เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1583 ระเบิดปราณจักระ
ตอนที่ 1,583 ระเบิดปราณจักระ
เมื่อเห็นโฉมหน้าของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถนัดตา ฝ่ายปีศาจและฝ่ายมนุษย์ก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันราวน้ำกับไฟ
กองทัพปีศาจส่งเสียงโห่ร้องด้วยความสะใจ
กลุ่มมนุษย์มีสีหน้าตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ
เพราะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็คือหวังซือเฉา!
ชายชราผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของเมืองชิงอวี้ บัดนี้แขนซ้ายหักงอผิดรูป กระดูกทิ่มแทงทะลุผิวหนัง โลหิตไหลหยดลงสู่พื้นดิน
หวังซือเฉากำลังจะพ่ายแพ้ใช่หรือไม่?
หัวใจของใครหลาย ๆ คนตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ในเวลาเดียวกันนี้ ฝ่ายมนุษย์ที่ติดตามรับชมการประลองผ่านหน้าจอถ่ายทอดสด ก็อดร้องไห้ออกมาด้วยความหมดหวังไม่ได้
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขากำลังจะพ่ายแพ้
เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังจะพ่ายแพ้
ความหวังอยู่หนใด?
สถานการณ์ในขณะนี้ ไม่ว่าจ้องมองไปยังหนทางใด ก็พบเจอเพียงความมืดมิดเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินเองก็ตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เขารู้ดีอยู่แล้วว่าอวี้เหวินซิวเซียนมีฝีมือแข็งแกร่ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้
อวี้เหวินซิวเซียนเป็นผู้ที่บรรลุขั้นพลังของทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ต้องเป็นยอดอัจฉริยะขนาดไหนกันนะ?
นับว่าแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว
สิ่งนี้ย้ำเตือนให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงคัมภีร์ที่อวี้เหวินซิวเซียนเคยมอบให้กับตนเองก่อนหน้านี้
หรือว่าคัมภีร์เล่มนั้นคือสิ่งที่จะช่วยให้เขาสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเองได้อย่างไร้ขีดจำกัดเช่นกัน?
หลินเป่ยเฉินคิดไปคิดมาก็ได้แต่ส่ายศีรษะ
อวี้เหวินซิวเซียนถือเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งมอบสุดยอดคัมภีร์ให้แก่ศัตรูของตนเอง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็หันกลับไปจ้องมองที่เสี่ยวหู
เสี่ยวหูยังคงวิดพื้นอย่างขะมักเขม้นต่อไป
หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นาน เสี่ยวหูก็จะเลื่อนขึ้นสู่ขั้นจอมอสูรระดับ 4 ได้สำเร็จ
ทันใดนั้น เสียงอุทานดังขึ้นรอบกาย
หลินเป่ยเฉินหันขวับกลับไปจ้องมองที่เวทีประลองบนยอดเขาเซินปี๋อีกครั้ง
ปรากฏว่าหวังซือเฉาใช้มือขวาของตนเองแทนกระบี่ ปลดปล่อยพลังออกมาตัดแขนซ้ายของตนเองขาดเสมอไหล่
บาดแผลถูกปิดผนึกด้วยม่านพลัง ทำให้ไม่มีโลหิตไหลซึมออกมาเลยแม้แต่หยดเดียว
“สายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ”
หวังซือเฉายังคงมีสีหน้าสงบสุขุม ราวกับว่าไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย เขาถอนหายใจออกมาและกล่าวต่อ “เมื่อคิดได้ว่าปีศาจที่แข็งแกร่งอย่างเจ้าเป็นเราผู้เฒ่าเลี้ยงดูขึ้นมาเอง เราผู้เฒ่าก็ทั้งรู้สึกภูมิใจและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน… แต่เราไม่โทษเจ้าหรอกที่มีความทะเยอทะยานอยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้”
ชายชราทราบดีว่าคำพูดของตนเองจะปรากฏออกไปผ่านหน้าจอถ่ายทอดสด
แต่เขาก็ยังคงพูดออกมาอยู่ดี
หวังซือเฉาผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงอวี้ ยังคงรักษาบุคลิกอันกล้าหาญและสง่าผ่าเผยของตนเองเอาไว้เสมอ
“เจ้าอยากใช้เราผู้เฒ่าเป็นขั้นบันไดขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ และทำลายภาพลักษณ์ของเราผู้เฒ่าเพื่อทำให้ผู้คนทั้งเมืองหวาดกลัวเจ้า แต่เราผู้เฒ่าไม่ได้โทษเจ้าเลย”
“เพราะไม่ว่าแผนการนี้จะทำได้สำเร็จหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเจ้ามีความสามารถมากพอหรือไม่ต่างหาก”
“ความต้องการกับความสามารถคือสิ่งที่แตกต่างกัน”
ทันใดนั้น หวังซือเฉาก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาอีกครั้ง
คลื่นน้ำรวมตัวกันรอบร่างกายของชายชรารุนแรงหนักหน่วงมากกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้
พรวด!
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างทิ่มแทงผิวหนังออกมา
ปรากฏว่าแขนซ้ายของชายชราได้งอกกลับออกมาแล้ว
ใบหน้าของหวังซือเฉากลายเป็นสีแดงก่ำ ตัวคนถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังที่ส่องแสงสว่างเจิดจ้า แล้วร่างของชายชราผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงอวี้ก็ไม่คล้ายกับเป็นร่างมนุษย์อีกต่อไป
ทรงพลัง
ไร้เทียมทาน
ทันใดนั้น หวังซือเฉารวบรวมพลังในร่างกายของตนเองเต็มอัตรา
“ระเบิดปราณจักระ!”
ณ อัฒจันทร์บนยอดเขาเซินปี๋ หลิวอู่เหยียนและท่านเจ้าสำนักใหญ่ทั้งหลายล้วนมีสีหน้าตกตะลึง น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา
“เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินกระซิบถาม
อวี้อู๋เฉียนโน้มตัวเข้ามาอธิบายว่า
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในเมืองชิงอวี้ เก้าในสิบส่วนจะเลือกฝึกฝนวิชาตามสายเลือดผู้แปรธาตุ
สิ่งที่เรียกว่าการระเบิดปราณจักระนั้น เป็นการรวบรวมพลังปราณทุกส่วนในร่างกายที่เหลืออยู่ เพื่อใช้งานออกไปในการโจมตีกระบวนท่าสุดท้าย
และสำหรับผู้ที่ใช้พลังจากการระเบิดปราณจักระนั้น ร่างกายก็จะสูญสิ้นพลังชีวิตไปทั้งหมด
“ซึ่งก็คือท่านเจ้าสำนักหวังกำลังจะตาย”
อวี้อู๋เฉียนสรุปข้อมูลทั้งหมดคร่าว ๆ ด้วยน้ำเสียงอันซึมเศร้า
หลินเป่ยเฉินหันหน้าจ้องมองไปที่เวทีประลองบนยอดเขาเซินปี๋
กล่าวได้อีกอย่างก็คือ เมื่อจบการประลองครั้งนี้ ไม่ว่าหวังซือเฉาจะชนะหรือไม่ ชายชราก็ต้องตายแน่นอน
นี่เป็นเพราะว่าอวี้เหวินซิวเซียนกดดันชายชรามากเกินไป หวังซือเฉาจึงไม่มีความมั่นใจว่าตนจะสามารถเอาชนะลูกศิษย์ของตนเองได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ หวังซือเฉาก็ไม่มีความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ชายชราไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อยอมรับคำติเตียนจากคนทั้งโลกอีกแล้ว
บนเวทีประลอง
ส่วนลึกในดวงตาสีม่วงเข้มของอวี้เหวินซิวเซียนปรากฏความเศร้าสลดขึ้นมาวูบหนึ่ง
บุรุษหนุ่มไม่กล่าวคำใด ได้แต่ระเบิดพลังปราณออกมาในเวลาเดียวกัน
พลังปราณแท้จริงปกคลุมแขนซ้ายเป็นสีเงินสว่างไสว พลังปราณปีศาจปกคลุมแขนขวาเป็นสีม่วงเข้มน่าขนลุก
ครึ่งมนุษย์
ครึ่งปีศาจ
แต่อวี้เหวินซิวเซียนกลับสามารถควบคุมพลังปราณทั้งสองชนิดได้อย่างราบรื่น เพียงยังไม่โจมตีออกมา คลื่นพลังกดดันที่ลอยออกไปในอากาศก็ทำให้ผู้คนหายใจลำบากแล้ว
“นี่คือกระบวนท่าสุดท้ายของข้าน้อย”
อวี้เหวินซิวเซียนนำฝ่ามือทั้งสองข้างมาประกบกัน หลังจากนั้น เขาก็รวบรวมพลังปราณทั้งสองชนิดเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นคลื่นพลังสีเทาปั่นป่วนโกลาหล
นิ้วมือทั้งสิบของอวี้เหวินซิวเซียนขยับเขยื้อนพลิ้วไหวคล่องแคล่ว ทันใดนั้น บุรุษหนุ่มก็ยื่นแขนขึ้นไปเหนือศีรษะและตะโกนออกมาว่า
“ค่ายอาคมปีศาจจำพราก… ได้โปรดส่งท่านอาจารย์ไปสู่สุคติด้วยเถอะ!”
ตู้ม!
ลำแสงสีเทาถูกยิงออกมาจากฝ่ามือของอวี้เหวินซิวเซียน
ลำแสงสีเทาพุ่งตรงเข้าไปหาหวังซือเฉา
ไม่มีเปลวไฟปกคลุมแผ่นฟ้า
ไม่มีเสียงระเบิดดังตูมตาม
มีเพียงลำแสงสีเทาที่พุ่งออกไปข้างหน้า
ในเวลาเดียวกันนี้
เมื่อหวังซือเฉาใช้วิชาระเบิดปราณจักระรวบรวมพลังตกค้างทุกส่วนในร่างกายเรียบร้อยแล้ว ชายชราจึงค่อย ๆ ยื่นมือออกมาข้างหน้าและคำรามว่า “ฝ่ามือฝนดาวตก... จงตายซะ!”
หลังจากนั้น ตัวคนก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟ ร่างของหวังซือเฉาพุ่งทะยานราวกับอุกกาบาต ระเบิดแสงสว่างเป็นประกายเจิดจ้า มวลอากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ลำแสงของทั้งสองฝ่ายปะทะกันเข้าอย่างจัง
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีเสียง
ไม่มีการเคลื่อนไหว
เหนือสนามประลอง การปะทะกันของลำแสงทั้งสองสายนั้นทำให้มวลอากาศปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง
แต่กลับไม่มีคลื่นพลังกระจัดกระจายออกมา
กลุ่มคนที่รับชมการประลองเห็นเพียงแสงสีระเบิดกระจัดกระจายอยู่เหนือยอดเขาเซินปี๋ แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบ ราวกับว่าต่อให้โลกทั้งใบถล่มทลายลงไปก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับยอดเขาแห่งนี้อีกแล้ว
แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น
เมื่อแสงสว่างทั้งหมดเลือนหายไป ผู้คนก็ได้รับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ร่างของอวี้เหวินซิวเซียนซวนเซถอยหลัง แขนเสื้อข้างหนึ่งถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่เป็นบาดแผลฉกรรจ์ มีโลหิตไหลทะลักกระจัดกระจายเต็มฝ่ามือ
ส่วนฝ่ายตรงข้าม
หวังซือเฉาไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย
เสื้อผ้ายังอยู่ครบชิ้น
ดวงตาของผู้คนจ้องมองบุคคลทั้งสองสลับกันไปมา
ผู้ใดเป็นฝ่ายแพ้ชนะกันแน่?
การที่หวังซือเฉาลงทุนใช้วิชาระเบิดปราณจักระ ทำให้ฝ่ายมนุษย์เป็นผู้ชนะในการประลองคู่แรกแล้วหรือ?
สายลมพัดผ่าน
อวี้เหวินซิวเซียนค่อย ๆ ลดแขนของตนเองลงมา เปลวไฟสีม่วงลุกโชนท่วมแขนข้างที่บาดเจ็บ แล้วบาดแผลฉกรรจ์บนแขนของเขาก็จางหายไปเช่นเดียวกับหยดเลือด
อวี้เหวินซิวเซียนจ้องมองไปยังชายชราที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าสับสนและซับซ้อน ก่อนถอนหายใจออกมา ถามว่า “ท่านอาจารย์มีอะไรอยากสั่งเสียหรือไม่?”
รอยยิ้มอย่างโล่งใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังซือเฉา
ผิวหนังของชายชราเริ่มเกิดรอยแตกร้าวเสมือนเปลือกไข่ใกล้แตก
“คนเราย่อมต้องใช้ชีวิตเพื่อไล่ตามความฝัน แม้ว่าความฝันนั้นจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ก็ตาม…”
ชายชราผู้ครอบครองความยิ่งใหญ่ในเมืองชิงอวี้มาเป็นเวลายาวนานกว่าสามร้อยปีพลันถอนหายใจออกมาด้วยเหม่อลอย ก่อนถามกลับไปว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราอยากสั่งเสียว่าอะไร?”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ร่างของหวังซือเฉาพลันแตกสลายกลายเป็นผงสีขาวชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวหายไปในสายลม
หวังซือเฉาผู้เป็นเจ้าสำนักเฉาเทียน ผู้แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานแห่งเมืองชิงอวี้… ได้ล่วงลับลงแล้ว!
โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบงันยาวนาน!!