เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1582 ปราณแท้จริงกับปราณปีศาจ
ตอนที่ 1,582 ปราณแท้จริงกับปราณปีศาจ
หวังซือเฉายังคงยิ้มออกมาเหมือนเคย
เสมือนว่าเวทีประลองบนยอดเขาเซินปี๋ไม่ได้มีค่าอันใด
เมื่อจ้องมองบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้า หัวใจของชายชราก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย
แม้จะเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่อย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
อวี้เหวินซิวเซียนเป็นลูกศิษย์ที่หวังซือเฉาคาดหวังเอาไว้สูงทีเดียว น่าเสียดายที่เลือกเดินเส้นทางสายที่หวังซือเฉาไม่อยากเห็นมากที่สุด
การเก็บเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยงของหวังซือเฉาในอดีต สุดท้ายกลับเป็นมหัตภัยใหญ่หลวงของเมืองชิงอวี้ ณ ปัจจุบัน!
ทุกสิ่งทุกอย่างในอดีต สมควรให้จบลงในวันนี้
“ข้าศึกษาวิชาฝีมือมาตั้งแต่อายุสามขวบ สามารถบรรลุขั้นจอมเทพระดับ 5 ได้ตอนอายุสิบขวบ และสามารถเลื่อนขึ้นสู่ขอบเขตพลังจอมเทพตอนปลายได้ในอีกสิบปีต่อมา และเมื่อมีอายุสามสิบห้าปี ข้าก็สามารถขึ้นสู่ขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ บัดนี้ ข้ามีอายุสามร้อยห้าสิบปีแล้ว ซ้ำข้ายังเป็นผู้คิดค้นสามสุดยอดคัมภีร์ลับแห่งสำนักเฉาเทียนอีกด้วย…”
เสียงพูดของหวังซือเฉาดังก้องกังวานในหูของผู้คน
ชายชรากล่าวต่อไป “สามปีก่อน เราผู้เฒ่าได้ดัดแปลงสามสิบหกกระบวนท่าพิฆาตให้เหลือเพียงสามกระบวนท่า และพวกมันก็นับเป็นกระบวนท่าที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงสุดในชีวิตของเรา”
หวังซือเฉาค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาชูสามนิ้ว “การประลองในวันนี้ เรามาจำกัดแค่สามกระบวนท่าดีหรือไม่?”
ในเวลาเดียวกันนี้
“ได้เลยขอรับ”
เส้นผมสีม่วงของอวี้เหวินซิวเซียนปลิวไสวตามแรงลม ใบหน้าที่หล่อเหลาคลี่ยิ้มอย่างเย็นชา พลังปราณปีศาจแผ่ออกมาจากร่างกาย “ข้าเองก็สามารถคิดค้นสามกระบวนท่าพิฆาตขึ้นมาได้เช่นกัน เห็นทีคงต้องให้ท่านผู้อาวุโสชี้แนะสักหน่อยแล้ว”
หวังซือเฉาไม่พูดคำใดอีก
จากนั้นเขาก็โคจรพลังในร่างกาย
มวลอากาศปั่นป่วน
คลื่นพลังไหลเวียนในอากาศ
เมืองชิงอวี้เป็นเมืองที่มีฝนตกตลอดทั้งปี หวังซือเฉามีความสามารถพิเศษในการดูดซับพลังจากหยดน้ำในอากาศ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น รอบกายของชายชราก็ล้อมรอบไปด้วยคลื่นน้ำที่บ้าคลั่ง…
หวังซือเฉาก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
พื้นดินสั่นสะเทือน
พลังกดดันถาโถมออกมาจากร่างกายของชายชราอย่างหนักหน่วง
เป็นพลังกดดันที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
นี่คือความน่ากลัวของผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ แม้จะใช้เคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานที่ถ่ายทอดต่อศิษย์ในสำนัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง
“กระบวนท่าแรก... ฝ่ามือสวรรค์พิโรธ”
หวังซือเฉาลอยตัวขึ้นไปในอากาศ เมฆขาวและละอองน้ำหมุนตามมาทางด้านหลัง เมื่อชายชรากระแทกมือออกมาข้างหน้า กลุ่มก้อนเมฆและละอองน้ำก็รวมตัวกันกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ยักษ์
ฝ่ามือยักษ์ข้างนี้มาพร้อมกับพลังทำลายล้างรุนแรง
และนี่คือการโจมตีที่ควบคุมด้วยพลังปราณแท้จริง ฝ่ามือยักษ์ข้างนี้จึงเป็นฝ่ามือของจริง ไม่ใช่ภาพมายาของคลื่นพลัง
มวลอากาศระเบิดตัวดังตูมตาม
ท้องฟ้าที่เคยใสกระจ่างอยู่ดี ๆ ก็มีเมฆดำปกคลุม พร้อมกันนั้นก็เกิดสายฟ้าฟาดเปรี้ยงสู่ฝ่ามือยักษ์ข้างนั้น และนั่นก็ยิ่งทำให้ฝ่ามือสวรรค์พิโรธของหวังซือเฉามีอานุภาพการทำลายล้างรุนแรงมากไปกว่าเดิม
บรรดาผู้คนที่รวมตัวกันอยู่บนยอดเขาเซินปี๋ต่างก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป
เพียงกระบวนท่าแรกเท่านั้น หวังซือเฉาก็แทบจะถล่มโลกได้ทั้งใบแล้ว นี่สินะคงเป็นความน่ากลัวของผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์?
เส้นผมสีม่วงเข้มของอวี้เหวินซิวเซียนปลิวไสวไปตามแรงลม
“ข้าน้อยเป็นผู้ไร้ความสามารถ โชคดีที่หลายปีนี้ได้รับการสั่งสอนโดยผู้อาวุโส นี่คือการควบรวมสามสิบหกกระบวนท่าพื้นฐานแห่งสำนักเฉาเทียนให้กลายมาเป็นกระบวนท่าใหม่ เพราะฉะนั้น วันนี้ข้าน้อยก็จะขอใช้กระบวนท่าเหล่านี้ตอบแทนท่านผู้อาวุโสเช่นกัน”
พูดพร้อมกับเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
กลุ่มเมฆขาวและม่านละอองน้ำปกคลุมทั่วแผ่นฟ้า รอบกายของอวี้เหวินซิวเซียนก็มีคลื่นน้ำห้อมล้อมไม่ต่างไปจากหวังซือเฉา การเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอวี้เหวินซิวเซียนมีขั้นพลังไม่ต่ำต้อยไปกว่าชายชราเลย
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์!”
หลิวอู่เหยียนอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
อวี้เหวินซิวเซียนมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว
กลุ่มเมฆขาวและละอองน้ำรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่ง
บรรดาท่านเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ต่างก็เบิกตาโต พูดคำใดไม่ออก ได้แต่จ้องมองไปยังอวี้เหวินซิวเซียนที่อยู่บนเวทีประลองด้วยความเหลือเชื่อ
อดีตผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงอวี้มีขั้นพลังเพียงจอมเทพระดับ 5 เท่านั้นไม่ใช่หรือ?
แล้วไฉนจึงระเบิดพลังในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้เล่า?
หรือว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น อวี้เหวินซิวเซียนปิดบังขั้นพลังที่แท้จริงของตนเองมาโดยตลอด?
ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
ไม่มีสิ่งใดแน่นอนอีกต่อไป
ตอนแรก หลายคนเข้าใจว่าการประลองครั้งนี้ หวังซือเฉาต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่บัดนี้ดูเหมือนว่า…
หัวใจของผู้คนเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ
ทันใดนั้น…
วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านอากาศ
กระบี่ยักษ์ของอวี้เหวินซิวเซียนพุ่งเข้าไปหาฝ่ามือขนาดมหึมาของหวังซือเฉา คลื่นพลังระเบิดตัวตูมตาม สายฟ้าแลบแปลบปลาบ มวลพลังทำลายล้างพุ่งทะลุจุดเดือด
ราวกับว่าดินแดนแห่งนี้กำลังจะถล่มทลายลงไปแล้ว
ตู้ม!
บังเกิดการระเบิดครั้งใหญ่
นั่นเป็นจังหวะที่กระบี่ยักษ์ฟันเข้าใส่ฝ่ามือใหญ่เข้าอย่างจัง หลังจากนั้น แสงสว่างก็สาดประกายเจิดจ้า กลุ่มเมฆและม่านละอองน้ำที่รวมตัวกันหนาแน่นค่อย ๆ ระเบิดตัวจางหายไป
คลื่นพลังกดดันแผ่ปกคลุมไปรอบบริเวณ
ยอดเขาเซินปี๋ถึงกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
กลุ่มคนที่รับชมการประลองถูกคลื่นลมซัดเข้าใส่ บางคนที่มีขั้นพลังไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็ทำได้เพียงส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาเท่านั้น ก่อนที่ร่างของตนเองจะลอยหายไปตามสายลม
การระเบิดเกิดขึ้นต่อเนื่องร่วมสิบลมหายใจ
เมื่อการระเบิดยุติลง ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ
กลุ่มเมฆดำและสายฟ้าบนท้องฟ้าหายไปนานแล้ว ท้องฟ้ากลับมาเป็นสีครามแจ่มใส แสงแดดสาดส่องลงมาอย่างอบอุ่นอีกครั้ง
ณ เวทีประลองบนยอดเขาเซินปี๋
อวี้เหวินซิวเซียนกับหวังซือเฉายืนอยู่ห่างจากกันห้าสิบวา
ทั้งสองคนต่างก็ยืนแน่นิ่งไม่ต่างกับหินผา เสื้อผ้าบนร่างกายยังสะอาดเรียบร้อย ไม่ปรากฏรอยแผลแม้แต่รอยเดียว
ผลการประลองกระบวนท่าแรกออกมาเสมอกันอย่างนั้นหรือ?
นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจของทุกคน
โดยเฉพาะฝ่ายที่อยู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ นี่คือข่าวร้ายสำหรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง หวังซือเฉาคือผู้ที่มีขั้นพลังแข็งแกร่งที่สุดในเมืองชิงอวี้ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรผู้เป็นอดีตลูกศิษย์ของตนเองได้เลยแม้แต่น้อย
ส่วนฝ่ายปีศาจก็ส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความสะใจ
โดยเฉพาะบรรดาองครักษ์อย่างฉิงอี้ เสี่ยวอู๋และตนอื่น ๆ พวกมันต่างก็ตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
เพราะบุรุษผู้นี้คือวีรบุรุษประจำใจของพวกมัน
เป็นผู้ที่พวกมันพร้อมสละชีวิตให้โดยไม่คิดเสียดาย
ทว่า ชายชราผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของเมืองชิงอวี้ยังคงไม่ยอมแพ้
“กระบวนท่าที่สอง… ฝ่ามือถล่มปฐพี!”
หวังซือเฉายังคงมีสีหน้าเย็นชา เมื่อโจมตีด้วยกระบวนท่าที่สองออกมา ร่างกายก็ดูดซับพลังขึ้นมาจากพื้นดิน
กลุ่มเมฆดำปรากฏตัวบนท้องฟ้าอีกครั้ง
สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ฟ้าคำรามดังครืนครัน
สายฝนซัดกระหน่ำลงมา
หวังซือเฉาลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า หมุนวนฝ่ามือทั้งสองข้าง รวบรวมพลังรอบกายสร้างฝ่ามือยักษ์ขึ้นมาข้างหนึ่ง เพื่อโจมตีใส่อวี้เหวินซิวเซียนโดยตรง
ฝ่ามือของหวังซือเฉาในครั้งนี้มีเงาปกคลุมไปทั่วเวทีประลองแล้ว
เป็นกระบวนท่าการโจมตีที่หนักหน่วงมากกว่าเดิม
อวี้เหวินซิวเซียนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนระเบิดเสียงคำรามออกมา พลังปราณแท้จริงกลายเป็นพลังปราณปีศาจ ทันใดนั้น เปลวไฟสีม่วงก็ลุกโชนสว่างไสวทั่วร่างกายของอวี้เหวินซิวเซียน
“จอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์?”
หลิวอู่เหยียนอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
อวี้เหวินซิวเซียนสามารถฝึกวิชาฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจควบคู่ไปกับการฝึกวิชาฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ด้วยหรือ?
อวี้เหวินซิวเซียนสามารถทำได้อย่างไร?
หรือว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่เคยลืมชาติกำเนิดของตนเองเลย?
“มนตราทลายดารา!”
หลิวอู่เหยียนได้ยินเพียงอวี้เหวินซิวเซียนระเบิดเสียงคำรามออกมา ก่อนที่บุรุษหนุ่มจะงอเข่าลงดีดตัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า รับการโจมตีจากฝ่ามือยักษ์ของหวังซือเฉาโดยไม่หลบหนี
คลื่นพลังระเบิดตัวดังตูมตามอีกครั้ง
มวลอากาศปั่นป่วน แสงสว่างเจิดจ้า ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้อีกแล้ว
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ คลื่นพลังทั้งหมดก็จางหายไป
บนเวทีประลองแห่งยอดเขาเซินปี๋ ร่างสองร่างยังคงยืนเผชิญหน้ากันดังเดิม
เพียงแต่ว่าหนึ่งในนั้นมีแขนซ้ายหักงอผิดรูป กระดูกทิ่มแทงทะลุผิวหนัง โลหิตไหลซึมออกจากบาดแผลหยดลงสู่พื้นเวทีเสียงดังติ๋งติ๋ง…
ในที่สุด ผลการประลองก็ถูกชี้ขาดแล้วใช่หรือไม่?
หัวใจของผู้คนเต้นรัวเร็วด้วยความลุ้นระทึกขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้น