เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1588 หลินเป่ยเฉินล้างกระดาน
ตอนที่ 1,588 หลินเป่ยเฉินล้างกระดาน
การค้นพบครั้งนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เส้นผมสีม่วงคือหนึ่งในเอกลักษณ์โดดเด่นของเผ่าพันธุ์ปีศาจไม่ใช่หรือ?
เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าดวงตาของเขาก็…
หลินเป่ยเฉินรีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดกล้องหน้าและมองภาพสะท้อนของตนเองบนหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อพบว่าดวงตาของตนเองยังเป็นดวงตาของมนุษย์ปกติ เด็กหนุ่มจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ดูเหมือนคงต้องหาเวลาย้อมสีผมกลับไปเป็นสีเดิมก่อนสินะ
หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์
จังหวะนั้น เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจก็ดังกึกก้องไปทั่วยอดเขาเซินปี๋
นี่คือการต่อสู้ที่สง่างาม
สามารถเอาชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เป็นการสังหารที่หมดจด
ควรค่าต่อความเคารพ
กลุ่มผู้อาวุโสใหญ่หรือแม้แต่บรรดาท่านเจ้าสำนักต่างก็ส่งเสียงหัวเราะร่า กระโดดกอดกันกลมราวกับเป็นเด็กน้อย เสียงตะโกนฟังไม่ได้ศัพท์ดังอึงอลปกคลุมรอบบริเวณ…
ส่วนบรรดากลุ่มศิษย์ระดับสูงก็พากันจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยดวงตาเป็นประกาย
พวกเขาทราบดีว่าในขณะนี้ วีรบุรุษคนใหม่แห่งเมืองชิงอวี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว
ในระหว่างที่ผู้คนกำลังส่งเสียงโห่ร้องดีใจ ท่านเจ้าสำนักกระบี่เหินฟ้าหลิวอู่เหยียนก็มีร่างกายซูบผอมลงมากแล้ว พลังทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวได้ถูกส่งผ่านเข้าสู่ร่างกายของเซียวปิงหมดสิ้น
มือของหลิวอู่เหยียนที่ผอมแห้งหนังหุ้มกระดูกถูกปล่อยออกมาจากหน้าผากของเซียวปิง
ชายชราหันศีรษะอย่างยากลำบาก
ผิวหนังบริเวณต้นคอเกิดรอยแตกร้าวเสมือนรอยแตกร้าวบนก้อนหิน
แต่ถึงกระนั้น หลิวอู่เหยียนก็ยังคงบังคับลำคอตนเองให้หันมองไปยังเวทีประลองบนยอดเขาเซินปี๋
ในที่สุด ชายชราก็ได้เห็นชัยชนะของหลินเป่ยเฉินด้วยสายตาของตนเอง และในดวงตาอันขุ่นมัวของเขาก็เกิดรอยยิ้มครั้งสุดท้ายในชีวิตด้วยความโล่งใจ
มีผู้สืบทอดแล้ว!
เมืองชิงอวี้ยังคงมีความหวัง!!
ประเสริฐ โชคดีนักที่วันนั้นเขาได้ไปยังป่าฝนเขียวและพบเจอเด็กหนุ่มผู้นี้
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
กล้ามเนื้อบนลำคอของชายชราเริ่มหลุดร่วงลงมาไม่ต่างจากเศษหินที่กะเทาะแตกออก
รอยยิ้มยังคงไม่หายไป หลิวอู่เหยียนรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายในชีวิต สร้างรอยแตกร้าวให้ปรากฏไปทั่วร่างกาย ก่อนที่เขาจะสลายร่างของตนเองจนกลายเป็นผุยผง โปรยปรายลงสู่พื้นดิน...
กลายเป็นเพียงเม็ดทรายกองใหญ่กองหนึ่งเท่านั้น
…
ในเวลาเดียวกันนี้
เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองชิงอวี้ต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ ดวงตาของพวกเขาจ้องมองอยู่ที่หน้าจอถ่ายทอดสดอย่างไม่ละสายตา
ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอในขณะนี้ เป็นภาพของเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาว ห่อหุ้มชุดเกราะที่อยู่ด้านใน เด็กหนุ่มผู้นี้มีสง่าราศีมากกว่าผู้คนทั่วไป
ร่างกายของเขาไม่สูงมากเกินไป ไม่กำยำล่ำสันมากเกินไป
ทุกอย่างกำลังอยู่ในสัดส่วนที่พอดี
แต่สำหรับในสายตาของผู้คนเผ่าพันธุ์มนุษย์ในขณะนี้ เด็กหนุ่มกลับมีความยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากเสาหลักค้ำฟ้า เป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่จะช่วยขับไล่ความมืดมิดออกไปจากชะตาชีวิตของผู้คน
“พวกเราจำหน้าเขาเอาไว้ เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นองค์ราชันย์คนต่อไป”
“ท่านแม่ พวกเราปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่?”
“แม่เองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่มีผู้คนกำลังออกไปต่อสู้เพื่อเราอยู่น่ะ…”
“หากชีวิตเรายังคงมีความหวัง เราก็ต้องหวังว่าเขาจะชนะ ลูกต้องจดจำใบหน้าของคนผู้นี้เอาไว้ให้ดี…”
“ข้าจะจำหน้าเขาเอาไว้ เขามีความหล่อเหลามากเลยขอรับ”
…
ภูเขาอวิ๋นเจวี่ยน
เสียงของราชาอสูรวาฬดังก้องกังวานทั่วแผ่นฟ้า
“ในการประลองคู่ที่สี่ เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นฝ่ายชนะ… ท่านผู้กล้าหลินเป่ยเฉิน ขอเชิญลงจากเวทีประลองด้วย ตามกฎระเบียบของการประลอง ฝ่ายมนุษย์จะต้องส่งตัวแทนออกมาต่อสู้ในคู่ประลองคู่ที่ห้า…”
ราชาอสูรวาฬยังคงทำหน้าที่เป็นโฆษกได้อย่างมืออาชีพ
มันมีทั้งคุณสมบัติและความแข็งแกร่ง
แต่หลินเป่ยเฉินไม่ยอมเดินลงจากเวทีประลอง
เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังอัฒจันทร์ฝั่งเผ่าพันธุ์ปีศาจ
“จบสิ้นแล้ว…”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เขาก้มลงใช้มือปาดเลือดของภูตอเวจีร่างกายใหญ่ยักษ์ ก่อนจะนำเลือดเหล่านั้นมาลูบใส่เส้นผมของตนเองจนศีรษะกลายเป็นสีแดงเลือด ดูวิกลจริตเหมือนพวกตัวร้ายในภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ไม่มีผิด…
“ให้ทุกอย่างจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้เถอะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะไปพลางพูดไปพลางว่า “ข้าขอประกาศให้การประลองยุติลงแต่เพียงเท่านี้”
เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่กำลังส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจพลันเงียบเสียงลงโดยทันที
ฝ่ายเผ่าพันธุ์ปีศาจก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมา
ยุติการประลองแต่เพียงเท่านี้?
เพราะเหตุใด?
แม้แต่ราชาอสูรวาฬก็ยังไม่ทราบคำตอบ “หลินเป่ยเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความคลุ้มคลั่ง
“อุ๊วะฮ่า ๆๆ …ข้าขอประกาศว่าข้าจะไม่ประลองอีกต่อไป ข้าจะล้างกระดานให้หมดสิ้น นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าจะให้เวลาเผ่าพันธุ์ปีศาจสามวัน จงอพยพผู้คนของพวกเจ้าออกไปจากเมืองนี้ซะ มิเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าลงมือรุนแรงมากเกินไป”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มปรากฏความมั่นใจหนักแน่น
ส่งผลให้เกิดเสียงฮือฮาดังตามมา
“สามหาว”
“ยโสโอหังเกินไปแล้ว”
“พูดจาเช่นนี้สมควรตายนัก”
“เจ้าสังหารหนึ่งในภูตอเวจีของพวกเรา ถือเป็นความผิดที่ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด”
ฝ่ายเผ่าพันธุ์ปีศาจที่โกรธแค้นจากความตายของภูตอเวจีร่างใหญ่พลันระเบิดเสียงคำรามใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความอาฆาตแค้นไม่ต่างจากเผชิญหน้าฆาตกรผู้สังหารบิดา และความโกรธแค้นก็ปะทุตัวรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่พวกมันจัดการประลองครั้งนี้ขึ้นก็เพื่อเปิดโอกาสให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้มีโอกาสรอดชีวิต
แต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับเสียสติไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองจะสามารถเอาชนะการประลองทุกคู่ที่เหลืออยู่ได้อย่างนั้นหรือ?
นับว่ารนหาที่ตายแล้ว
อวี้เหวินซิวเซียนกลับมาปรากฏตัวบนยอดเขาเซินปี๋อีกครั้ง
เขายืนอยู่ริมหน้าผา เส้นผมสีม่วงปลิวไสว ใบหน้าอันหล่อเหลาจ้องมองไปที่เวทีประลอง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “น้องหลิน สิ่งที่เจ้าพูดออกมานั้นเหลวไหลสิ้นดี เจ้ารีบลงจากเวทีไปเถอะ… มิเช่นนั้น ชีวิตของผู้คนบริสุทธิ์ในเมืองชิงอวี้จะต้องตกตายเป็นจำนวนมาก”
องครักษ์ฉิงอี้กับองครักษ์เสี่ยวอู๋ผู้ยืนอยู่สองข้างกายก็หัวเราะเยาะขณะจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาอำมหิต
“ฮ่า ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะด้วยความชั่วร้ายและตอบว่า “เพื่อเห็นแก่ที่เจ้าเคยมอบคัมภีร์ให้กับข้าเล่มหนึ่ง ครั้งนี้ข้าจะไม่ถือสาเจ้าก็แล้วกัน จงพาเผ่าพันธุ์ปีศาจของเจ้าออกไปจากเมืองชิงอวี้ซะเถอะ มิเช่นนั้นแล้ว เกรงว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจคงได้สูญพันธุ์เป็นแน่แท้”
“บังอาจนัก นี่เจ้า…”
องครักษ์ปีศาจฉิงอี้คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
แต่คำพูดยังไม่ทันจบประโยค
โพละ!
ศีรษะของมันก็ระเบิดกระจาย
ไม่ต่างจากลูกแตงโมถูกทุบ
ม่านโลหิตสาดกระจาย
ร่างกายผอมสูงสะดุ้งเฮือก
การโจมตีด้วยพลังปราณกระบี่คงกระพันเป็นสิ่งที่องครักษ์ปีศาจผู้นี้ไม่อาจต้านทานได้เลย
“นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้คนขัดจังหวะข้า”
หลินเป่ยเฉินกล่าวเสียงเรียบ
แน่นอนว่าการลงมือครั้งนี้ย่อมเป็นการลงมือเพื่อแก้แค้นให้แก่ท่านประมุขพรรควารีพิฆาตไป๋ลู่ซือ
ความวิกลจริตบนสีหน้าของหลินเป่ยเฉินชัดเจนมากขึ้น รอยยิ้มที่ชั่วร้ายของหลินเป่ยเฉินเด่นชัดมากขึ้นขณะหลินเป่ยเฉินกล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “ซิวเอ๋อร์ ข้าเปิดโอกาสให้เจ้าแล้ว นี่คือโอกาสหลบหนีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จงรับเอาไว้เถอะ”
อวี้เหวินซิวเซียนหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด
การโจมตีด้วยพลังปราณกระบี่คงกระพันเมื่อสักครู่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัว
หากเป้าหมายเมื่อสักครู่เป็นศีรษะของเขา…
อวี้เหวินซิวเซียนกําหมัดแน่น ข้อนิ้วมือกลายเป็นสีขาวโพลน ใบหน้าแสดงออกถึงความโกรธแค้นชัดเจน
“เจ้าจะต้องชดใช้อย่างสาสม”
เขาประคองซากศพของฉิงอี้ด้วยมือข้างหนึ่งและกล่าวว่า “ข้าให้โอกาสเจ้าได้ต่อสู้อย่างยุติธรรมแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่สำนึกถึงคุณค่าในโอกาสครั้งนี้ นับจากนี้ไป ผู้บริสุทธิ์ทุกคนในเมืองชิงอวี้จะต้องถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ความตายของฉิงอี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
วูบ!
ลำแสงจากวิชาปราณกระบี่คงกระพันปรากฏขึ้นอีกครั้ง
โลหิตพุ่งกระฉูด
อวี้เหวินซิวเซียนระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถขัดขวางการโจมตีครั้งนี้ ลำแสงกระบี่พุ่งเข้าไปหาองครักษ์เสี่ยวอู๋ แล้วศีรษะขององครักษ์ปีศาจก็ระเบิดกระจายหายไปจากลำคอ
“เพียงเท่านี้พอแล้วหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นเป่าปลายนิ้ว เส้นผมสีแดงเลือดปลิวไสวตามสายลม ก่อนกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากเจ้าสังหารผู้คนบริสุทธิ์ในเมืองชิงอวี้ ข้าก็จะสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจของเจ้าเช่นกัน งั้นพวกเรามาดูกันเถอะว่า ฝ่ายใดจะถูกฆ่าหมดก่อนกัน”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของอวี้เหวินซิวเซียนบิดเบี้ยวด้วยความเคียดแค้น
เพียงพริบตาเดียว องครักษ์ที่เป็นคนสนิทที่สุดของเขาถึงสองตนก็ศีรษะระเบิดกระจายไปต่อหน้าต่อตา
อวี้เหวินซิวเซียนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้อีกแล้ว เขาชูมือขวาสูงขึ้นไปในอากาศ
ตราบใดที่มือข้างนี้ถูกตวัดลงมา ก็จะเป็นการส่งสัญญาณให้เริ่มต้นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในตัวเมืองชิงอวี้ได้ทันที!!