เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1581 การต่อสู้คู่แรก
ตอนที่ 1,581 การต่อสู้คู่แรก
สามวันต่อมา
ผู้คนจากสำนักต่าง ๆ กว่าหนึ่งร้อยหกสิบชีวิตถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากถ้ำใต้ดิน ก่อนจะถูกนำตัวมายังสนามประลองในฐานะผู้รับชม
นี่คือครั้งแรกที่ทุกคนได้สัมผัสกับแสงแดดอีกครั้ง
กลุ่มคนถูกเคลื่อนย้ายมายังยอดเขาเซินปี๋
ยอดเขาเซินปี๋เคยเป็นหนึ่งในยอดเขาหลักในอดีต มันตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใด บัดนี้ พื้นที่ด้านบนยอดเขาถูกบรรดาปีศาจตกแต่งจนกลายเป็นพื้นผิวเรียบเนียนราวกระจก นอกจากยอดเขาแห่งนี้จะสามารถรองรับสนามประลองได้แล้ว มันยังมีอัฒจันทร์ที่สามารถรองรับคนดูได้อีกเป็นจำนวนหลายพันชีวิต
กลุ่มคนดูส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมาชิกกองทัพปีศาจและสำนักอสูร
สนามประลองที่ตั้งอยู่บนยอดเขาได้รับการสร้างค่ายอาคมพิเศษคุ้มกันรอบบริเวณ ไม่ว่าการต่อสู้ในสนามประลองจะดุเดือดมากเพียงใด ผู้รับชมก็จะไม่มีทางได้รับลูกหลงเด็ดขาด
ส่วนพื้นที่บริเวณยอดเขาอื่น ๆ ก็ถูกตกแต่งให้กลายเป็นสถานที่รับรองคนดูเช่นกัน แม้ว่าในอดีตเผ่าพันธุ์ปีศาจจะถูกมนุษย์ไล่ล่าฆ่าทิ้งจนจำนวนลดน้อยลงไปมาก แต่กลุ่มปีศาจที่รอดชีวิตมาได้ก็มีจำนวนไม่ใช่น้อย และขณะนี้ พวกมันก็สามารถกลับออกมาสู่แสงสว่างได้อีกครั้ง คาดการณ์ว่าสมาชิกจากกลุ่มปีศาจน่าจะมีไม่ต่ำกว่าแสนตัวเลยทีเดียว
และในสถานที่รับรองคนดูเหล่านี้ ก็จะมีหน้าจอถ่ายทอดสดติดตั้งอย่างมั่นคง อำนวยความสะดวกให้กลุ่มคนดูทั้งหลายไม่พลาดจังหวะสำคัญของการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยตลอดพื้นที่รอบภูเขาอวิ๋นเจวี่ยน ไม่ว่าจะเป็นเมืองมนุษย์หรือถิ่นที่อยู่อาศัยของบรรดาสำนักอสูร ทุกสถานที่ล้วนมีการติดตั้งหน้าจอการถ่ายทอดสดเช่นกัน…
ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นมาจากทิศตะวันออก
ภูเขาและลำธารอาบไล้ไปด้วยแสงสีแดงคล้ายกับเคลือบทับด้วยโลหิตแดงฉาน
สายลมกระโชกแรง เมฆขาวลอยกระจัดกระจาย
เมืองชิงอวี้ที่มีฝนตกตลอดทั้งปี วันนี้กลับมีแสงแดดแจ่มใสอย่างที่หาได้ยากยิ่ง
“การต่อสู้คู่แรก”
ทันใดนั้น บังเกิดคลื่นเสียงดังกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า
นี่คือเสียงของราชาอสูรวาฬ “ตามกฎการประลอง ฝ่ายมนุษย์จะต้องส่งตัวแทนออกมาก่อนเป็นฝ่ายแรก”
กฎการประลองระบุไว้ว่า นี่จะเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว
ณ สนามประลองบนยอดเขาเซินปี๋
“คนแรกเราเพียงส่งออกไปเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของฝ่ายปีศาจดูก่อนก็ได้”
นักบวชสวีจิงแห่งวิหารซั่วหูเสนอความคิดเห็น “ฝ่ายปีศาจมีจำนวนยอดฝีมือจำกัดอยู่แล้ว พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก”
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคนี้ พวกเขาก็จ้องมองนักบวชสวีจิงแห่งวิหารซั่วหูราวกับเป็นตัวประหลาดผู้หนึ่ง
หลิวอู่เหยียนขมวดคิ้วนิ่วหน้าและกล่าวว่า “การประลองคู่แรกคือคู่ที่สำคัญที่สุด เพราะมันอาจจะทำให้เรามีขวัญกำลังใจหรือทำให้หมดหวังได้ง่าย ๆ เช่นกัน… วันนี้จะมีการประลองสิบเอ็ดคู่ การประลองทุกคู่ล้วนมีชะตาชีวิตของมวลมนุษย์เป็นเดิมพัน ดังนั้นพวกเราจึงต้องวางแผนการอย่างระมัดระวังที่สุด”
“ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนักหลิวกล่าวได้มีเหตุผลยิ่ง”
โจวโจ่วหัวหน้าพรรคกระบี่เลื่อมพรายกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
หัวใจของทุกคนเต้นไม่เป็นจังหวะ
การประลองในครั้งนี้ นอกจากมีชีวิตของตนเองเป็นเดิมพันแล้ว ยังมีชะตากรรมของมวลมนุษยชาติเป็นเดิมพันด้วย
“ในเมื่อการประลองคู่แรกสำคัญนัก เราก็ส่งหลินเป่ยเฉินออกไปเลยสิ” เหออู่ซางหัวหน้าค่ายภูเขาอวิ๋นอู่กล่าวเสียงเรียบ “น้องหลินถึงกับเคยฆ่าปีศาจเหยียนซานมาแล้ว นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมยิ่งนัก”
ดวงตาของผู้คนจำนวนมากหันมาจ้องมองที่หลินเป่ยเฉิน
หวังจงกระโดดลุกขึ้นยืนและร้องตะโกนว่า “คนแซ่เหอ เจ้ามันเป็นสุนัขไร้ยางอาย เจ้าตั้งใจส่งนายน้อยของข้าออกไปเสี่ยงอันตราย เจ้าอยากตายใช่หรือไม่?”
เหออู่ซางไม่ทราบตื้นลึกหนาบางว่าเหตุไฉนประมุขคฤหาสน์เซินซุยจึงต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหลินเป่ยเฉิน จึงพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างเย็นชาและไต่ถามกลับไปว่า “เจ้าพูดอะไรของเจ้า? เท่าที่ข้ารู้ หลินเป่ยเฉินรับทรัพย์สินเงินทองและของวิเศษจากสำนักต่าง ๆ ไปแล้วนี่ เขาจะถูกส่งตัวไปขึ้นประลองก็ไม่แปลก...”
โพละ!
พลัน ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างระเบิดตัว
โลหิตสาดกระจายไปรอบบริเวณ
ปรากฏว่าศีรษะของเหออู่ซางได้หายวับไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นเป่าปลายกระบอกปืน ก่อนจะหันมองผู้คนที่จ้องมองตนเองด้วยความตกตะลึง และกล่าวว่า “ใครก็ตามที่ดูหมิ่นข้า มันจะต้องมีจุดจบเช่นนี้”
คนพวกนี้คิดว่าเขาไม่กล้าลงมือกับพวกเดียวกันเองหรือ?
เฮอะ!
สำหรับแกะดำอย่างหลินเป่ยเฉิน เขาไม่เคยอ่อนข้อให้ผู้ใดอยู่แล้ว
ตุบ!
ร่างไร้ศีรษะของเหออู่ซางล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
โลหิตไหลนองเต็มพื้นหิน
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
นี่คือครั้งแรกที่หลายคนได้มีโอกาสเห็นหลินเป่ยเฉินลงมือด้วยตาตนเอง
นี่คือครั้งแรกที่หลายคนได้มีโอกาสเห็นอานุภาพการทำลายล้างของปราณกระบี่คงกระพันตามคำอธิบายของหลิวอู่เหยียน
ทุกคนรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
รังสีกระบี่ที่รุนแรงระดับนี้สามารถสังหารจอมเทพระดับ 6 ได้ด้วยซ้ำ… นับว่าหลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งจริง ๆ
และเด็กหนุ่มผู้นี้ยังมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตอีกด้วย
เมื่อหลิวอู่เหยียนเห็นเช่นนี้ ชายชราก็รู้แล้วว่าหลินเป่ยเฉินไม่อยากจะขึ้นไปสู้เป็นคู่แรก ดังนั้นเขาจึงกัดฟันกล่าวว่า “การต่อสู้คู่แรก เดี๋ยวข้าจะรับผิดชอบเอง…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
วูบ!
ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งออกไปในอากาศ แล้วร่างของใครบางคนก็ไปปรากฏตัวอยู่บนเวทีประลอง
ย่อมต้องเป็นหวังซือเฉา
ชายชราในชุดเปื้อนเลือดยืนเอามือไขว้หลัง สีหน้าสงบสุขุม พลังปราณปลดปล่อยออกมาจากร่างกายอย่างเกรี้ยวกราด
“ท่านเจ้าสำนักหวัง”
“ท่านเจ้าสำนักหวังปรากฏตัวแล้ว”
“พวกเรามีหวังแล้ว”
เมื่อชายชราปรากฏตัวขึ้นบนยอดเขาเซินปี๋ ฝ่ายมนุษย์ก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
เป็นความดีใจที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกของผู้คน
ในระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา หวังซือเฉาเป็นตัวแทนความแข็งแกร่งของผู้คนในเมืองชิงอวี้ และเขาคือผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
การปรากฏตัวของหวังซือเฉาช่วยทำให้ฝ่ายมนุษย์มีขวัญกำลังใจมากยิ่งขึ้น
แม้แต่หลิวอู่เหยียนก็ยังรู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย
“ตัวแทนคนแรกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์มนุษย์ หวังซือเฉา”
ชายชราระเบิดเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า สะท้านไปทั่วแผ่นดิน คลื่นเสียงของเขาทำให้มวลอากาศปั่นป่วนจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พื้นดินสั่นสะเทือน
นี่คือความน่าเกรงขามของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
แต่กลุ่มปีศาจและสำนักอสูรกลับไม่แสดงความประหลาดใจออกมาเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าชื่อของชายชราไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด
ราวกับว่าการปรากฏตัวของหวังซือเฉาไม่ได้แตกต่างไปจากการปรากฏตัวของผู้อื่น
ทั้ง ๆ ที่การขึ้นสู่เวทีของหวังซือเฉา สมควรสร้างความตกตะลึงในชนิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ผู้คนพากันสงสัยว่าฝ่ายปีศาจจะส่งใครออกมาเป็นคู่ประลอง?
แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็สงสัยเช่นกัน
เขาหันไปสอบถามและพูดคุยกับอากวงพร้อมด้วยเสี่ยวหู ซึ่งติดตามมารับชมการประลองพร้อมกับกระโดดเตะขาและวิดพื้นเพื่อทำภารกิจออกกำลังกายไปในเวลาเดียวกัน ทว่ายังไม่ทันจะได้คำตอบว่าผู้ใดสมควรเป็นคู่ต่อกรของหวังซือเฉา ลำแสงสีม่วงสายหนึ่งก็พลันพุ่งออกมาจากอัฒจันทร์ฝั่งปีศาจเสียก่อน
วูบ!
ร่างสง่างามในชุดเกราะสีขาวทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนเวทีประลอง
รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ผมสีม่วงปลิวไสว คนผู้นี้เกิดมาพร้อมกับสง่าราศีอันสูงส่งที่แตกต่างจากคนทั่วไป
อวี้เหวินซิวเซียน!
ตัวแทนคนแรกของฝ่ายปีศาจที่จะออกมาเป็นคู่ประลองกับหวังซือเฉาก็คืออวี้เหวินซิวเซียน!!
สายลับปีศาจผู้นี้เป็นผู้ทรยศเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทุกคนจึงคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเลือกออกมาเผชิญหน้า เป็นคู่ต่อสู้กับอาจารย์ของตนเอง
ทันใดนั้น เสียงอุทานก็ดังขึ้นทั่วยอดเขาเซินปี๋
หลิวอู่เหยียนและพรรคพวกมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที
อวี้เหวินซิวเซียนคิดอะไรอยู่?
ปกติ คนผู้นี้ถนัดจัดเจนเรื่องการคอยบงการอยู่เบื้องหลัง แต่หวังซือเฉากลับสามารถบีบบังคับให้อวี้เหวินซิวเซียนต้องลงสู่สนามประลองได้เชียวหรือ?
บนเวทีประลอง
“ท่านอาจารย์… นี่คือครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเรียกท่านว่าอาจารย์”
อวี้เหวินซิวเซียนประสานมือคำนับชายชราด้วยความเคารพและอ่อนน้อม จากนั้นจึงได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ตัดสายรัดเสื้อคลุมออกไปจากชุดเกราะของตนเอง
เสื้อคลุมถูกสายลมพัดปลิวลอยหายไป
เป็นตัวแทนความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ที่ขาดสะบั้นลงโดยสมบูรณ์!!