เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1608 สถานการณ์ในอาณาจักรหลิวเยวียน
ตอนที่ 1,608 สถานการณ์ในอาณาจักรหลิวเยวียน
“สำหรับอาณาจักรหลิวเยวียน ถือเป็นดินแดนที่ปกครองเมืองน้อยใหญ่ถึงพันสามร้อยเมือง ในจำนวนนี้ มีดินแดนที่เป็นเขตปกครองพิเศษตนเองอยู่อีกเจ็ดสิบสองแห่ง ในเขตปกครองเจ็ดสิบสองแห่งนี้ เป็นดินแดนของมนุษย์สี่สิบสี่แห่ง เป็นดินแดนของเผ่าพันธุ์อสูรยี่สิบแห่ง เป็นดินแดนของสิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธุ์หกแห่ง และเป็นดินแดนของเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกหกแห่ง ส่วนดินแดนที่เหลืออยู่นั้นถูกเรียกว่าเป็นดินแดนมรณะเพราะมีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต และในดินแดนเหล่านี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังคงเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ”
“อาณาจักรหลิวเยวียนไม่มีการก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นมาดูแล แต่พวกเขาได้ก่อตั้งสภาขุนนางซึ่งรวบรวมขึ้นมาจากเก้าตระกูลใหญ่ อันประกอบด้วยตระกูลหลิง ตระกูลฮั่ว ตระกูลคง ตระกูลชิน ตระกูลเซิน ตระกูลฮัน ตระกูลอวี้ ตระกูลฟาง และตระกูลเฟิง ขุนนางใหญ่ทั้งเก้าต่างก็เป็นประมุขตระกูลของตนเอง และในกลุ่มคนจำนวนนี้ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดก็คือเฟิงเสี่ยวไป๋ ประมุขตระกูลเฟิง ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้คุมสภารักษาการคนปัจจุบันเจ้าค่ะ”
“แต่ระบบการปกครองของพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้น แตกต่างไปจากระบบการปกครองของเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยสิ้นเชิง เผ่าพันธุ์ปีศาจในอาณาจักรหลิวเยวียนจะทำงานอยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มกองกำลังที่ชื่อว่าสำนักอัสนีมืด โดยที่กลุ่มผู้นำของสำนักอัสนีมืดก็คือปีศาจอาวุโสสามตน ซึ่งแต่ละตนก็มีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจจักรพรรดิ และไม่นานมานี้ พวกมันก็รวบรวมกำลังพลประกาศสงครามต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างเป็นทางการ...”
“ในอดีตนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจมีจำนวนอันน้อยนิด หกดินแดนของพวกมันในอาณาจักรหลิวเยวียนล้วนแต่เป็นสถานที่ซึ่งอันตรายและทุรกันดาร พวกมันป้องกันตนเองได้ แต่เป็นเรื่องยากที่จะบุกโจมตีผู้อื่น หลายครั้งทีเดียวที่สภาขุนนางของฝ่ายมนุษย์เกือบจะสามารถบุกทำลายสำนักอัสนีมืดได้สำเร็จ แต่เพียงหนึ่งเดือนที่แล้วเท่านั้น ไม่มีผู้ใดทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆ พวกปีศาจก็แข็งแกร่งมากขึ้นจนสามารถบุกโจมตีที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า…”
“ส่วนทางด้านระบบการปกครองของเผ่าพันธุ์อสูร พวกมันมีความซับซ้อนยุ่งเหยิงมากกว่าการปกครองของเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจ เนื่องจากเผ่าพันธุ์อสูรมีเจ้าผู้ครองดินแดนแตกต่างกันไป บางส่วนเป็นหัวหน้าฝูง บางส่วนตั้งตนเป็นองค์ราชันย์ ไม่มีผู้ใดยอมจับมือร่วมกันทำงานเป็นหนึ่งเดียว สุดท้ายเผ่าพันธุ์อสูรก็แบ่งแยกออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ อันได้แก่ กลุ่มพันธมิตรอสูรทองคำ กลุ่มนี้จะรับผิดชอบเรื่องการค้าขายและมีความร่ำรวยมากที่สุด”
“กลุ่มที่สองคือกลุ่มอสูรเขี้ยวทมิฬ นี่เป็นกลุ่มอสูรที่ป่าเถื่อนเพราะต้องการจะย้อนเวลาให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดกลับไปอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมแบบดงดิบ และปกติพวกมันจะไม่ติดต่อสื่อสารกับอสูรกลุ่มอื่น ๆ”
“กลุ่มที่สามเรียกว่ากลุ่มพันธมิตรอสูรสงคราม นี่คือกลุ่มที่รวบรวมอสูรนักรบจากหลายเผ่าพันธุ์ เป็นพวกที่นิยมความรุนแรงมากที่สุด และเป็นพวกที่มีรากฐานพลังแข็งแกร่งมากที่สุด…”
“นอกจากสามกลุ่มนี้แล้ว ยังมีอสูรอีกหนึ่งกลุ่มย่อยที่สืบเชื้อสายมาจากอสูรเผ่าพันธุ์โบราณ พวกมันมีจำนวนเพียงน้อยนิด แต่กลับเป็นกลุ่มที่มีพลังการโจมตีเฉพาะตัวรุนแรงมากที่สุด ตัวอย่างเช่น หนึ่งในสมาชิกของอสูรกลุ่มนี้มีลักษณะคล้ายกับมังกรโบราณ แค่เพียงมังกรฝูงเดียว ก็สามารถปกครองดินแดนทั้งดินแดนได้แล้ว… กล่าวคือ กลุ่มอสูรย่อยกลุ่มที่สี่นี้คือกลุ่มที่ไม่มีผู้ใดอยากจะไปมีเรื่องผิดใจด้วยเป็นอันขาด”
หลิงหลิงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดในลมหายใจเดียว
หลินเป่ยเฉินรับฟังข้อมูลด้วยความรู้สึกที่เข้าใจทุก ๆ อย่างมากขึ้น
ความลับบางส่วนได้ถูกไขกระจ่าง
เมื่อพูดคุยมาถึงตรงนี้ องครักษ์ตระกูลหลิงผู้หนึ่งก็เดินเข้ามารายงานว่า “กราบเรียนคุณชาย เรือเหาะหยางเว่ยกำลังแล่นเข้ามาใกล้และส่งสัญญาณว่ามาอย่างเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู ไม่ทราบว่าคุณชายอยากรับติดต่อหรือไม่?”
หลิงไท่ซือสะดุ้งเล็กน้อย กำลังจะปฏิเสธตามสัญชาตญาณ
หลินเป่ยเฉินชิงก็ขัดจังหวะพูดขึ้นมาว่า “เป็นเรือเหาะของข้าเอง”
“หืม? รีบรับสัญญาณและทำการติดต่อสื่อสารซะ”
หลิงไท่ซือตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน
การติดต่อสื่อสารก็เสร็จสมบูรณ์
สองพี่น้องตระกูลหลิงพร้อมด้วยหลินเป่ยเฉินเดินกลับขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือเหาะรุ่งอรุณเพื่อต้อนรับผู้คนจากเรือเหาะหยางเว่ย
ผู้ที่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ย่อมต้องเป็นหมิงเซวี่ยเฟิง
เพราะเขาคิดไม่ถึงเลยว่านายท่านคนใหม่นอกจากจะไม่ตายด้วยฝีมือของกลุ่มโจรสลัดปีศาจแล้ว ยังอาศัยพละกำลังเพียงตัวคนเดียวสามารถช่วยเหลือเรือเหาะรุ่งอรุณและกลายเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลหลิงได้สำเร็จ
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึง
ดูท่าว่านายท่านคนใหม่ของพวกเขาน่าจะมีความแข็งแกร่งไม่แพ้กับท่านข้าหลวงใหญ่เหยียนอวี้หลง
“พวกท่านคงทำงานหนักมากแล้ว นี่คือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพวกเรา ได้โปรดยอมรับไว้เถอะ”
หลิงไท่ซือเป็นบุคคลที่รู้วิธีเอาใจผู้อื่น เขาสั่งให้ผู้ติดตามของตนเองนำของรางวัลมามอบให้แก่ลูกเรือเหาะหยางเว่ย เนื่องจากเข้าใจว่าพวกของหมิงเซวี่ยเฟิงก็น่าจะมีส่วนช่วยเหลือในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เช่นกัน ในเวลาเดียวกันนี้ ตระกูลหลิงก็ยังได้มอบบัตรส่วนลดสำหรับซื้อหาอาวุธเล่นแร่แปรธาตุสุดพิเศษสำหรับกลุ่มลูกเรือของหมิงเซวี่ยเฟิงอีกด้วย
หมิงเซวี่ยเฟิงและพรรคพวกตื่นเต้นจนอ้าปากค้าง
นี่คือของขวัญอันยิ่งใหญ่
ตระกูลหลิงถือเป็นผู้ค้าขายสินค้าเล่นแร่แปรธาตุรายใหญ่แห่งอาณาจักรหลิวเยวียน การได้รับบัตรส่วนลดพิเศษหนึ่งส่วนจากราคาเต็มสิบส่วนหมายถึงอะไร?
นั่นหมายถึงการประหยัดเงินเป็นจำนวนมหาศาล
ดูท่าว่าการติดตามนายท่านคนใหม่ของพวกเขา คงจะนำไปสู่อนาคตที่แสนสดใสมากยิ่งกว่าการติดตามท่านข้าหลวงใหญ่เหยียนอวี้หลงเสียแล้ว
ทำไมเหยียนอวี้หลงถึงไม่ตายให้เร็วกว่านี้นะ?
และในส่วนของนักพรตหญิงชิน หวังจงกับอากวงและคนอื่น ๆ ก็ได้รับเชิญขึ้นมาเลี้ยงต้อนรับบนเรือเหาะรุ่งอรุณเช่นกัน
สำหรับซากศพของบรรดาองครักษ์ที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ ส่วนไหนที่สามารถออกไปเก็บกลับเข้ามาได้ พวกเขาก็จะเก็บกลับมาเพื่อนำไปทำพิธีฝังศพที่ถูกต้องตามประเพณีต่อไป
นี่คือสิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์มักกระทำเสมอ
บรรยากาศบนเรือเหาะรุ่งอรุณเต็มไปด้วยความเศร้าสลดหดหู่ใจ
แต่ถึงกระนั้น บรรดากะลาสีเรือและกลุ่มองครักษ์จากตระกูลหลิงก็ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ดีอย่างเป็นมืออาชีพ ในไม่ช้า เรือเหาะรุ่งอรุณก็แล่นความเร็วออกไปจากจุดที่ถูกกลุ่มโจรสลัดโจมตี
ในห้องรับรองแขกระดับสูง งานเลี้ยงเล็ก ๆ ยังคงดำเนินต่อไป
สุราและอาหารรสเลิศถูกนำมาจัดวาง สุราวิเศษที่จิบเพียงนิดเดียวก็ช่วยเพิ่มพลังปราณได้อย่างน่าทึ่ง เนื่องจากสุราชนิดนี้หมักขึ้นมาจากข้าวที่ถูกปลูกอยู่ในเส้นทางดาราจักร พวกมันจึงมีสรรพคุณในการบำรุงพลังปราณเป็นพิเศษ
หลังจากนั้น อากวงก็เริ่มดื่มอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เจ้าเสืออสูรก็ดื่มตามด้วยเช่นกัน
สมแล้วที่พวกมันเป็นพ่อลูกบุญธรรมกันจริง ๆ
นักพรตหญิงชินยังคงรักษากิริยาสงบสุขุมตามเดิม ผู้คนตระกูลหลิงประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาแน่ใจว่านางต้องไม่ใช่ผู้คนธรรมดา จึงพูดจาอย่างให้ความเคารพเป็นอย่างสูง
หลิงหลิงพูดคุยกับนักพรตหญิงชินอย่างมีความสุข
สตรีที่มีรูปโฉมงดงามสามารถหาเรื่องพูดคุยกันได้อย่างรวดเร็วเสมอ
“ไม่ทราบว่าคุณชายอวี้เหวินจะไปที่ใดต่อหรือขอรับ?”
หลิงไท่ซือถามด้วยน้ำเสียงเชื้อเชิญ โดยหวังว่าหลินเป่ยเฉินจะติดตามตนเองเดินทางไปที่เมืองหลันจี๋ซิง
เนื่องจากเขาให้ค่าความแข็งแกร่งของหลินเป่ยเฉินเอาไว้สูงส่งพอสมควร
“เรือเหาะของเราบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารเป็นจำนวนมาก ภารกิจครั้งนี้คือส่งมอบอาวุธทั้งหมดให้แก่กองทัพในสนามรบชั้นแนวหน้าโดยเร็วที่สุด”
แม้ว่าเรือเหาะจะถูกโจมตีกลางทาง แต่หลิงไท่ซือก็ยังคงแสดงความกล้าหาญออกมา เขาไม่อยากถอยหลังกลับและต้องการที่จะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง
“เมื่อสักครู่ ข้าได้ติดต่อกับผู้คนทางครอบครัวข้าเรียบร้อยแล้ว ทางสภาจะส่งผู้คนมาช่วยเหลือ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ข้าคงต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากคุณชายอวี้เหวินก่อนขอรับ”
หลิงไท่ซือขอความช่วยเหลืออย่างตรงไปตรงมา
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับ
ว่ากันตามความเป็นจริง การออกเดินทางไกลครั้งนี้ เขาก็ยังไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัดด้วยซ้ำ
เป้าหมายหลักของการออกเดินทางไกลครั้งนี้ คือการเพิ่มพลังให้ตนเองสามารถเลื่อนขั้นพลังได้รวดเร็วมากที่สุด เพราะมีแต่การบรรลุขั้นพลังจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น หลินเป่ยเฉินจึงจะสามารถเปิดประตูมิติสู่แผ่นดินตงเต้าได้สำเร็จ
“ข้าเดินทางไปกับพวกท่านด้วยก็ได้”
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็พยักหน้าตอบตกลง “แต่พวกท่านต้องจ่ายค่าจ้างข้านะ”
“ไม่มีปัญหาขอรับ”
หลิงไท่ซือยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
ความจริง เขาดูออกว่าหลินเป่ยเฉินเป็นยอดฝีมือไร้สังกัด ไม่ได้ทำงานให้แก่เก้าตระกูลใหญ่ เพราะฉะนั้น หลิงไท่ซือจึงต้องการเอาชนะใจเด็กหนุ่มให้ได้
ยอดฝีมือที่สูงเช่นนี้ สามารถปลอมแปลงโฉมจนพวกปีศาจดูไม่ออก แม้ไม่ต้องมาทำงานให้กับเขา ตราบใดที่สามารถเป็นมิตรสหายกันได้ หลิงไท่ซือก็มั่นใจว่านี่ต้องเป็นประโยชน์ต่อตนเองในอนาคตอย่างแน่นอน
สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายก็ได้ข้อตกลงร่วมกัน
เรือเหาะรุ่งอรุณจะแล่นนำหน้า ตามหลังมาด้วยเรือเหาะหยางเว่ย โดยที่เรือเหาะทั้งสองลำต่างก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือเมืองหลันจี๋ซิง