เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1548 ตัดญาติขาดมิตร
ตอนที่ 1,548 ตัดญาติขาดมิตร
หลิวอู่เหยียนพ่นลมผ่านทางจมูกแล้วออกคำสั่งว่า “ผู้อาวุโสอวี้ มอบคัมภีร์ให้แก่เขา”
ทุกคนแยกย้ายสลายตัว
อวี้อู๋เฉียนนำพาหลินเป่ยเฉินกลับไปสู่ที่พักอย่างรวดเร็ว
แว่วเสียงจักจั่นลอยอยู่ในอากาศ
อารมณ์ความรู้สึกที่รุ่มร้อนพลันผ่อนคลายลง
“คุณชายหลิน วันนี้ท่านก่อเรื่องใหญ่โตเอาไว้เสียแล้ว”
อวี้อู๋เฉียนมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยสายตาสับสน
ตอนแรก เขาเพียงเข้าใจว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่ไม่มีวิชาบู๊ติดตัว เพราะวันทั้งวันหลินเป่ยเฉินเอาแต่รับประทานอาหารสุรากินนอนอยู่บนยอดเขาแห่งนี้นานนับเดือน ดังนั้นอวี้อู๋เฉียนจึงคิดไม่ถึงที่เด็กหนุ่มจะมีฝีมือการต่อสู้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มอบคัมภีร์มาให้ข้าเถอะ”
หลินเป่ยเฉินยื่นมือออกมาข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนแม้แต่น้อย
อวี้อู๋เฉียนส่งคัมภีร์สำรวจจิตให้แก่หลินเป่ยเฉินและอธิบายข้อมูลพื้นฐานอีกครั้งด้วยความอดทน
“ท่านลุงอวี้ เหตุไฉนท่านจึงดีกับข้าถึงเพียงนี้? อย่าบอกนะว่า…”
หลินเป่ยเฉินหรี่ตามองหน้าชายวัยกลางคน “ข้าขอแนะนำให้ท่านเลิกล้มความคิดนั้นซะ เพราะข้าไม่ได้ชอบบุรุษ”
“พรวด…”
อวี้อู๋เฉียนเกือบจะกัดลิ้นตนเองตายแล้ว “เป็นเพราะท่านติดเงินข้าอยู่ต่างหาก หากท่านตายไป แล้วเงินสองร้อยตำลึงของข้าจะไปเก็บเอากับผู้ใด?”
“เรื่องนั้นท่านวางใจเถอะ อีกไม่นานข้าใช้คืนท่านแน่”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ “ว่าแต่ผู้อาวุโสอวี้ขอรับ บัดนี้ข้าเดือดร้อนเรื่องเงินอีกแล้ว ไม่ทราบว่าท่านพอจะให้ข้ายืมเงินอีกสักครั้งได้หรือไม่?”
อวี้อู๋เฉียนตอบกลับทันที สีหน้าแข็งกระด้าง “ไม่ได้”
“แล้วถ้าข้าแลกเปลี่ยนด้วยของสิ่งนี้ล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินพูดพร้อมกับล้วงหยิบผลไม้ลักษณะเหมือนแอปเปิ้ลลูกเล็ก ๆ ออกมา “ไม่ทราบว่าผลไม้ลูกนี้มีมูลค่าเท่าใด?”
หลายวันที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินขโมยพืชผักผลไม้มาจากสวนของผู้อื่นวันละหนึ่งครั้ง
เขาไม่รู้เลยว่าพวกมันมีมูลค่าเพียงใด
“นี่คือผลหัวใจมังกรนี่นา?”
อวี้อู๋เฉียนถึงกับหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง “นี่คือ… ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ระดับ 4 คุณชายไปได้มาจากไหน? มันถูกปลูกแต่เฉพาะในสวนสมุนไพรวิเศษของสำนักกระบี่เหินฟ้าเราเท่านั้น หรือว่า…”
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนก็นึกถึงเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นในสำนักไม่นานมานี้ ผู้อาวุโสหนงซัวผู้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งสำนักของพวกเขาได้ป่าวประกาศว่ามีหัวขโมยแอบเข้าไปขโมยผลหัวใจมังกรของนางออกมาจนหมดสวน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้จิตใจของแม่นางหนงซัวบอบช้ำเป็นอย่างยิ่ง…
อย่าบอกนะว่า…
อวี้อู๋เฉียนจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึง “คุณชายคงไม่ได้ไปขโมยมาจากสวนของผู้อาวุโสหนงหรอกกระมัง?”
“ท่านลุงพูดอะไรออกมาเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ “ท่านกำลังจะบอกว่าผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์อย่างข้า เที่ยวไปลักขโมยพืชผลของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
อวี้อู๋เฉียนยื่นส่งถุงบรรจุเงินสองร้อยตำลึงเงินออกไปโดยไม่ลังเล “ผลหัวใจมังกรหนึ่งลูกมีค่าเท่ากับสองร้อยห้าสิบตำลึงเงิน ข้าจะให้ท่านสองร้อยตำลึงและจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“ย่อมได้”
หลินเป่ยเฉินไม่อยากจะขูดเลือดขูดเนื้อกับผู้อาวุโสท่านนี้มากเกินไปนัก
“คุณชายยังมีอีกหรือไม่?”
อวี้อู๋เฉียนรับประทานผลหัวใจมังกรหมดลูกเพียงไม่กี่คำ จึงถามออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ถ้ามีก็เอาออกมาให้ข้าเถอะ”
หลินเป่ยเฉินหรี่ตามองหน้าชายวัยกลางคนด้วยความสงสัย “ท่านยังมีเงินเหลืออยู่อีกหรือ?”
“ข้าสามารถไปขอยืมได้”
อวี้อู๋เฉียนตบหน้าอกตนเองด้วยความมั่นใจ “หลายปีที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของข้าในสำนักค่อนข้างน่าเชื่อถืออยู่พอสมควร”
“หากท่านมีเงิน ข้าก็มีของ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม “ไปหาเงินมาให้ได้ก่อน”
อวี้อู๋เฉียนเป็นผู้ที่มีจิตใจมุ่งมั่น รีบหมุนตัวกระโดดขึ้นไปยืนบนกระบี่ของตนเองและเหินฟ้าจากไปยืมเงินผู้อื่นด้วยความรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินจ้องมองทิศทางที่ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนหายวับไปด้วยแววตาสมเพชเวทนา
พูดถึงเรื่องเงินแล้วก็น่าเจ็บใจชะมัด
คาดการณ์ได้เลยว่าอีกไม่นาน ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนก็คงต้องกลายเป็นผู้ที่ไร้ญาติขาดมิตรในสำนักกระบี่เหินฟ้าแน่ ๆ
เพราะไม่มีผู้ใดอยากจะเป็นสหายกับคนที่เที่ยวยืมเงินผู้อื่นหรอก
หลังจากส่งผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนกลับไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็จัดการกางเต็นท์สนามของตนเองและมุดเข้าไปนั่งหลอมรวมพลังทดแทนพลังที่สูญเสียไปในวันนี้
เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนอาวุธของเขานั้นให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ปืนอินทรีหิมะสามารถทำให้ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 4 ได้รับบาดเจ็บ และปืนกลมืออูซี่ก็สามารถทำให้ผู้ที่มีพลังในขั้นเดียวกันนั้นเกิดบาดแผลฉกรรจ์ นี่หมายความว่าหากโจมตีด้วยปืน AK47 หรือปืน M416 แม้แต่ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 5 ก็คงหลีกหนีความตายไม่พ้นอีกแล้ว
รวมไปถึงปืนไรเฟิล 98k และปืนสไนเปอร์ของพลซุ่มยิง ก็น่าจะมีประสิทธิภาพอันตรายร้ายกาจไม่แพ้กัน
เขาจำเป็นต้องเพิ่มอาวุธให้แก่ตนเอง
“ต่อให้เราไม่มีคัมภีร์ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกด้วยสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมีปืนพวกนี้อยู่ในมือ เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความตื่นเต้น
เขานึกภาพตนเองรัวปืนกลสาดกระสุนใส่เหล่าวายร้ายตกตายดั่งใบไม้ร่วง
และสิ่งที่หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องรีบทำในขณะนี้ ก็คือการเสริมสร้างพลังปราณในร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น
เพราะกระสุนปืนที่ยิงออกไปต้องอาศัยพลังปราณที่อยู่ในร่างกาย
หากในร่างกายไม่มีพลังปราณหลงเหลือ ปืนเหล่านั้นก็จะไม่มีกระสุนให้ยิงออกไปได้อีก
และเมื่อหลินเป่ยเฉินต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริง ๆ เหตุการณ์กระสุนหมดกลางคันก็คงกลายเป็นหายนะใหญ่หลวงสำหรับเขาแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนคัมภีร์สำรวจจิตและสร้างเป็นแอปพลิเคชันเพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งลงโทรศัพท์มือถือ
แน่นอนว่าเขาปล่อยให้หน้าที่การฝึกวิชานั้นเป็นของโทรศัพท์มือถือ
เมื่อแอปพลิเคชันทำงานอยู่ในพื้นหลัง หลินเป่ยเฉินก็เริ่มกดเข้าไปสำรวจดูสินค้าในแอปเถาเป่า
เงินที่เขามีอยู่ในมือขณะนี้ยังไม่เพียงพอต่อการซื้อปืน AK47 หลังจากเลือกสินค้าอยู่นานสองนาน หลินเป่ยเฉินก็ซื้อระเบิดมือมาสองลูก ระเบิดควันสองลูกและระเบิดเพลิงอีกสองลูก ซึ่งทั้งหมดนี้รวมเป็นเงินร้อยห้าสิบตำลึงเงิน
ส่วนเงินที่เหลือนอกเหนือจากนี้จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ใช้ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ
…
หลายวันผ่านไป
หลินเป่ยเฉินทุ่มเทสมาธิอยู่กับการฝึกวิชาสำรวจจิต
สมแล้วที่เป็นสุดยอดวิชาพื้นฐานประจำสำนักกระบี่เหินฟ้า เพราะมันช่วยให้ร่างกายของเด็กหนุ่มแข็งแรงขึ้นได้ดีกว่าวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณเสียอีก
หลินเป่ยเฉินยังคงขโมยพืชผลในสวนผักหนงซัวทุก ๆ วัน
ผ่านไปได้อีกสิบห้าวัน หลินเป่ยเฉินก็สามารถเลื่อนขึ้นสู่ขั้นพลังจอมเทพระดับ 3 ได้สำเร็จและพลังปราณในร่างกายของเขาก็สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวกราบรื่น
การฝึกวิชาของเขารุดหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความกระหยิ่มใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ขออีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้น เขาต้องเลื่อนขึ้นสู่ขั้นจอมเทพระดับ 4 ได้แน่นอน
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่และกลับที่พักก็ตอนมืดค่ำเสมอ นางมีท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ แต่หลินเป่ยเฉินก็เสแสร้งแกล้งทำไม่สนใจและปล่อยนางไป
หลินเป่ยเฉินรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมีที่มาที่ไปไม่ชอบมาพากล
นางต้องมีพื้นเพไม่ใช่คนธรรมดา
ดังนั้น แม้ผู้อาวุโสหลายท่านในสำนักกระบี่เหินฟ้าจะถูกปล้นชิงทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถจับตัวเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงได้เลยสักครั้ง
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนไม่เคยมาเยี่ยมเยียนเขาอีกเลย
จนกระทั่งก่อนหน้าครบกำหนดนัดประลองศิษย์รุ่นใหม่แห่งสำนักยุทธ์ประจำเมืองชิงอวี้หนึ่งวัน ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในสภาพเมามายสุรา
ชายวัยกลางคนมีสภาพย่ำแย่ ไม่ต่างจากคนที่ผิดหวังในความรัก
“คุณชายเตรียมตัวให้พร้อมเข้าไว้ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมารับท่านไปยังสำนักเฉาเทียนเพื่อรับชมความตื่นเต้น…” ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง
“ท่านลุงอวี้ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความเป็นกังวล
อวี้อู๋เฉียนถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายชีวิต “เฮอะ ชีวิตคนเราช่างน่าเบื่อและโหดร้ายเสียจริง จงอย่าคาดหวังจากผู้อื่นให้มากนักเลย ยิ่งคาดหวังมากเพียงใด ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น”
“ช่วยพูดภาษาคนได้ไหมขอรับ”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้าเครียด
อวี้อู๋เฉียนยกขวดน้ำเต้าบรรจุสุราขึ้นดื่ม “ข้าเคยเข้าใจว่าตนเองเป็นผู้ที่รักความยุติธรรมและเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตาอารีต่อผู้อื่น มีภาพลักษณ์ที่ดีในสำนักและมีมิตรสหายอยู่เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งข้าไปขอยืมเงินพวกเขานี่แหละ ข้าจึงได้พบว่า… ฮื่อ ในสำนักกระบี่เหินฟ้าขณะนี้ ข้าไม่หลงเหลือมิตรสหายอยู่อีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินเกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“ท่านต้องมองโลกในแง่ดีสิขอรับ ข้าเองก็ไม่มีมิตรสหายอยู่ในสำนักกระบี่เหินฟ้าเช่นกัน ข้ายังใช้ชีวิตอยู่ได้เลย” เด็กหนุ่มปลอบโยนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านเองก็ต้องไม่เป็นไรเหมือนกันนั่นแหละ อย่างน้อยก็ยังเหลือคนไม่เอาไหนอย่างข้าเป็นสหายท่านอยู่อีกทั้งคน”
อวี้อู๋เฉียนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
นี่ตั้งใจปลอบโยนหรือตั้งใจซ้ำเติมกันแน่
แต่ชายวัยกลางคนติดต่อสื่อสารกับหลินเป่ยเฉินมาได้เป็นระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้น เขาจึงคุ้นชินวาจาที่คอยทิ่มแทงจิตใจผู้คนของเด็กหนุ่มแล้ว
อวี้อู๋เฉียนดื่มสุราอีกหลายอึกก่อนกล่าวว่า “พวกเรามาคุยธุระกันเถอะ นับว่าคุณชายโชคดีเป็นอย่างยิ่ง ชิวเทียนจิงผู้เป็นบุตรชายของผู้อาวุโสชิวเหิงขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเก็บตัวหลอมรวมพลัง เขาจึงยังไม่สามารถออกมาสร้างปัญหาให้กับคุณชายได้ รอจนกระทั่งพรุ่งนี้ท่านมีโอกาสได้ออกไปนอกเขตสำนักเรา ก็จงอย่าได้กลับมาที่นี่อีก เพราะท่านต้องคอยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับชิวเทียนจิงให้ดี เขาเป็นผู้ใช้พลังเวทที่มีฝีมือแข็งแกร่ง เมื่อสามารถหลอมรวมพลังได้เสร็จสิ้นในครั้งนี้ เกรงว่าเขาคงบรรลุขั้นจอมเทพระดับ 5 แล้ว…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ครืน!
ยอดเขาหลิวหลี่อันเป็นที่ตั้งของสำนักกระบี่เหินฟ้าก็สั่นสะเทือนโครมคราม คลื่นพลังในอากาศแผ่เป็นระลอกคลื่นราวกับกระแสน้ำในมหาสมุทร
ตามมาด้วยเสียงร้องตื่นเต้นยินดียาวนาน
ลำแสงกระบี่พุ่งทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ฮ่า ๆๆ ในที่สุดข้าก็บรรลุระดับ 5 แล้ว”
เสียงคำรามที่เกรี้ยวกราดดุดันดังกังวานไปทั่วยอดเขา ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ให้ตายเถอะ
อวี้อู๋เฉียนนิ่งอึ้งตะลึงงัน
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ก่อนจะหันมามองหน้าผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนและกล่าวด้วยความเคียดแค้นว่า “ท่านนี่มันปากไม่เป็นมงคลจริง ๆ ข้าขอประกาศตัดญาติขาดมิตรกับท่านอย่างเป็นทางการ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป!”