เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1597 เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่
ตอนที่ 1,597 เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่
เหยียนซานซิงหัวหน้าสำนักดาบทมิฬพลันระเบิดเสียงหัวเราะและถามว่า “หลินเป่ยเฉิน เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินเก็บที่ตัดเล็บ เงยหน้าขึ้นและทำท่าใช้นิ้วมือดันแว่น “ข้าไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
เหยียนซานซิงหัวหน้าสำนักดาบทมิฬหัวเราะเยาะและถามต่อไป “ตกลงว่าเจ้ายอมรับผิดแล้วใช่หรือไม่?”
“ยอมรับผิดก็ได้ แล้วไงล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินมองหน้าคนถามก่อนยิ้มออกมาเล็กน้อย
เหยียนซานซิงสะดุ้งเฮือกอย่างไม่มีเหตุผล
โพละ!
แล้วศีรษะของเขาก็ระเบิดกระจาย
ไม่ต่างจากลูกแตงโมโดนทุบ เศษเลือดเนื้อสีขาวแดงกระจัดกระจายไปรอบทิศทาง
“เฮ้อ ทำไมคนเราถึงชอบรนหาที่ตายจังเลยนะ?”
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งไปที่ศีรษะของนักบวชสวีจิงซึ่งกำลังจะหมุนตัวหลบหนีไป
โพละ!
แล้วศีรษะของนักบวชสวีจิงก็ระเบิดกระจาย
กลายเป็นศพไร้หัวที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งศพ
“ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินเป่าปลายนิ้วมือของตนเองและกล่าวต่อ “ชีวิตนี้ช่างสวยงาม แต่มีผู้คนมากมายที่ไม่เห็นคุณค่าของชีวิตและอยากรนหาที่ตาย นี่มันเป็นหลักการใดกันเนี่ย?”
ความเงียบปกคลุมรอบบริเวณ
นี่คือภาพที่คุ้นเคย
เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วบนยอดเขาเซินปี๋ ตอนที่หลินเป่ยเฉินสังหารเหออู่ซาง
และวันนี้ เหตุการณ์ก็ดำเนินซ้ำรอยเดิม
แม้จะมีท่านข้าหลวงใหญ่จากอาณาจักรหลิวเยวียนยืนอยู่ทั้งคน แต่หลินเป่ยเฉินก็สามารถสังหารผู้คนได้โดยไม่สะทกสะท้านใด ๆ
นี่มัน…
เป็นพลังปีศาจใช่หรือไม่?
เหยียนอวี้หลงยังไม่ทันได้ตอบสนองใด ๆ กว่าจะตั้งสติขึ้นมาได้ องครักษ์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปสองนายก็ศีรษะระเบิดกระจายล้มลงไปนอนตายอยู่บนพื้นหินแล้ว
ในหัวใจของท่านข้าหลวงใหญ่คุกรุ่นด้วยโทสะ
นี่ไม่ใช่ความโกรธแค้นจากความตายของเหยียนซานซิงกับนักบวชสวีจิง
ความตายของสองคนนั้นไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเขา
ท่านข้าหลวงใหญ่เหยียนอวี้หลงย่อมไม่สนใจ
แต่ความโกรธแค้นที่ปะทุขึ้นมาในจิตใจของขุนนางร่างอ้วนขณะนี้ เป็นเพราะว่าหลินเป่ยเฉินไม่ได้ยำเกรงเขาเลยสักนิด
ในมุมมองของเหยียนอวี้หลง การที่หลินเป่ยเฉินสังหารองครักษ์สองคน ย่อมเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นกันต่อหน้าธารกำนัล
ถือว่ากำเริบเสิบสานยิ่งนัก
“จัดการมัน”
เหยียนอวี้หลงยกมือขึ้นโบกสะบัด
วูบ!
ได้ยินเสียงชายเสื้อปะทะสายลมดังขึ้น
ปรากฏว่าผู้ที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินในขณะนี้ก็คืออวิ้นหง
ขวานขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือของหัวหน้ากลุ่มองครักษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
อวิ้นหงมีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากลุ่มองครักษ์ประจำกายท่านข้าหลวงใหญ่ พลังฝีมือย่อมไม่ธรรมดา เขาสามารถเลื่อนขั้นขึ้นสู่ขอบเขตพลังจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 2 ได้ตั้งแต่เมื่อหกปีที่แล้ว
และอาวุธที่อยู่ในมือก็เรียกว่าขวานดื่มโลหิต
นี่คืออาวุธวิเศษที่ถูกสร้างโดยคฤหาสน์ตระกูลหลิง ซึ่งถูกหลอมขึ้นมาจากแร่โลหะหายากในภพภูมิดาราจักร มีความแข็งแรงและทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของน้ำหนักหรือความคม ขวานเล่มนี้ก็สามารถฟันทะลวงชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดได้เสมอ
แต่ในขณะนี้…
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น
หลังจากนั้น ร่างของอวิ้นหงก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
ขวานดื่มโลหิตแตกกระจาย
ใบขวานที่แตกกระจายเหล่านั้นแทงทะลุชุดเกราะและทิ่มแทงลงไปตามเนื้อตัวขององครักษ์อวิ้นหง
กลางหว่างคิ้วขององครักษ์อวิ้นหงปรากฏรูโบ๋ชัดเจน
หลินเป่ยเฉินนั่งเป่าปลายกระบอกปืน AWM อยู่บนหลังเจ้าเสือเสี่ยวหู
“อ่อนหัด”
หลินเป่ยเฉินพูดเสียงเรียบ
บรรยากาศเงียบสงบ
สีหน้าของผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ในลานหินแสดงออกถึงความตกตะลึงสุดขีด
แม้แต่ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนก็ตกตะลึงเช่นกัน
องครักษ์อวิ้นหงตายแล้ว
ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มองครักษ์ประจำกายท่านข้าหลวงใหญ่ตายแล้ว
หลินเป่ยเฉิน… เสียสติไปแล้วหรือไม่?
เหยียนอวี้หลงยืนตกตะลึงอยู่กับที่
เขาชำเลืองมองร่างของหัวหน้ากลุ่มองครักษ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหิน ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ขุนนางร่างอ้วนพยายามสงบสติอารมณ์และบังคับตนเองให้ใจเย็น ๆ
เพราะเหยียนอวี้หลงรู้แล้วว่าตนเองมองข้ามข้อมูลที่สำคัญไปโดยสิ้นเชิง
เขาเคยได้ยินมาว่าหลินเป่ยเฉินมีวิชาการต่อสู้ที่เรียกว่า ‘วิชาปราณกระบี่คงกระพัน’
เหยียนอวี้หลงถึงกับเคยรับชมภาพเคลื่อนไหวของวิชานี้ในกระจกฉายภาพมาแล้ว
แต่ตอนนั้น เหยียนอวี้หลงเพียงรู้สึกว่านี่เป็นการโจมตีที่รวดเร็วน่าชื่นชม แต่ก็ไม่มีสิ่งใดให้ตื่นตระหนกตกใจ เพราะต้องไม่ลืมว่าหลินเป่ยเฉินยังมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 5 เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เหยียนอวี้หลงจึงไม่ได้นึกถึงผลที่ตามมาเมื่อมีปัญหากับเด็กหนุ่ม
เป็นเราประมาทเกินไป
เหยียนอวี้หลงกล่าวโทษตนเองอยู่ในใจ
วูบ! วูบ! วูบ!
โล่หกเหลี่ยมสีเขียวมรกตหกบานพลันลอยขึ้นมาจากด้านหลังเหยียนอวี้หลง
พวกมันเคลื่อนไหวคล่องแคล่วไม่ต่างจากลูกไฟห้อมล้อมรอบกายเหยียนอวี้หลงด้วยความเร็วสูงสุด และเพียงไม่นานเท่านั้น โล่ทั้งหกบานก็รวมตัวกันกลายเป็นค่ายกลกระดองเต่าคอยคุ้มครองเหยียนอวี้หลงอยู่ตรงกลาง
หกโล่มรกตประจัญบาน
นับเป็นอาวุธวิเศษระดับสูง
ถูกสร้างขึ้นมาโดยคฤหาสน์ตระกูลหลิงจากภพภูมิดาราจักรเช่นกัน
ผู้คนของคฤหาสน์ตระกูลหลิงที่เดินทางเข้ามาหากินอยู่ในอาณาจักรหลิวเยวียนต่างก็มีสายเลือดเป็นผู้แปรธาตุ จึงมีความชำนาญในการสร้างอาวุธจากการเล่นแร่แปรธาตุอย่างหาตัวจับยาก
สมาชิกของตระกูลหลิงจำนวนมากกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อดัง
และหนึ่งในนั้นก็คือประมุขตระกูลหลิงคนปัจจุบัน
อาวุธที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงนำออกมาวางจำหน่าย แม้ไม่ได้เป็นอาวุธวิเศษระดับสูง แต่ก็ได้รับความนิยมในอาณาจักรหลิวเยวียนเป็นอย่างยิ่ง
และหกโล่มรกตประจัญบานก็คืออาวุธที่เหยียนอวี้หลงเสียเงินซื้อมาเป็นจำนวนมหาศาล และยังต้องใช้เส้นสายเป็นจำนวนมากกว่าจะได้มันมาครอบครองในท้ายที่สุด
ผู้ขายอ้างว่าโล่ชนิดนี้สามารถป้องกันการโจมตีได้ถึงผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 5
ถือเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายประจำตัวของเหยียนอวี้หลง
ตู้ม!
ตู้ม!
ตู้ม!
ปราณกระบี่คงกระพันถูกยิงใส่ค่ายกลกระดองเต่าของหกโล่มรกตประจัญบานอย่างต่อเนื่อง
สะเก็ดไฟสาดกระจาย
เหยียนอวี้หลงพยายามยืนหยัดอยู่ที่เดิม แม้จะมีคลื่นแรงกระแทกซึมซับเข้ามาบ้างก็ตาม
แต่ขุนนางร่างอ้วนยังคงไร้ริ้วรอยขีดข่วน
เสียงอุทานดังขึ้นในลานหินอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนที่รับชมเหตุการณ์โดยรอบล้วนตกตะลึง
พวกเขาตกตะลึงที่หลินเป่ยเฉินเสียสติถึงขนาดกล้าเปิดฉากโจมตีใส่ท่านข้าหลวงใหญ่เหยียนอวี้หลงในลักษณะที่หมายมั่นเอาชีวิต
และพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากไปกว่าเดิมที่เหยียนอวี้หลงสามารถรับมือการโจมตีจากวิชาปราณกระบี่คงกระพันของหลินเป่ยเฉินได้อย่างง่ายดายยิ่ง