เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1606 เจรจาปล่อยตัวประกัน
การบุกปล้นเรือเหาะรุ่งอรุณในครั้งนี้มีแกนนำเป็นคนตระกูลฮั่ว โดยที่เผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือเท่านั้น เมื่อผู้อาวุโสของพวกมันอย่างฟ่านหรู่เมิ่งถึงแก่ความตาย บรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจจึงหวาดกลัวหลินเป่ยเฉินจนไม่กล้าขัดขวางเขาอีกต่อไป
“รีบเปิดค่ายอาคมควบคุมเรือเหาะรุ่งอรุณ เร็วเข้า”
หลิงไท่ซือตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ในที่สุด เขาก็แน่ใจได้แล้วว่าพวกของตนเองปลอดภัยแล้ว
หากไม่ใช่เพราะถูกหักหลังโดยสหายสนิทอย่างฮั่วเจี้ยนป๋อ มีหรือที่เรือเหาะรุ่งอรุณจะถูกกลุ่มโจรสลัดปีศาจดักปล้นกลางทางเช่นนี้ และพวกเขาจะต้องมาพบเจอกับชะตากรรมที่แสนน่าเศร้าเช่นนี้หรือ?
เมื่อค่ายอาคมควบคุมเรือเหาะถูกเปิดใช้งาน ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง
“ทีนี้ก็คงปล่อยตัวคุณชายของข้ากลับมาได้แล้วกระมัง”
ฮั่วเจิ้นมีโลหิตไหลหยดเป็นทางจากร่างกาย
มันทราบดีว่าปฏิบัติการของตนเองล้มเหลว
และความล้มเหลวครั้งนี้จะก่อให้เกิดหายนะตามมา
เมื่อข่าวนี้ถูกแพร่สะพัดออกไป ตระกูลฮั่วก็คงใกล้ถึงจุดจบแล้ว
แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือการรักษาชีวิตคุณชายฮั่วเจี้ยนป๋อให้อยู่รอดปลอดภัยต่างหาก
ส่วนเรื่องอื่น ๆ ค่อยเอาไว้ว่ากันทีหลัง
“ไม่มีปัญหา”
หลินเป่ยเฉินกล่าว ก่อนจะยกปืนขึ้นระเบิดกระสุนใส่ศีรษะของฮั่วเจี้ยนป๋อ
“นี่ไงคุณชายของเจ้า เอาคืนไปสิ ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ”
เด็กหนุ่มปล่อยมือ
ร่างไร้วิญญาณของฮั่วเจี้ยนป๋อล้มลงฟุบไปกับพื้น
ฮั่วเจิ้นสะดุ้งเฮือกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ตัวคนยืนแข็งค้าง เบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
คุณชายฮั่วเจี้ยนป๋อตายแล้ว
นี่ฝ่ายตรงข้ามถึงกับกล้าฆ่าคุณชายฮั่วจริง ๆ หรือ?
“ข้าจะฆ่าเจ้า…”
ฮั่วเจิ้นพุ่งเข้าหาหลินเป่ยเฉินด้วยความบ้าคลั่ง ระเบิดพลังในร่างกายออกมาเต็มอัตรา หมายจะพลีชีพตายไปพร้อมกับหลินเป่ยเฉิน
แต่แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
หลิงไท่ซือยื่นมือเข้ามาขัดขวาง
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้พบกับนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงของจริง
หลิงไท่ซือโยนวัตถุสีเงินที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์สี่เหลี่ยมออกมา และลูกบาศก์ก้อนนั้นก็เปลี่ยนรูปทรงกลางอากาศอย่างรวดเร็ว สุดท้ายมันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นกรงขังขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมฮั่วเจิ้นผู้บ้าคลั่งอยู่ด้านใน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านในกรงขังอย่างต่อเนื่อง
รังสีอำมหิตฉายประกายอยู่ในดวงตาของหลิงไท่ซือ
หลังจากนั้น กรงขังโลหะก็เริ่มหมุนวนและย่อขนาดลงอย่างรวดเร็ว
สุดท้าย ฮั่วเจิ้นก็ถูกบีบอัดบี้แบนกลายเป็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง หลังจากนั้นก็ถูกนำไปเททิ้งสู่ห้วงบรรยากาศอันเวิ้งว้างที่ด้านนอก นับเป็นความตายที่น่าอนาถ แม้แต่ซากศพก็ไม่มีเหลือ
หลินเป่ยเฉินอาศัยจังหวะนี้ดูดกลืนพลังปราณของจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 อย่างฟ่านหรู่เมิ่งเข้าสู่ร่างกายของตนเอง
เขาไม่เคยดูดกลืนพลังที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน
และแขนซ้ายของเด็กหนุ่มก็บวมโตขึ้นมาอย่างไม่น่าประหลาดใจ แขนของเขาใหญ่จนเกือบจะเท่ากับช่วงเอวของหลิงหลิง เส้นผมของเขาก็เปลี่ยนแปลงกลายเป็นสีม่วง… โชคดีที่หลินเป่ยเฉินยังอยู่ในการแปลงโฉมจากแอป ‘เมจิก คาเมร่า’ บัดนี้ ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจึงไม่ปรากฏต่อสายตาของผู้อื่น
“ก่อนหน้านี้ เราเคยแต่ดูดซับพลังของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 3 อย่างเหยียนอวี้หลง แต่ฟ่านหรู่เมิ่งเป็นถึงจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 พลังทำลายล้างของเราน่าจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า… อยากรู้จริง ๆ ว่าลูกกระสุนของเครื่องยิงระเบิด Type 69 ที่หลอมรวมขึ้นมาจากปราณปีศาจของฟ่านหรู่เมิ่งนั้น จะมีพลังทำลายล้างเล่นงานพวกจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 หรือระดับ 8 ได้ไหมนะ?”
สีหน้าของเด็กหนุ่มแสดงออกถึงความพึงพอใจ
การลงมือครั้งนี้เขาไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ มิหนำซ้ำ ยังได้พลังมาครอบครองอีกด้วย
หลินเป่ยเฉินไม่สามารถดูดซับพลังจากซากศพของฮั่วเจี้ยนป๋อได้อีก เพราะแขนซ้ายและแขนขวาของตนเองไม่มีที่ให้เก็บมวลพลังปราณอีกแล้ว และเขาก็ไม่อยากใช้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ‘บรรจุ’ พลังปราณของผู้อื่นโดยไม่จำเป็น
สัญชาตญาณของหลินเป่ยเฉินกำลังร้องเตือน
หากเขาดูดกลืนพลังจากผู้อื่นมาเก็บเอาไว้ในร่างกายมากเกินไป ไม่แน่เขาอาจควบคุมพลังไม่ได้ สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นอันตรายต่อตนเอง
อีกอย่าง เขายังไม่ชำนาญเรื่องการ ‘ดูดกลืน’ พลังจากผู้อื่น
หลินเป่ยเฉินถ่ายเทพลังในร่างกายบรรจุเป็นลูกกระสุนปืนอินทรีหิมะ ปืนกลมืออูซี่ ปืน AK47 และเครื่องยิงระเบิด Type 69 เพียงเท่านี้ เขาก็พร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
ต่อมา เด็กหนุ่มก็ตรวจค้นทรัพย์สินของมีค่าจากซากศพคนตายบนดาดฟ้าเรือเหาะ
ตู้ม!
เรือเหาะรุ่งอรุณสั่นสะเทือนเล็กน้อยขณะที่ยิงลำแสงออกไปข้างหน้า
ปฏิบัติการล่าล้างแค้นเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เรือเหาะของตระกูลฮั่วเช่นเดียวกับเรือเหาะของกลุ่มโจรสลัดปีศาจมีประสิทธิภาพในการใช้งานต่ำกว่าเรือเหาะรุ่งอรุณหลายเท่า ยิ่งบัดนี้พวกมันถูกหลินเป่ยเฉินฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก จิตใจจึงเกิดความหวาดหวั่นเกรงกลัว กลุ่มเรือเหาะโจรสลัดนับสิบลำพลันแยกย้ายกระจายตัวหนีไปคนละทิศละทางทันที
“โปรดจำชื่อของข้าเอาไว้ให้ดี ข้ามีนามว่าอวี้เหวินซิวเซียน ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งภพภูมิดาราจักรและอาณาจักรหลิวเยวียน หากพวกเจ้าอยากแก้แค้น ก็สามารถมาตามหาข้าได้ทุกเมื่อ”
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและส่งเสียงตะโกนออกไป
ท่วงท่าของเขาคล้ายกับมีเจตนาอยากให้กลุ่มปีศาจเหล่านั้นนำชื่อของอวี้เหวินซิวเซียนกระจายไปให้ทั่วทุกดินแดน เพราะอวี้เหวินซิวเซียนไม่เคยหวาดกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น
แต่ภาวะสุญญากาศไม่สามารถขนส่งคลื่นเสียงได้ ดังนั้น กลุ่มโจรสลัดปีศาจจึงไม่ได้ยินคำพูดของเขาแม้แต่คำเดียว
“คุณชายอวี้เหวิน”
หลิงไท่ซือรีบเดินเข้ามาประสานมือคำนับด้วยความนอบน้อม “บุญคุณที่ท่านช่วยเหลือพวกเราในวันนี้ ตระกูลหลิงจะไม่มีทางลืมเลือนเด็ดขาด… ข้าน้อยมีนามว่าหลิงไท่ซือเป็นตัวแทนจากสกุลหลิง ขอขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เจ้าหมอนี่ใช้การไม่ได้เลย
หลิงไท่ซือไม่ใช่น้องสาวผู้งดงาม ขอบคุณเพียงลมปากจะใช้ได้อย่างไร?
คนอื่น ๆ ก็เข้ามาขอบคุณที่หลินเป่ยเฉินช่วยชีวิตของตนเองเอาไว้เช่นกัน
พวกเขาคิดว่าวันนี้ตนเองต้องกลายเป็นศพที่ไร้แผ่นดินกลบฝังเสียแล้ว
“สำหรับความเมตตาของคุณชายอวี้เหวินในครั้งนี้ พวกเราไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรจริง ๆ…”
หลิงไท่ซือทำได้เพียงขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า
“อย่าได้เกรงใจไปเลย”
หลินเป่ยเฉินรีบพูดด้วยความกระตือรือร้น “หากพวกท่านอยากขอบคุณข้าจริง ๆ ก็ตอบแทนด้วยสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ สักแสนตำลึงเงินก็พอ หรือหากท่านพอมีกำลังอีกสักหน่อย ถ้าได้สักหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึงเงินก็น่าจะสวยงามมากทีเดียว”
หลิงไท่ซือพูดอะไรไม่ออก
นี่ถึงกับระบุจำนวนเงินที่ต้องการเชียวหรือ?
หลิงไท่ซือพอจะมองออกแล้วว่าสมองของคนผู้นี้คงไม่ปกติจริง ๆ
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “รีบไปเตรียมเงินมาได้แล้ว”
หลิงไท่ซือรีบตั้งสติและตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “ฮ่า ๆๆ ไม่มีปัญหาขอรับ พวกเรารีบไปเตรียมเงินมาหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึง… อย่าให้คุณชายต้องรอนาน”
หลินเป่ยเฉินเองก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน “ไม่เสียทีที่ข้าเห็นหน้าท่านตั้งแต่แรก ก็รู้แล้วว่าท่านต้องเป็นตัวเงินตัวทองอย่างแน่นอน พี่ชาย ข้าถูกชะตากับท่านจริง ๆ”
หลิงไท่ซือพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง
แม้ว่านี่จะเป็นประโยคชื่นชม แต่ก็เหมือนกับมีถ้อยคำบางอย่างที่ชวนให้อดตะขิดตะขวงใจขึ้นมาไม่ได้
การสนทนาพาทีย้ายสถานที่มาเป็นภายในห้องรับรองใต้ท้องเรือเหาะรุ่งอรุณ
อาหารและสุราจำนวนมากถูกนำมาจัดวางไว้บนโต๊ะ
บรรยากาศแสนอบอุ่น
หลิงหลิงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาวตัวใหม่
นางยังดูสดใส ซุกซนและงดงาม เอวคอดกิ่ว ช่วงขาเรียวยาวอยู่ภายใต้กระโปรงสีขาว ผิวขาวเนียน ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม ดวงตากลมโตมีชีวิตชีวา สามารถให้คำจำกัดความได้ว่าสวยงามอย่างน่ามหัศจรรย์
“สำหรับบุญคุณที่คุณชายอวี้เหวินช่วยชีวิตข้าน้อยไว้ในวันนี้ ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดสามารถตอบแทนได้ นอกจากขอเกิดใหม่เป็นวัวเป็นม้ารับใช้ท่านไปตลอดชีวิต”
หลิงหลิงกล่าวด้วยความเอียงอายแต่จริงใจ