เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1628 ผู้พิทักษ์หวังจง
ตอนที่ 1,628 ผู้พิทักษ์หวังจง
เมืองหลันจี๋ซิง
จวนตระกูลหลิง
“กราบทูลองค์ชาย เหตุทะเลาะวิวาทในโรงเตี๊ยมต้าเฟิงได้ยุติลงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
นายทหารใหญ่ผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงาน
ณ ห้องโถงใหญ่บนชั้นสามของจวนสกุลหลิง นายทหารใหญ่ผู้นั้นมีนามว่าหลิงไท่ฉง เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำจวนตระกูลหลิงสาขาเมืองหลันจี๋ซิงและได้รับคำสั่งให้ติดตามสถานการณ์เหตุทะเลาะวิวาทที่โรงเตี๊ยมต้าเฟิงเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว
ในชีวิตนี้ หลิงไท่ฉงให้ความเคารพต่อบุคคลเพียงสองคนเท่านั้น
หนึ่งนั้นคือเด็กสาวผู้สวมใส่ชุดกระโปรงสีขาวจากราชวงศ์หลิงแห่งดินแดนเกิงจิน นางรวบผมเป็นมวยอยู่ทางด้านหลัง นั่งแผ่นหลังเหยียดตรงอยู่บนบัลลังก์ขนาดใหญ่ สองมือประสานกันอยู่บริเวณหน้าท้อง ท่วงท่าเต็มไปด้วยความมีสง่าราศี นับเป็นหนึ่งในยอดหญิงงามวัยแรกรุ่นที่ยากจะหาผู้ใดมาเทียบเคียงได้
ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นก็คือองค์ชายหลิง หลิงเยวียนหลง
หลิงเยวียนหลงมีลักษณะเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบปีเศษ ใบหน้าหล่อเหลา ท่วงท่าสง่างาม ใต้คางไว้หนวดเคราดกดำ ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส นับเป็นบุรุษหนุ่มที่มีความหล่อเหลาอย่างสมบูรณ์แบบผู้หนึ่ง
ตระกูลหลิงไม่เคยขาดแคลนยอดหญิงงามกับบุรุษที่หล่อเหลา
หลิงเยวียนหลงคาดผ้าคลุมสีขาว ช่วงไหล่ หน้าอก ช่วงท้อง ช่วงเอว ขาหนีบ หัวเข่าและสองเท้าห่อหุ้มด้วยชุดเกราะทองคำขนาดเบา ซึ่งชิ้นส่วนของชุดเกราะเหล่านี้ก็ขับเน้นให้เห็นถึงมัดกล้ามเนื้อกำยำอย่างชัดเจน
แม้หลิงเยวียนหลงจะนั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่ร่างกายก็ปลดปล่อยพลังกดดันผู้คนจนแทบหายใจไม่ออก
“เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เคยมีผู้กล้าหาญที่น่าสนใจเช่นนี้มานานแล้ว…” องค์ชายหลิงหันหน้าจ้องมองมาที่หลิงเฉินและกล่าวต่อ “หากคาดเดาไม่ผิด เด็กหนุ่มผู้นี้ย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉินซึ่งเจ้าอยากจะพบเจอใช่หรือไม่?”
หลิงเฉินพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ท่านลุงเข้าใจถูกต้องแล้วเพคะ”
บนโต๊ะที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าองค์ชายหลิงเต็มไปด้วยเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน นับตั้งแต่ที่มาถึงเมืองหลันจี๋ซิง องค์ชายหลิงเยวียนหลงก็อ่านข้อมูลเหล่านี้วนซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้ว
“นับตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวขึ้น หลินเป่ยเฉินก็ทำการสังหารเหยียนอวี้หลงในเมืองชิงอวี้ ก่อนจะจัดการสังหารผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างฟ่านหรู่เมิ่งและปลิดชีพคนทรยศฮั่วเจี้ยนป๋อ ตามด้วยการฆ่าหัวหน้าฝูงอสูรสิงโตทองคำจินอู๋ซู เอาชนะปีศาจเฒ่ากำปั้นเหล็ก และยังสามารถยับยั้งการโจมตีของปีศาจหญิงเฉาคง…”
“เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินผู้นี้สังหารผู้คนไปไม่น้อย และแต่ละคนที่เขาสังหารไปนั้นก็ไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา นี่หมายความว่าหากเขาไม่ได้มีพลังเทียมฟ้า ก็ต้องมีพื้นเพซ่อนเร้นน่าสนใจ… ลุงขอถามเจ้าหน่อยเถอะ เจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่าเขาเป็นบุคคลที่สามารถไว้ใจได้?”
ดวงตาขององค์ชายใหญ่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของหลิงเฉินอย่างต้องการคำตอบ
“ท่านลุงคงอยากจะถามว่าพี่หลิน… หลินเป่ยเฉินเก็บงำความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ใช่หรือไม่เพคะ?”
“ก็ทำนองนั้น”
หลิงเยวียนหลงตอบอย่างตรงไปตรงมา “เพื่อรักษาโรคประหลาดของเจ้า มารดาของเจ้าจึงพาตัวเจ้าหลบหนีออกไปอยู่ภพภูมิอื่นนานหลายปี และบัดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพาตัวเจ้ากลับมา เจ้าก็รู้ดีว่าตำแหน่งของเจ้าในราชวงศ์แห่งดินแดนเกิงจินนั้นเป็นตำแหน่งที่สูงส่งเพียงใด”
“หลินเป่ยเฉินผู้นี้อาจจะมีความสามารถเทียมฟ้า มีฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดา เพียงระยะเวลาไม่นาน ก็สามารถสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้สำเร็จ ไม่ใช่ว่าลุงจะมองว่าเขาไม่คู่ควรกับองค์หญิงสายเลือดบริสุทธิ์อย่างเจ้า แต่ลุงเกรงว่าพื้นเพของหลินเป่ยเฉินอาจจะสูงส่งมากกว่าที่พวกเราคิดต่างหาก และอาจมีใครบางคนคอยปกป้องเขาอยู่ก็เป็นได้”
ในห้วงภวังค์ของหลิงเฉิน นางกำลังนึกถึงภาพเหตุการณ์แห่งปาฏิหาริย์ที่หลินเป่ยเฉินสามารถสร้างได้สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่ายามอยู่ในแผ่นดินตงเต้า…
ภาพจำทุกอย่างยังชัดเจนไม่เสื่อมคลาย
เด็กสาวจึงเห็นด้วยกับการตั้งข้อสงสัยของท่านลุงขึ้นมาทันที
“แต่หม่อมฉันไม่เคยเห็นผู้ปกป้องเขาปรากฏตัวออกมาเลยนะเพคะ” หลิงเฉินกล่าว
หลิงเยวียนหลงหยิบเอกสารข้อมูลที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูอีกครั้ง เมื่ออ่านอย่างละเอียด เขาก็แยกกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งพร้อมกับกล่าวว่า “หากลุงเดาไม่ผิด ผู้ที่คอยทำหน้าที่ปกป้องเป็นผู้พิทักษ์ให้แก่หลินเป่ยเฉิน ย่อมต้องเป็นคนผู้นี้เอง”
เมื่อหลิงเฉินรับกระดาษมาจากมือขององค์ชายหลิงเยวียนหลง เด็กสาวก็พบว่ามันเป็นประวัติของพ่อบ้านหวังจง
“เขาเนี่ยนะ?”
หลิงเฉินอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ ภาพของพ่อบ้านหวังจงผุดวาบขึ้นมาในความทรงจำอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าการคาดเดาของท่านลุงดูจะมีเหตุผลขึ้นมาพอสมควร
หลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลที่ไร้ญาติขาดมิตร บ้านแตกสาแหรกขาด แม้พ่อบ้านหวังจงจะเป็นผู้ที่รักตัวกลัวตายและหิวกระหายเงินทองเป็นอันดับหนึ่ง แต่ชายชราก็ติดตามหลินเป่ยเฉินแทบไม่เคยห่างข้างกายแม้แต่วันเดียว
และหวังจงก็อยู่ร่วมเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของหลินเป่ยเฉินเสมอมา
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเดินทางมาสู่แดนมหาแผ่นดินนั้น หวังจงซึ่งไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ก็เดินทางติดตามมาด้วย
มิหนำซ้ำ ยังเดินทางมาได้อย่างปลอดภัย
ด้วยเหตุนี้ หากองค์ชายหลิงเยวียนหลงคาดเดาไม่ผิด หลินเป่ยเฉินย่อมเป็นบุคคลที่มีพื้นเพไม่ธรรมดา บางทีเขาอาจเป็นทายาทของหนึ่งในนักรบยี่สิบสี่สายเลือดผู้บุกเบิก และนั่นก็จะถือว่าเป็นข่าวดีของเผ่าพันธุ์มนุษย์ยิ่ง
เพราะไม่มีผู้ใดจะเหมาะสมมากไปกว่าเขาอีกแล้ว
ยิ่งขบคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หลิงเฉินก็ยิ่งอารมณ์ดีมากเท่านั้น
นางเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินก็คงได้ข่าวแล้วเช่นกันว่าตนเองอยู่ในเมืองหลันจี๋ซิง
คงอีกไม่นานทั้งสองก็จะได้พบกัน
“หากหลินเป่ยเฉินเป็นทายาทของหนึ่งในนักรบสายเลือดบริสุทธิ์รุ่นบุกเบิกจริง ๆ สงครามครั้งนี้พวกเราก็พอมีความหวังที่จะเอาชนะเผ่าพันธุ์ปีศาจได้แล้ว กลัวก็แต่ว่าเราจะไม่ได้สู้รบแค่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้นน่ะสิ”
เมื่อองค์ชายหลิงเยวียนหลงเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของหลิงเฉิน เขาก็อดย้ำเตือนให้เด็กสาวอยู่กับความเป็นจริงขึ้นมาไม่ได้
หลิงเฉินกล่าวตอบว่า “บัดนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังทำสงครามแย่งชิงสุสานมหาสมบัติ ภายในนั้นมีขุมทรัพย์มากมาย บางทีอาจไม่มีเรื่องเลวร้ายอย่างที่เราคาดคิดก็ได้นะเพคะ”
องค์ชายหลิงเยวียนหลงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “คิดเช่นนั้นประมาทมากเกินไป สุสานมหาสมบัติเป็นสถานที่ซึ่งมีแต่ขุมทรัพย์ชั้นสูง มีเพียงผู้แข็งแกร่งสูงสุดเท่านั้นจึงจะเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้ แต่ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างก็ต้องสูญเสียขุนพลคนสำคัญของตนเองในสุสานแห่งนั้นไปมากมาย…”
“นอกจากนี้ เจ้าอย่าลืมว่าการที่หลินเป่ยเฉินสร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว มันเปรียบได้กับดาบสองคมที่ทำให้เขาตกเป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนมาก และในเมืองหลันจี๋ซิงแห่งนี้ ก็คงมีผู้คนไม่น้อยที่ไม่พอใจการปรากฏตัวของเขา ดังนั้นเราจะวางใจเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้เด็ดขาด”
หลิงเฉินไม่ได้กล่าวคำใด
เด็กสาวเข้าใจดีว่าท่านลุงกำลังหวาดระแวงพี่หลินของนาง ท่านลุงกลัวว่าหากพี่หลินได้เข้าไปในสุสานมหาสมบัติและพบสิ่งของมีค่ามากมายเหล่านั้น เขาอาจจะอยากเก็บสมบัติทั้งหมดไว้กับตัวเพียงคนเดียว
ซึ่งสำหรับในความคิดของหลิงเฉินนั้น หากนั่นเป็นความต้องการของหลินเป่ยเฉิน ทำไมนางจะให้เขาไม่ได้?
ความคิดของหลิงเฉินไม่มีสิ่งใดซับซ้อน
องค์ชายหลิงเยวียนหลงมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นสีหน้าแววตาของหลานสาว เขาก็ทราบแล้วว่าพูดต่อไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะองค์หญิงไข่มุกขาวผู้นี้ยังไร้เดียงสามากเกินไป
ทันใดนั้น องค์ชายหนุ่มเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
ความคิดที่แม้แต่เขาเองก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
…
ในที่สุด การอัปเดตระบบก็เสร็จสิ้น
หลินเป่ยเฉินเปิดโทรศัพท์มือถือด้วยความดีใจ
ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่โทรศัพท์อัปเดตระบบ แอปพลิเคชันต่าง ๆ ในเครื่องก็จะได้รับการอัปเดตเช่นกัน นอกจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็จะได้รับสิทธิ์ในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่ ๆ อีกด้วย
และครั้งนี้แอปพลิเคชันใหม่ที่เด็กหนุ่มได้รับสิทธิ์ในการดาวน์โหลดก็คือ…
“หืม? โลโก้นี้มัน… เป็นแอป UU ได้ไงวะ?”
หลินเป่ยเฉินมองโลโก้ใหม่ที่ปรากฏขึ้นมาในแอปสโตร์ด้วยความมึนงง
แอปนี้มัน… ปกติมีไว้ใช้สั่งอาหาร ใช้สั่งของจากร้านสะดวกซื้อ หรือให้ไรเดอร์ไปต่อคิวรับสินค้าแทนเราไม่ใช่หรือไง?
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในเมืองหลันจี๋ซิงล่ะ?
หรือว่าแอป UU จะมีความสามารถบางอย่างที่เขาคิดไม่ถึงซ่อนเร้นอยู่?
ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็ดาวน์โหลดเอาไว้ก่อนดีกว่า
หลินเป่ยเฉินกดดาวน์โหลดแอป UU โดยไม่ลังเล
ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็ตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ได้รับสิทธิ์อัปเดตเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านั้นก็ประกอบไปด้วย แอปแท็กซี่ตี๋น้อย แอปจิงตงมอลล์ แอปเถาเป่า และแอปเคลื่อนย้ายกระแสปราณ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่แอปพลิเคชันได้รับการอัปเดต พวกมันก็จะเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้นอย่างน่าตกตะลึงเสมอ
หลินเป่ยเฉินแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะกดอัปเดต
เมื่อกดเริ่มต้นการอัปเดต
ความรู้สึกของการถูกดูดพลังที่คุ้นเคยก็ย้อนคืนกลับมา
ในห้องพักของหลินเป่ยเฉินพลันแว่วเสียงครางด้วยความสุขสมดังขึ้นอีกครั้ง