจะบอกความลับของนางให้เจ้ารู้ น้องชาย คนแซ่ชินไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เจ้าคิด แม้ว่าครั้งหนึ่งนางจะเคยเป็นเช่นนั้นก็ตาม ก่อนที่ข้าจะเข้ามาอยู่ในดินแดนทวยเทพนั้น ว่ากันว่าคนแซ่ชินมีความงดงามบริสุทธิ์สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน อีกทั้งยังเป็นบุตรีที่ท่านมหาเทพโปรดปรานมากที่สุด…’
หลินเป่ยเฉินมีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์
ว่าต่อเลย
เขาอยากรู้ใจจะขาดแล้ว
แต่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกลับหยุดชะงักเสียอย่างนั้น
‘บุตรี? นางเป็นบุตรในสายเลือดของท่านมหาเทพหรือ?’
หลินเป่ยเฉินถามกลับไปเพราะทนรอไม่ไหว
‘ไม่ใช่ ข้าได้ยินมาว่าเป็นเพียงบุตรบุญธรรม’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งข้อความเสียงตอบกลับมา ‘ท่านมหาเทพเสมือนเป็นโรคจิตบางประการ เขาเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมเอาไว้หลายสิบคน ตราบใดที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ ท่านมหาเทพก็จะอุปการะเลี้ยงดูไว้’
‘ในจำนวนบุตรบุญธรรมเหล่านี้ คนบ้าแซ่ชินและเด็กน้อยจากภพภูมิอื่นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุด พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรมคนโปรดของท่านมหาเทพ ระหว่างทั้งสองคนมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องในสายเลือด แต่เมื่อท่านมหาเทพคิดสังหารเทพเจ้าหวง นั่นก็ทำให้คนแซ่ชินถึงกับเสียสติจนถูกขับไล่ออกมา…’
ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ
ค่อยโล่งใจหน่อย
ไม่งั้นก็เท่ากับว่าหลินเป่ยเฉินกำลังคิดฆ่าพ่อตาของตนเองเชียวนะ
เขาถามต่อไปด้วยความสงบสุขุม ‘แล้วทำไมท่านมหาเทพถึงต้องคิดสังหารเทพเจ้าหวงด้วย? เหตุไฉนเขาจึงต้องขับไล่นักพรตหญิงชิน?’
หลินเป่ยเฉินเริ่มเป็นกังวลเล็กน้อยว่าหากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรู้ตัวว่าตนเองเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป นางก็จะไม่พูดอะไรอีกเลย
คิดไม่ถึงว่าเขาจะประเมินความสามารถในการคิดวิเคราะห์แยกแยะของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงสูงเกินไป นางยังคงตอบข้อความโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น นอกจากระบายออกมาเพราะความโกรธแค้นล้วน ๆ
‘ตอนนั้นน่ะนะ ข้าเพิ่งจะมาถึงดินแดนทวยเทพไม่นาน ยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ใหม่สักเท่าไหร่ และข้าก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ต่อมา ข้าได้พบกับเทพีองค์หนึ่งที่คอยช่วยเหลือข้าเป็นอย่างดี ดังนั้น ข้าจึงมาปักหลักใช้ชีวิตอยู่กับนางที่ชานเมืองเยี่ยเฉิง ค่อย ๆ ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างช้า ๆ แต่ข้ามันไร้เดียงสามากเกินไป คิดว่าเทพีองค์นั้นเป็นดั่งพี่สาวของตนเอง แต่ใครจะไปรู้เลยว่านางมีเจตนาแอบแฝง นางตั้งใจมาตีสนิทกับข้าเพื่อหวังขโมยสิ่งของของข้าไป…’