เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1489 ธงรบวิหคดำ
ตอนที่ 1,489 ธงรบวิหคดำ
คำถามของเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ไม่ได้รับคำตอบ
เพราะใต้เท้าซินไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
แต่ม่านพลังยังคงอยู่
ม่านพลังครอบคลุมทั่วบริเวณของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน สิ่งปลูกสร้างที่พังถล่มทลายก่อนหน้านี้ฟื้นฟูกลับมาดังเดิม และแม้แต่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นม่านพลังของใต้เท้าซินแน่ ๆ”
เทพนภาและเทพอัคคีหันมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นความมึนงงสงสัยในดวงตาของกันและกัน
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?
สำหรับคนนอกอาจไม่รู้ แต่สำหรับกลุ่มเทพสงครามรู้เป็นอย่างดีว่าแผนการบุกโจมตีคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบจากสภาเทพเจ้า
แต่หนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้ากลับยื่นมือเข้าช่วยเหลือคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน?
นี่หมายความว่ามีการตลบหลังกันเกิดขึ้นในสภาเทพเจ้าใช่หรือไม่?
หากเป็นเช่นนั้นจริง แผนการบุกโจมตีในครั้งนี้ก็ไม่มีสิ่งใดควรค่าแก่การเชื่อใจอีกแล้ว และหากกลุ่มเทพสงครามไม่ระมัดระวังตัวมากพอ ก็อาจจะกลายเป็นพวกเขาเสียเองที่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง
“ได้โปรดยกเลิกการช่วยเหลือ มิฉะนั้น พวกเราคงต้องล่วงเกินใต้เท้าแล้ว”
เทพนภาพูดออกมาช้า ๆ เสียงดังกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า
นี่คือการประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน
เขาเชื่อว่าใต้เท้าซินต้องเข้าใจ
แต่นางไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
ดูเหมือนว่าใต้เท้าซินจะอยู่ที่นี่ เพียงแต่ไม่อยากแสดงตัวออกมาเท่านั้น
เพราะม่านพลังยังคงไม่สลายไป
กลุ่มเทพสงครามทั้งสาม ซึ่งประกอบไปด้วยเทพนภา เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่และเทพอัคคีต่างตกอยู่ในความเงียบงัน ดวงตาร้อนผ่าวด้วยความขุ่นเคืองใจ
ใต้เท้าใหญ่ทั้งห้าแห่งสภาเทพเจ้าได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับท่านมหาเทพมากที่สุด ใต้เท้าซินเป็นผู้ชำนาญการใช้ค่ายอาคม แม้แต่ระดับใต้เท้าใหญ่ด้วยกันเองยังยากที่จะสลายค่ายอาคมนี้ลงไปได้…
แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดีนะ?
เทพสงครามทั้งสามเกิดอาการลังเล
แม้แต่เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากกวาดล้างคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนมากที่สุดก็ยังไม่กล้าลงมือใด ๆ
สถานการณ์น่าอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
…
บนพื้นดิน
ความรู้สึกเจ็บปวดบนใบหน้าเฉียนหลงได้หายไปหมดสิ้นแล้ว
เขารีบนำกระจกออกมาส่องดู
แต่เมื่อเห็นเงาสะท้อนใบหน้าของตนเองในกระจก บุรุษหนุ่มก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะล้มพับหมดสติไป
“แย่แล้ว ท่านแม่ทัพกำลังจะตาย”
“ท่านแม่ทัพถูกพิษไม่หายใจแล้ว…”
“หมอยาอยู่ไหน หมอยา? …รีบไปตามหมอยาลู่มาเร็วเข้า”
“ไม่ต้องตกใจ ไหนขอข้าดูก่อน… เอ๊ะ เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ชีพจรของท่านแม่ทัพปกติดี มวลพลังก็ยังไหลเวียนราบรื่น เหตุไฉนจึงได้หมดสติไปเช่นนี้?”
“เจ้ามองไม่เห็นหรืออย่างไร ดูใบหน้าของท่านแม่ทัพสิ”
บรรดาผู้ติดตามที่ยืนอยู่ล้อมรอบเฉียนหลงต่างก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลออกมา
ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา เฉียนหลงคือแม่ทัพแนวหน้าที่คอยช่วยเหลือและปลุกขวัญกำลังใจนายทหารทุกคน ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือจากเฉียนหลงในห้วงเวลาคับขัน ดังนั้น ภาพลักษณ์ของเขาต่อสายตาของทุกคนในขณะนี้จึงมีความสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มคนพยายามปฐมพยาบาลเฉียนหลงอยู่นานจนกระทั่งเขาลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้ง
“จบสิ้นแล้ว…”
บุรุษหนุ่มพึมพำด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ต่อจากนี้ไป ข้าจะไปยืนอยู่ในกลุ่มบุรุษหนุ่มรูปงามแห่งดินแดนทวยเทพได้อย่างไร ยังจะมีสตรีนางใดอยากวัดพลังเอวกับข้าอีก… ใบหน้าของข้าเสียโฉมแล้ว ข้าตายเสียดีกว่า”
ฮื่อ
นับว่าใบหน้าของเฉียนหลงเสียโฉมแล้วจริง ๆ
…
ในเวลาเดียวกันนี้
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์อีกสี่คนที่เหลืออยู่ต่างก็ใช้โอกาสนี้จัดเตรียมโอสถวิเศษ สมุนไพรวิเศษและศิลาเทวะรวมถึงสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ในการช่วยเหลือบรรดากำลังพลของตนเองฟื้นฟูพลัง เพื่อรับมือการโจมตีระลอกใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า…
เพราะพวกเขาทราบดีว่าการต่อสู้ยังไม่จบ
ในฐานะที่เป็นสมาชิกกลุ่มห้าแม่ทัพใหญ่ กวนรั่วเฟย ลู่ปิงเหวิน มู่หลินเซินและซือเกินตั๋งจึงมีสถานะที่สูงส่ง ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา พวกเขาได้แสดงความกล้าหาญออกมาไม่ได้น้อยหน้าเฉียนหลง บัดนี้ ทั้งสี่คนจึงได้รับความเคารพเป็นอย่างสูงเช่นกัน
การต่อสู้ที่เพิ่งยุติลงเมื่อสักครู่ทำให้ฝ่ายเทพสงครามต้องสูญเสียกำลังพลไปใหญ่หลวง คำนวณดูคร่าว ๆ ก็ได้ความว่า กองทัพเทพสงครามต้องสูญเสียนักรบเทวะกว่าหมื่นคน และต้องสูญเสียนักเวทไปอีกเกือบพันคน
แต่ทางคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนก็สูญเสียไม่น้อยเช่นกัน
ด้วยการตกลงสู่กับดักและถูกลอบสังหารจากฝ่ายกองทัพเทพสงคราม กองทัพของเจี๋ยนเซียวเหยาก็ต้องสูญเสียเทพเจ้าผู้ติดตามไปถึงสามสิบแปดคน
แต่ความตายของเพื่อนร่วมรบไม่ได้ทำให้สมาชิกของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนตื่นกลัว
มิหนำซ้ำ มันยังทำให้พวกเขาโกรธแค้นและอยากจะต่อสู้ฆ่าฟันมากกว่าเดิม
หลังจากได้ฟื้นฟูพลังเพียงไม่นาน ร่างกายของทุกคนก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม
“พวกเราพร้อมกันแล้วใช่ไหม… เอ๋?”
ลู่ปิงเหวินพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความพิศวง
ในเวลาเดียวกันนี้ กลุ่มเทพเจ้าทั้งหมดรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นผิดปกติ และพวกเขาก็เงยหน้ามองท้องฟ้าเช่นกัน
บนท้องฟ้า เมฆดำก่อตัวขึ้น
เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ท้องฟ้าสีครามทั่วเมืองเยี่ยเฉิงก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึน แสงแดดหายไป หลงเหลือเพียงความมืดมิดคล้ายกับราตรีกาลมาเยือน
ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยเมฆดำ
พลังกดดันคุกคามมหาศาล ดูเหมือนว่าวันแห่งการทำลายล้างจะมาถึงแล้ว
หัวใจของทุกคนเต้นระทึกด้วยความหวาดกลัว
สัญชาตญาณบอกพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวว่า…
บางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้น
ทันใดนั้น สิ่งที่น่ากลัวก็ได้เกิดขึ้นจริง ๆ
ธงสีดำผืนหนึ่งได้ลอยตัวออกมาจากกลุ่มเมฆดำ ผืนธงโบกสะบัดปลิวไสวตามแรงลม ทำให้ลายนกที่ปักอยู่บนผืนธงดูคล้ายกับกระพือปีกเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตและเสาธงผืนนั้นก็กำลังพุ่งดิ่งลงมาสู่พื้นดินไม่ต่างจากการทิ้งสมอเรือน่าตะลึง
…
“นั่นมัน… ธงรบวิหคดำ”
นักเวทสาวในชุดนักรบหลี่อี้เทียนซึ่งกำลังรีบรุดกลับไปยังคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนพลันหยุดชะงักตัวสั่นเทา สีหน้าตกตะลึง จ้องมองธงรบวิหคดำบนท้องฟ้าราวกับว่าตนเองกำลังพบเห็นจุดสิ้นสุดของโลก!
“ธงรบวิหคดำ?”
ฉู่เหินเองก็หยุดชะงักเช่นกัน
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิด จ้องมองไปยังผืนธงสีดำทมิฬนั้น ก่อนจะหันมามองอาการตัวสั่นเทาของหลี่อี้เทียน หัวใจกระตุกวูบด้วยสังหรณ์อัปมงคล “มันคืออะไร?”
ฉู่เหินไม่ใช่ตัวโง่งม แต่เขาเพิ่งขึ้นมาอยู่บนดินแดนทวยเทพได้ไม่นาน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งฉู่เหินไม่รู้จัก
“ธงรบวิหคดำ เป็นธงประจำตัวของท่านมหาเทพ”
เสียงอ่อนระโหยตอบกลับมา
เป็นฮันลั่วเซวี่ยได้สติฟื้นคืนกลับมาแล้ว
นางมีใบหน้าซีดเซียว สภาพร่างกายยังอยู่ในขั้นย่ำแย่ แต่ก็ยังพยายามพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “ใต้เท้าเหลียนเคยเล่าให้ข้าฟังว่า เมื่อธงผืนนี้ปรากฏขึ้น นั่นหมายถึงการอนุมัติให้สามารถกวาดล้างศัตรูได้อย่างไม่มีข้อจำกัด…”
“พวกเราแย่แน่”
หลี่อี้เทียนเสียงสั่นเล็กน้อยขณะกล่าวอย่างช้า ๆ “งั้นนี่ก็หมายความว่าการบุกโจมตีวิหารของเจี๋ยนเซียวเหยาในครั้งนี้ เป็นคำสั่งของท่านมหาเทพสินะ”
ฉู่เหินถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำนั้น
เขาจำได้ดีถึงสิ่งหนึ่งที่หลินเป่ยเฉินเคยอธิบายเอาไว้
ก็ไหนว่าท่านมหาเทพตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมธงรบวิหคดำจึงยังปรากฏออกมาได้อีก?
หรือจะมีผู้อื่นแอบอ้างชื่อของท่านมหาเทพ?
หรือท่านมหาเทพยังไม่ได้เสียชีวิตจริง ๆ และเขาก็หาวิธีประกาศศักดา ทำให้หลินเป่ยเฉินรู้ว่าเรื่องราวทุกอย่างต้องจบลงโดยเร็วที่สุด
น่าเสียดายที่เวลานี้แก้ไขอะไรไม่ทันอีกแล้ว!