เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1612 บุกตะลุย
ตอนที่ 1,612 บุกตะลุย
ในขณะนี้ หลินเป่ยเฉินอดนึกถึงน้องชายสุดที่รักอย่างเซียวปิงขึ้นมาไม่ได้
ในกลุ่มคนที่อยู่รอบตัวเขา เซียวปิงคือผู้ที่ชำนาญการใช้อาวุธปืนเหล่านี้มากที่สุด แต่น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มร่างอ้วนเลือกที่จะอยู่ในเมืองชิงอวี้เพื่อสร้างเส้นทางชีวิตของตนเองต่อไป
เฮ้อ
นี่ก็ผ่านมาได้หกวันแล้วนับตั้งแต่ที่แยกจากพวกของเซียวปิงมา
คิดถึงเจ้านั่นจริง ๆ แฮะ
“พวกเราบุก!”
หลิงไท่ซือตะโกนด้วยความดุดัน เขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบนักรบและลอยตัวออกไปสู่ชั้นบรรยากาศด้านนอกพร้อมด้วยผู้ติดตามระดับสูง
หลิงไท่ซือตัดสินใจอ้อมไปโจมตีทางด้านหลังของกลุ่มอสูรดารา
เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเขาจึงสามารถรักษาตำแหน่งของตนเองเอาไว้ได้
เรือเหาะรุ่งอรุณจะสนับสนุนด้วยการโจมตีจากระยะไกล
เพราะถ้าปล่อยให้พวกอสูรดาราเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ สมาชิกเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรก็จะสามารถทำอันตรายได้มากกว่าเดิม
ร่างของผู้คนพุ่งเป็นลำแสงแยกย้ายออกไปสี่ทิศทาง กระจายตัวไปยังบรรดาอสูรดาราที่ปิดล้อมเส้นทางหลบหนีของเรือเหาะรุ่งอรุณ
“หัวหน้าฝูงสิงโตนั่นเดี๋ยวข้าจัดการให้เอง”
หลินเป่ยเฉินก็สวมใส่ชุดเครื่องแบบนักรบและอุปกรณ์สำหรับเหาะเหินในชั้นบรรยากาศด้านนอกเรียบร้อยแล้ว
เป้าหมายของเขาคือจินอู๋ซูและองครักษ์ของมันทั้งสี่ตัว
“คุณชายระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”
หลิงหลิงส่งเสียงตะโกนไล่หลังมาด้วยความเป็นห่วง
ตอนที่พี่ชายของนางอย่างหลิงไท่ซือออกไปต่อสู้เมื่อสักครู่ นางยังไม่เป็นห่วงเท่านี้เลยด้วยซ้ำ
มนุษย์สามารถยิงปืนในภาวะสุญญากาศได้หรือไม่?
คำตอบคือได้
เมื่อไม่มีแรงเสียดทานจากในอากาศ กระสุนจึงเดินทางด้วยความรวดเร็วมากขึ้นและมีระยะการโจมตีที่ยาวไกลมากขึ้น
อานุภาพในการทำลายล้างก็รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินเรียนรู้ข้อมูลเหล่านี้มาทั้งหมดแล้ว
เขาทราบข้อมูลเหล่านี้เป็นอย่างดี
เพราะในขณะที่คนอื่น ๆ ยังลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาก็ใช้ปืนสไนเปอร์ AWM ยิงไปที่หัวหน้าฝูงอสูรสิงโตทองคำจินอู๋ซู
ผลลัพธ์ไม่น่าประหลาดใจ
จินอู๋ซูยังไม่ทันได้ตั้งตัว ศีรษะของมันก็ระเบิดหายไปถึงครึ่งหนึ่ง
นับว่าจินอู๋ซูประมาทมากเกินไป
หากมันเคยเห็นหลินเป่ยเฉินใช้ลำแสงปราณกระบี่คงกระพันมาก่อน จินอู๋ซูก็จะเข้าใจทุกอย่างและสามารถหลบการโจมตีครั้งนี้ได้ทันเวลา
โลหิตสีทองคำสาดกระจาย
องครักษ์ของจินอู๋ซูทั้งสี่ตัวถูกโลหิตกระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า
และหลินเป่ยเฉินก็ถูกแรงถีบของปืน AWM กระแทกถอยหลังกลับมา
เขายังไม่เคยมีประสบการณ์ยิงปืนในอวกาศมาก่อน
เด็กหนุ่มรีบควบคุมปีกโลหะบนแผ่นหลังเพื่อรักษาการทรงตัว ต่อจากนั้น จึงได้หมุนตัวมุ่งหน้าไปหาอสูรดาราที่พวกของจินอู๋ซูยืนอยู่บนแผ่นหลัง
“ท่านหัวหน้าฝูง!”
“เจ้ามนุษย์ผู้ต่ำต้อยถึงกับกล้าลอบโจมตีท่านหัวหน้าฝูงเรา…”
เมื่อองครักษ์ทั้งสี่ของจินอู๋ซูหายจากอาการตกตะลึง พวกมันก็รีบเข้าไปดูอาการของผู้เป็นเจ้านายด้วยความร้อนรนทันที
หลังจากนั้น
หลินเป่ยเฉินก็ทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนแผ่นหลังของอสูรดาราได้สำเร็จ
อสูรดารามีขนาดใหญ่โตเท่ากับภูเขาลูกหนึ่ง ตัวของหลินเป่ยเฉินในขณะนี้จึงเล็กจิ๋วไม่ต่างไปจากเม็ดทรายบนแท่นปะการัง
และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่หลินเป่ยเฉินได้คาดเดาเอาไว้ บนแผ่นหลังของอสูรดารามีระบบนิเวศสำหรับการพึ่งพาตนเอง มีอากาศสำหรับการหายใจ มีแรงโน้มถ่วงเป็นปกติ เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจึงสามารถเดินทางบนแผ่นหลังของมันได้โดยไม่ต้องสวมใส่อุปกรณ์ช่วยเหลือใด ๆ
นับว่าเป็นการค้นพบที่น่าทึ่ง
หากหลินเป่ยเฉินสามารถจับมันไปเป็นสัตว์เลี้ยงได้ อีกหน่อยเขาก็สามารถพานักพรตหญิงชินขี่หลังพวกมันออกมาเที่ยวชมอวกาศได้แล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้
“อ๊ากกกก...”
หัวหน้าฝูงอสูรสิงโตจินอู๋ซูผู้เหลือใบหน้าอยู่เพียงครึ่งเดียวระเบิดเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
กระสุนเมื่อสักครู่นี้ไม่สามารถฆ่ามันได้
เนื่องจากจินอู๋ซูมีพลังอยู่ในขั้นจอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 และเผ่าพันธุ์อสูรสิงโตก็ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกาย แม้ศีรษะของมันจะหายไปครึ่งหนึ่ง แต่จินอู๋ซูก็ยังมีชีวิตอยู่รอดต่อไป
“อ๊ากกกก...”
ความเจ็บปวดทำให้จินอู๋ซูต้องส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฆ่ามันให้กับเรา!”
จินอู๋ซูออกคำสั่งต่อกลุ่มองครักษ์ทั้งสี่ด้วยใบหน้าครึ่งเดียวที่บิดเบี้ยว ดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความเกลียดชัง
ผู้ยิ่งใหญ่อย่างมันเคยถูกโจมตีหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
องครักษ์ทั้งสี่นำอาวุธประจำกายออกมาและกระโดดเข้าไปหาหลินเป่ยเฉิน
“อุ๊ย สุนัขรับใช้อย่างพวกเจ้า สนใจรับประทานอาหารสุนัขสักหน่อยไหม?”
หลินเป่ยเฉินโยนอาหารสุนัขที่ซื้อหามาจากแอปเถาเป่าออกไปหนึ่งกำมือ… เดิมที อาหารสุนัขชุดนี้เขาเตรียมเอาไว้ให้เจ้าเสือเสี่ยวหู แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวหูกลับชอบรับประทานอาหารแมวมากกว่า
องครักษ์ทั้งสี่รู้สึกเพียงแต่ว่ามีกลิ่นที่ชวนให้หิวโหยพัดมาปะทะใบหน้า
เป็นกลิ่นที่สามารถดึงดูดความสนใจของพวกมันได้เป็นอย่างดี
เป็นกลิ่นที่พวกมันไม่สามารถปฏิเสธได้
องครักษ์ทั้งสี่อดใจไม่ไหว ต้องรีบหยิบวัตถุสีดำชิ้นเล็ก ๆ ที่ถูกโยนเข้ามาเหล่านั้นขึ้นมารับประทานโดยทันที
การเคลื่อนไหวของพวกมันหยุดชะงัก
เปรี้ยง!
องครักษ์อสูรสิงโตที่ยืนอยู่หน้าสุดถูกยิงเข้ากลางหน้าผาก
มันไม่ใช่จอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7
มันจึงไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับหัวหน้าฝูงจินอู๋ซู
ดังนั้น สมองของมันจึงระเบิดกระจาย
ศีรษะหายไปจากบนบ่า
ซองบรรจุกระสุนของปืน AWM ถูกชาร์จพลังเต็มอีกครั้งด้วยปราณปีศาจของฟ่านหรู่เมิ่ง นี่จึงเป็นลูกกระสุนที่เหล่าองครักษ์ไม่สามารถต้านทานได้
เมื่อสิ้นเสียงปืนนัดนี้ องครักษ์อีกสามตัวที่เหลืออยู่ก็สามารถสลัดหลุดจากอาหารสุนัขที่อยู่ตรงหน้าและวิ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
“เจ้ามนุษย์โสโครก จงตายซะเถอะ!”
เมื่อจินอู๋ซูผู้เป็นหัวหน้าฝูงเห็นเช่นนั้น มันก็คำรามออกมาด้วยความสะใจ
เผ่าพันธุ์อสูรสิงโตทองคำขึ้นชื่อเรื่องการต่อสู้ในระยะประชิดตัว พวกมันมีความแข็งแกร่งทั้งการโจมตีและการตั้งรับ
หลินเป่ยเฉินรีบกระโดดหลบ
เพราะถึงอย่างไร เขาก็มีพลังอยู่เพียงขั้นจอมเทพระดับ 5 เท่านั้น
แต่การกระโดดหลบกลับล้มเหลว
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ไม้กระบอง ไม้คทา และดาบใหญ่ต่างก็โจมตีเข้าใส่ร่างกายของหลินเป่ยเฉินพร้อม ๆ กัน
กลุ่มองครักษ์ทั้งสามพลันหยุดชะงัก
พวกมันคิดไม่ถึงเลยว่ามนุษย์ผู้ที่ทำให้หัวหน้าฝูงของพวกมันได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมีพลังต่อสู้แท้จริงต่ำต้อยถึงเพียงนี้
ดังนั้น…
การต่อสู้จึงยุติลง
อสูรสิงโตทองคำคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์อสูร แม้ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นเดียวกันจากเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ก็ไม่มีความแข็งแกร่งเท่าพวกมันด้วยซ้ำ
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ได้ยินเสียงเหมือนกระดูกแตกหักดังขึ้น
น่าจะเป็นเสียงที่ดังออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลา
กระดูกของเขากำลังแตกหักทั่วร่าง
รอยยิ้มอำมหิตปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกลุ่มอสูรสิงโตทองคำทันที
โดยเฉพาะบนใบหน้าที่เหลือเพียงครึ่งเดียวของจินอู๋ซู
แต่ทันใดนั้น ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว!