เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1514 องค์ราชินีแห่งดินแดนทวยเทพ
ตอนที่ 1,514 องค์ราชินีแห่งดินแดนทวยเทพ
“ที่นี่คือด้านในสนามพลังใช่ไหมวะ?”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินมองเห็นแต่แสงสว่างสีขาว
เขาถูกพันธนาการร่างกายราวกับบ๊ะจ่าง เหลือเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่สามารถขยับหันมองรอบข้างได้
และเด็กหนุ่มก็พบว่าตนเองกำลังอยู่ในดินแดนที่มีแต่แสงสีขาว
รอบกายไม่มีสิ่งของใดอยู่เลย
แต่หลินเป่ยเฉินยังมองเห็นใครบางคน
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่วา
นางเองก็ถูกพันธนาการด้วยเชือกสีเงินไม่ต่างจากบ๊ะจ่างเช่นกัน ซ้ำร้ายยังถูกจับห้อยหัวกลางอากาศ เส้นผมห้อยตกลงมาด้านล่าง ตลอดเวลาสบถคำหยาบ พยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระ
มีคลื่นพลังดูดวิญญาณที่แผ่ออกมาจากศูนย์กลางดินแดนแห่งแสงสว่างนี้
เมื่อลองเพ่งมองดูให้ดี ก็จะเห็นเด็กสาวร่างสูงผู้หนึ่งลอยตัวแน่นิ่งอยู่ในอากาศ สองแขนของนางกางออกกว้าง เส้นผมยาวสลวยปลิวไสว
“ใครกันนะ?”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอีกฝ่ายไม่น้อย
เหมือนเขาเคยรู้จักนางมาก่อน
แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก
สิ่งสำคัญคือพลังดูดวิญญาณที่แผ่ออกมาจากตัวเด็กสาวผู้นี้ต่างหาก แสงสว่างรอบกายถูกดูดเข้าสู่ลำตัวของนางตลอดเวลา…
และด้วยแรงดูดมหาศาลเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขาก็กำลังถูกดูดออกไปเช่นกัน
เช่นเดียวกับทางฝั่งของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง
พลังในร่างกายของนางเริ่มลดน้อยลง
นี่แสดงให้เห็นว่าสนามพลังของค่ายอาคมดูดวิญญาณมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาเคยคาดคิด แม้แต่เทพเจ้าระดับสูงอย่างหลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ยังไม่สามารถต้านทานการดูดกลืนของมันได้
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น รับรองว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายก็คงแหลกสลาย ไม่ต่างจากนักบวชทั้งสองพันคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เกินสองชั่วยามเท่านั้น หลินเป่ยเฉินกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็จะถูกดูดพลังไปจนหมดตัว
“ข้าเข้าใจแล้ว พลังชีวิตที่ค่ายอาคมดูดกลืนเข้ามา ล้วนถูกส่งมาที่เด็กสาวนางนี้…”
เมื่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเห็นการดูดกลืนพลังของเด็กสาวปริศนา นางก็ยุติการดิ้นรนทันที
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงอธิบายต่อไปด้วยความดีใจว่า “พวกมันสร้างสนามพลังเปิดการใช้งานค่ายอาคมดูดวิญญาณทั่วแผ่นดินตงเต้า หลังจากนั้น พลังทั้งหมดก็จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณในร่างกายของเด็กสาวผู้นี้…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
วูบ!
ร่างของโอรสสวรรค์พลันปรากฏขึ้นตรงหน้า
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าขนาดถูกจับโยนเข้ามาในนี้ พวกเจ้าก็ยังไม่ตายอีก สวรรค์ช่างเมตตาพวกเจ้าเหลือเกิน”
เขามีสีหน้าสุขสมและกระตือรือร้น
ในที่สุด เวลานี้ก็มาถึงแล้ว
แผนการที่โอรสสวรรค์วางไว้สำเร็จด้วยดี
โอรสสวรรค์หันไปมองทางเด็กสาวร่างสูงในอากาศพลางเลียริมฝีปาก ผลไม้ของเขาสุกงอมได้ที่พร้อมสำหรับรับประทานแล้ว
หัวใจของโอรสสวรรค์พองโต
ร่างของเด็กสาวปริศนาค่อย ๆ ลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้า
โอรสสวรรค์หมุนวนมือข้างหนึ่งในอากาศ ราวกับกำลังเขียนอักขระบางอย่างลงบนตัวของเด็กสาว
แสงสีเงินระเบิดจ้า
แสงสว่างที่ครอบคลุมทั่วร่างกายเด็กสาวพลันสลายหายไป
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้เห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจน
“มู่ซินเยว่?”
หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึง
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตนเองจะได้มาพบเจอกับอดีตคนรักเก่าอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพบเจอในสถานการณ์เช่นนี้
“เจ้ารู้จักนางด้วยหรือ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพยายามขยับตัวเพื่อหันหน้าแบบกลับหัวหันมาทางหลินเป่ยเฉิน และหลังจากพยายามหมุนตัวอยู่หลายรอบ สุดท้าย เทพีขี้เมาก็สามารถพลิกตัวกลับมายืนเหมือนคนปกติได้อีกครั้ง
“เอ่อ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย… นางเป็นคนรักเก่าของข้าเอง”
หลินเป่ยเฉินพยายามลอกเลียนแบบพลังปราณในตัวโอรสสวรรค์ หวังว่าเชือกสีเงินที่รัดพันร่างกายของตนเองจะถูกหลอกและคลายตัวออกไป
แต่ก็ล้มเหลว
โชคดีที่คลื่นพลังดูดวิญญาณได้ยุติลงแล้ว ระดับพลังในร่างกายของหลินเป่ยเฉินจึงไม่ได้ลดน้อยลงไปอีก เพราะฉะนั้น เขาจึงยังมีโอกาส
“อะไรนะ? เจ้ามีคนรักเก่าเช่นนี้ด้วยหรือ ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อน?” เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถามด้วยน้ำเสียงเสียใจและโกรธเคือง
โอรสสวรรค์ที่ยืนอยู่ด้านข้างอดประหลาดใจไม่ได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะสนุกสนานถึงเพียงนี้
หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงหัวใจสลาย “ฮื่อ มันเป็นอดีตที่ข้าไม่อยากจดจำสักเท่าไหร่…”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง “เจ้ารู้ทั้งรู้อย่างนี้ เมื่อสักครู่ยังปล่อยให้นางดูดพลังไปจากพวกเราตามใจชอบอีก หรือว่าเจ้าอยากตายด้วยน้ำมือของนาง…”
“ฮ่า ๆๆ”
โอรสสวรรค์พลันเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า “จริงหรือ? น่าเสียดายนักที่วิญญาณคนรักเก่าของเจ้า ต้องตกเป็นของข้าเสียแล้ว”
เขาตื่นเต้นยิ่งนัก
โอรสสวรรค์รอคอยเวลานี้มานานแล้ว
จังหวะนั้น มู่ซินเยว่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
เมื่อนางมองเห็นหลินเป่ยเฉิน สีหน้าก็แสดงออกถึงความตกตะลึง
แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เด็กสาวก็มีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
“สำเร็จ สำเร็จแล้ว…”
โอรสสวรรค์ยื่นมือไปสัมผัสแก้มขาวเนียนของมู่ซินเยว่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ทันใดนั้น หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ ดวงตาเบิกโต
ความหวาดกลัวสุดขีดเกาะกุมจิตใจของเขา
“ไม่จริงน่า ค่ายอาคมบูชายัญยังเหลือเวลาอีกตั้งวันนึงไม่ใช่เหรอ? แล้วการหลอมรวมพลังจะสำเร็จได้ไง…”
ตามข้อมูลจากฉินโซวและแผนผังการทำงานของค่ายอาคมชนิดนี้ กว่าที่มันจะหลอมรวมพลังจากทั่วแผ่นดินตงเต้าได้ครบถ้วน ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าอีกหนึ่งวัน
แล้วทำไมโอรสสวรรค์ถึงพูดว่าสำเร็จแล้ว?
หรือนี่หมายความว่า…
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในแผ่นดินตงเต้าถูกดูดพลังชีวิตหมดสิ้นแล้วจริง ๆ?
หลินเป่ยเฉินตกตะลึง
…
บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ด้านในปราสาทหลังใหญ่
เว่ยหมิงเฉินยังไม่ตาย
ในที่สุด ร่างกายของเขาฟื้นตัวแล้ว แม้ใบหน้าจะซีดขาวไปสักหน่อย แต่แววตาก็กลับมาเป็นประกายดุดันดังเดิม
“พระองค์ท่าน”
คนสี่คนคุกเข่าอยู่บนพื้น
ย่อมเป็นใต้เท้าเหลียน เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ เทพอัคคี และใต้เท้ากั้ว
ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเทพเจ้าชื่อดังจากดินแดนทวยเทพมาปรากฏตัวอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่
ในการต่อสู้ที่ดินแดนทวยเทพ ใต้เท้าเหลียนพ่ายแพ้ให้แก่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง แต่สุดท้ายก็หนีรอดมาได้สำเร็จ เช่นเดียวกับเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่และเทพอัคคี
ส่วนใต้เท้ากั้วก็พ่ายแพ้ให้แก่นักเวทชราอู่จิว แต่ชายชราผู้นั้นยังคงไว้ไมตรีอยู่บ้าง จึงเปิดโอกาสให้ใต้เท้ากั้วหลบหนีออกมาได้สำเร็จ
อดีตเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่จึงมีสภาพไม่ต่างจากสุนัขเร่ร่อน
พวกเขาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเว่ยหมิงเฉิน ร่างกายสั่นเทา หัวใจหวาดกลัว
“ลุกขึ้นเถอะ ข้ารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหมดแล้ว”
เว่ยหมิงเฉินโบกมือเล็กน้อยและกล่าวต่อ “ไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้า ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของข้า”
เทพเจ้าทั้งสี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
แม้ว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าจะเป็นร่างกำเนิดใหม่ของท่านมหาเทพ แต่พวกเขากลับรู้สึกไม่ต่างจากพบเจอความกดดันจากท่านมหาเทพคนเดิมอย่างไรอย่างนั้น
แต่หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม?
พวกเขาพ่ายแพ้
เจี๋ยนเซียวเหยาแผ่อิทธิพลยึดครองดินแดนทวยเทพ
แล้วท่านมหาเทพจะควบคุมทุกอย่างได้อย่างไร?
เมื่อเห็นสีหน้าพิศวงสงสัยของเทพเจ้าทั้งสี่ เว่ยหมิงเฉินก็ยิ้มตอบด้วยความมั่นใจ
“ในที่สุด โอกาสที่พวกเรารอคอยมาอย่างยาวนานนับพันปีก็ได้มาถึงแล้ว พวกเจ้าคงรู้ดีว่าดินแดนทวยเทพเป็นเพียงบ่อน้ำเล็ก ๆ เท่านั้น โลกภายนอกยังมีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่พวกเจ้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน…”
“ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไม่ลังเลที่จะสละชีวิตเทพเจ้าของตนเองมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง เพื่อหาวิธีที่จะได้เดินทางไปสู่ดินแดนอันกว้างใหญ่นั้น…”
“และบัดนี้ โอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตก็ได้มาอยู่ในมือของข้าแล้ว”
ระหว่างที่พูด บุรุษหนุ่มก็ยื่นมือออกมาข้างหน้า “ออกมาเถอะ… ราชินีของข้า ผู้อยู่เบื้องหลังแผนการในดินแดนทวยเทพ ระหว่างที่ข้ามากำเนิดใหม่อยู่ในแผ่นดินตงเต้า นางคือผู้ควบคุมทุกอย่างในเมืองเยี่ยเฉิงอย่างแท้จริง นางคือคนรักของข้า นางคือราชินีของข้า… คือแม่เลี้ยงของพวกเจ้า!”
ร่างระหงเดินนวยนาดออกมาจากด้านข้างห้องโถงใหญ่ มือของนางยื่นออกมาจับมือเว่ยหมิงเฉินแนบแน่น
เส้นผมของนางยาวสลวย เรือนร่างสวยงาม เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของสตรีผู้โตเต็มวัย
ขณะนี้ เทพเจ้าทั้งสี่ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง ดวงตาเบิกโตด้วยความไม่อยากเชื่อ