เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1632 อวี้เหวินซิวเซียนตัวจริง
ตอนที่ 1,632 อวี้เหวินซิวเซียนตัวจริง
ผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย
ฝั่งทิศเหนือของลานจัตุรัสจักรพรรดิเป็นที่ตั้งของโรงเตี๊ยมหยงอัน ซึ่งถูกสร้างอยู่ในเขตเดียวกับลานจัตุรัส และบัดนี้ สถานที่แห่งนี้ก็ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เพราะผู้ที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมต่างก็เป็น ‘คนใหญ่คนโต’ ทั้งสิ้น
ในกลุ่มคนเหล่านั้นย่อมต้องมีหลินเป่ยเฉินรวมอยู่ด้วย
เขามีห้องพักพิเศษเป็นของตนเองสำหรับการรอคอยเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล
การลอบสังหารก่อนหน้านี้ยังคงทำให้เจ้าหน้าที่สาวอี้ซูหนานรู้สึกตื่นกลัวอยู่เล็กน้อย
แต่สำหรับหลินเป่ยเฉิน จิตใจของเขาสงบลงแล้ว
แม้มันจะดูเหมือนสถานการณ์ที่อันตราย แต่ในความเป็นจริง นักฆ่าเหล่านั้นไม่สามารถทำให้หลินเป่ยเฉินผมร่วงได้เลยแม้แต่เส้นเดียว
นี่คือความแข็งแกร่งของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ
และนี่เป็นเพียงความแข็งแกร่งของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณขั้นแรกเท่านั้น หากผู้โจมตีไม่ได้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ ก็ไม่มีการโจมตีใด ๆ จะระคายผิวหลินเป่ยเฉินได้อีกแล้ว…
อย่างเช่น ตอนที่สู้กับปีศาจหญิงเฉาคงก่อนหน้านี้ นางทำให้กระดูกแขนของเขาแตกหักได้ก็จริง แต่กระดูกก็ไม่สามารถแทงทะลุผิวหนังออกมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อแอปเคลื่อนย้ายกระแสปราณได้รับการอัปเดตโดยโทรศัพท์มือถือ มันก็มีความสามารถใหม่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือความสามารถในการเพิ่มความแข็งแกร่งของมวลกล้ามเนื้อ
การป้องกันตัวของหลินเป่ยเฉินจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเมื่อมวลกล้ามเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น พละกำลังโดยรวมของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เมื่อมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น พละกำลังก็ต้องเพิ่มขึ้น นี่คือหลักความเป็นจริงที่แม้แต่เด็กน้อยก็ยังเข้าใจ
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินเป่ยเฉินเป็นกังวลก็คือ บัดนี้ รูปร่างของเขาชักจะดูบึกบึนมากเกินไปหน่อย หากสามารถบรรลุวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณขั้นที่สองได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินก็เดาไม่ออกเลยว่าร่างกายของเขาจะกลายเป็นมนุษย์กล้ามที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของตนเองหรือไม่
นั่นแหละที่เป็นปัญหาใหญ่
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เจ้าหน้าที่สาวอี้ซูหนานรีบรวบรวมสติและเดินไปตรวจสอบผู้มาเยือน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินเข้ามา
เป็นหลิงไท่ซือจากคฤหาสน์ตระกูลหลิง พร้อมด้วยน้องสาวของเขาหลิงหลิง ทั้งสองต่างก็จัดเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามและยอดหญิงโฉมสะคราญที่ดูเย้ายวนใจยิ่งนัก
“คุณชายหลิน พวกเราได้พบเจอกันอีกแล้ว”
หลิงไท่ซือยิ้มพร้อมกับประสานมือโค้งคำนับ
เมื่อหลิงหลิงเดินเข้ามาอยู่ในห้องพักของหลินเป่ยเฉิน สายตาของนางก็จับจ้องอยู่แต่ที่ร่างกายของผู้เป็นเจ้าของห้อง แววตาของนางบอกว่าแทบอยากจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวแล้ว
ผู้มาเยือนทั้งสองคนนั่งลง
อี้ซูหนานยกน้ำชามาให้แขกทั้งสอง
“หลายวันมานี้ ข้ามัวแต่ยุ่งกับการจัดการธุระให้แก่ทางกองทัพ เลยยังไม่มีโอกาสมาเข้าพบคุณชายหลินเลยขอรับ”
หลิงไท่ซือก้มศีรษะต่ำ อธิบายด้วยท่าทีนอบน้อม
ปรากฏว่าหลังจากมาถึงเมืองหลันจี๋ซิง หลิงไท่ซือก็ถูกกดดันอย่างหนักจากความเสียหายของอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุบนเรือเหาะรุ่งอรุณ ความจริงเขาสมควรถูกลงโทษ แต่เมื่อสองวันที่แล้ว บุรุษหนุ่มกลับถูกทางกองทัพปล่อยตัวออกมา
หลินเป่ยเฉินสอบถามจึงได้ความว่า ด้วยเหตุที่หลิงไท่ซือต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา สมาชิกเผ่าพันธุ์ปีศาจระดับสูงถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก นี่จึงกลายเป็นความดีความชอบที่นำมาหักล้างกับความผิดในครั้งนี้ของหลิงไท่ซือได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น หลิงไท่ซือจึงไม่ต้องรับโทษใด ๆ อีกแล้ว
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็สงสัยเหลือเกิน ดูเหมือนตระกูลฮั่วจะร่วมมือกับพวกโจรสลัดปีศาจดักปล้นเรือของท่านชัด ๆ แล้วทำไมพวกเขาถึงยังไม่ถูกจับตัวมาประหารทั้งตระกูลอีก?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
หลิงไท่ซือยิ้มด้วยความขมขื่น ก่อนตอบว่า “ตระกูลฮั่วรู้จักการเอาตัวรอดเป็นอย่างยิ่งขอรับ สามวันก่อน ตอนที่พวกเรายังมาไม่ถึงเมืองหลันจี๋ซิง ตระกูลฮั่วก็ได้ชิงประกาศออกมาก่อนว่า ตัวจริงของฮั่วเจี้ยนป๋อนั้นตายไปตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว ส่วนผู้ที่ดักปล้นเรือเหาะรุ่งอรุณเป็นปีศาจเฒ่าพันหน้าปลอมตัวมา และพวกเขาก็ยังได้แสดงหลักฐานยืนยันอีกด้วย…”
หลินเป่ยเฉินรับฟังดังนั้นก็ต้องหัวเราะในลำคอด้วยความเหยียดหยาม “ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ขอรับ”
หลิงไท่ซือกล่าวต่ออีกครั้ง “นอกจากนี้ ตระกูลฮั่วยังขอแสดงความรับผิดชอบต่อเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุที่สูญเสียไประหว่างการขนส่ง พวกเขาจึงบริจาคเงินก้อนใหญ่เข้าคลังหลวงของทางกองทัพ และมอบทรัพยากรอีกจำนวนมากให้แก่ทั้งสี่ทัพหลวงแห่งอาณาจักรหลิวเยวียนอีกด้วย…”
“พวกเขามีเงินเยอะขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
ตระกูลฮั่วร่ำรวยจริง ๆ
รู้งี้เรียกค่าทำขวัญมากกว่าเดิมก็ดีหรอก!!
ไม่สิ เอาไว้เดี๋ยวหาโอกาสไถเงินจากตระกูลฮั่วอีกทีดีกว่า
หลิงไท่ซือกล่าวต่อไปว่า “นอกจากเรื่องราวนี้แล้ว อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองขอรับ แม่ทัพใหญ่จากตระกูลฮั่วนำกำลังพลออกไปซุ่มโจมตีกองทัพปีศาจ ณ จุดทิ้งสมอหมายเลขห้าสิบเจ็ด นอกจากสามารถสังหารปีศาจพวกนั้นได้เป็นจำนวนมาก พวกเขายังจับตัวหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อีกด้วย… ดังนั้น ภาพลักษณ์ของตระกูลฮั่วจึงไม่ได้เสื่อมถอยลง แต่พวกเขากลับได้รับการยกย่องเชิดชูมากกว่าเดิมอีกด้วยขอรับ”
“สุดท้าย เงินก็แก้ปัญหาได้ทุกอย่างจริง ๆ แฮะ”
หลังรับฟังจบ หลินเป่ยเฉินก็มองออกว่าตระกูลฮั่วรอดพ้นจากมลทินทั้งหมดได้อย่างสวยงาม ยิ่งคิดก็ยิ่งให้รู้สึกแค้นใจเหลือเกิน
เขาถามต่อไปว่า “แล้วตกลงฮั่วเจี้ยนป๋อตัวจริงตายไปเมื่อครึ่งปีก่อนจริงหรือไม่?”
หลิงไท่ซือลังเลเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยเสียงกระซิบว่า “ตระกูลฮั่วแสดงหลักฐานออกมายืนยันเรื่องนี้ แต่เท่าที่ข้ารู้จักฮั่วเจี้ยนป๋อมา ข้ารู้สึกว่าฮั่วเจี้ยนป๋อที่ตายไปเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นเป็นตัวปลอม ส่วนฮั่วเจี้ยนป๋อที่ขึ้นมาดักปล้นเรือเหาะรุ่งอรุณก็คือตัวจริง แต่จนใจที่ข้าไม่มีหลักฐานไปพิสูจน์ต่อทางสภาขุนนางได้เลย…”
หลินเป่ยเฉินยกมือทำท่าดันแว่นและกล่าวว่า “ดูเหมือนตระกูลฮั่วจะเตรียมตัวมาดีเหมือนกันนะ แต่ถ้าพวกเราลองพิจารณาให้ละเอียด ก็จะพบเห็นช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด ในเมื่อพวกเขาร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ หรืออย่างน้อยพวกปีศาจก็สามารถปลอมตัวเป็นคนตระกูลฮั่วได้ตามคำกล่าวอ้าง แล้วทางสภาขุนนางจะสามารถไว้ใจพวกเขาได้อย่างไร? ยิ่งส่งเสริมให้ตระกูลฮั่วได้รับความดีความชอบถึงเพียงนี้ นั่นจะไม่ยิ่งเป็นอันตรายมากกว่าเดิมอีกหรือ?”
หลิงไท่ซืออธิบายว่า “บรรดาคนใหญ่คนโตของทางสภาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันขอรับ แต่เหตุผลสำคัญก็คือสมาชิกเผ่าพันธุ์ปีศาจระดับสูงที่ทางตระกูลฮั่วจับตัวมาได้นั้น ไม่ใช่ชนชั้นปีศาจธรรมดา ปีศาจตนนี้เป็นที่หมายตาของทางสภาขุนนางมานานแล้ว และด้วยเหตุผลนี้เอง ตระกูลฮั่วจึงรอดพ้นมลทินไปได้ทั้งหมด”
“พูดจริงสิ?”
หลินเป่ยเฉินยิ่งได้รับฟังก็ยิ่งสงสัย จนต้องถามออกไป “ปีศาจตนนั้นเป็นผู้ใด เหตุไฉนจึงมีความสำคัญถึงเพียงนี้?”
สีหน้าของหลิงไท่ซือแปลกประหลาดพิกลเล็กน้อย
ทันใดนั้น หลิงหลิงผู้นั่งอยู่ด้านข้างก็ได้โอกาสส่งเสียงแทรกขึ้นว่า
“อิอิ พี่เป่ยเฉินน่าจะรู้จักปีศาจตนนี้ดีนะเจ้าคะ”
หลิงหลิงยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก “เพราะปีศาจตนนั้นมีนามว่าอวี้เหวินซิวเซียน”
ตอนที่เดินทางเข้าสู่เส้นทางดาราจักรใหม่ ๆ หลินเป่ยเฉินใช้ชื่อปลอมว่า ‘อวี้เหวินซิวเซียน’ อยู่นานพอสมควร แม้แต่หลิงไท่ซือกับหลิงหลิงก็ยังเคยเรียกหาเขาเป็น “คุณชายอวี้เหวิน” มาแล้ว
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึง
ที่แท้ก็เป็นอวี้เหวินซิวเซียนเองหรือ?
อวี้เหวินซิวเซียนถูกจับตัวได้เสียแล้ว
ว่าแต่หมอนี่มันกลายเป็นบุคคลสำคัญตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อวี้เหวินซิวเซียนถูกจับกุมตัว
จึงมีสถานะเป็นนักโทษ
เรื่องนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกถึงความแปลกประหลาดของโชคชะตาผู้คนยิ่งนัก
เพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้
อวี้เหวินซิวเซียนยังเป็นผู้ที่เกือบจะถล่มเมืองชิงอวี้ให้พินาศย่อยยับ
แต่ในวันนี้ ปีศาจหนุ่มกลับกลายเป็นนักโทษที่ถูกจับกุมตัวเข้าสู่การไต่สวนของสภาขุนนาง
และที่อวี้เหวินซิวเซียนกลายเป็นบุคคลสำคัญ หากหลินเป่ยเฉินเดาไม่ผิด นั่นคงมาจากการที่อวี้เหวินซิวเซียนเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ซึ่งถ้าเขาจำไม่ผิดอีกที ตำแหน่งภูตอเวจีของนางก็น่าจะมีความสูงส่งอยู่ในสำนักอัสนีมืดไม่ใช่น้อย
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากเชื่อมากกว่าเดิม เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผู้ถือไม้เท้าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ตลอดเวลาเอาแต่เมาสุรา มิหนำซ้ำยังพึ่งพาไม่ค่อยได้ ใครเลยจะไปคิดว่าบุคคลเช่นนี้จะมีตำแหน่งเป็นถึงภูตอเวจีของเผ่าพันธุ์ปีศาจ?
หรือว่าสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว บุคคลที่มีสติสัมปชัญญะต่ำต้อยอย่างเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจะถือว่าเป็นยอดอัจฉริยะ?
หากเป็นเช่นนั้นจริง หลินเป่ยเฉินก็อดรู้สึกสงสารสำนักอัสนีมืดขึ้นมาไม่ได้
ในอนาคตต่อจากนี้ สำนักอัสนีมืดก็คงค่อย ๆ ล่มสลายลงไปตามกาลเวลาเป็นแน่แท้!
ก็เหมือนกับวิหารเทพีกระบี่ในจักรวรรดิเป่ยไห่ไงล่ะ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงดำรงตำแหน่งเป็นเทพีกระบี่ได้ไม่นาน สถานะของวิหารเทพีกระบี่ก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้ว!!!