เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1651 มาทันเวลาพอดี
ตอนที่ 1,651 มาทันเวลาพอดี
อวี้เหวินซิวเซียนยังคงยืนตระหง่านอย่างเยือกเย็น เพียงสะบัดฝ่ามือเล็กน้อย พลังหมัดของเฟิงเสี่ยวไป๋ก็ถูกสลายหายไปในทันตา
“ในกลุ่มยอดฝีมือรุ่นหลังของอาณาจักรหลิวเยวียน เจ้าคือบุคคลที่น่าสนใจมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับเจ้า… จงพอแค่นี้เถอะ”
อวี้เหวินซิวเซียนกดฝ่ามือของตนเองลง
แล้วลำแสงสีม่วงก็พุ่งลงมาจากกลางอากาศ
นี่ไม่ใช่วิชาการต่อสู้
และก็ไม่ใช่วิชาเวทมนตร์
แต่เป็นพลังปราณปีศาจบริสุทธิ์
ตู้ม!
ศีรษะของเฟิงเสี่ยวไป๋ถูกลำแสงสีม่วงกระแทกอย่างแรง ร่างกายเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาในทันใด โลหิตไหลทะลักออกมาจากรูขุมขน ตัวคนล้มพับจมหายลงไปบนพื้นกระดองเต่า
บัดนี้ เฟิงเสี่ยวไป๋ไม่สามารถดิ้นรนขัดขืนได้อีกแล้ว
เมื่อบรรดาคณะสำรวจคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ หัวใจของพวกเขาก็เย็นเฉียบ
จบสิ้นแล้ว
ชะตากรรมของพวกเขาจบสิ้นแล้ว
พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าแผนการครั้งนี้มีสิ่งใดผิดพลาดที่ตรงไหนกัน
การสำรวจจิตใต้สำนึกของอวี้เหวินซิวเซียนจากอวี้พั่วเซียวซึ่งเป็นผู้ใช้สายเลือดผู้อัญเชิญย่อมไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด
ต่อให้เป็นผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิหรือจอมเทพจักรา เมื่อถูกผู้อัญเชิญใช้วิชาลับสำรวจจิตใต้สำนึก ข้อมูลทุกอย่างก็จะหลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจปิดบังหรือดัดแปลงได้
แล้วหัวหน้าภูตอเวจีจะสามารถซ่อนตัวอยู่ในร่างของอวี้เหวินซิวเซียนได้อย่างไร? เหตุไฉนการสำรวจจิตใต้สำนึกของอวี้พั่วเซียวจึงค้นหานางไม่เจอ?
อวี้เหวินซิวเซียนกวาดสายตามองหน้าทุกคน
ผู้ร่วมคณะสำรวจสุสานของเฟิงเสี่ยวไป๋ต่างก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั่วกาย
“วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า”
อวี้เหวินซิวเซียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปที่ห้องเก็บโครงกระดูก
สำหรับเขา กระดูกอาถรรพ์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
“หยุดมันเอาไว้!”
เฟิงเสี่ยวไป๋ยันตัวลุกขึ้นมาด้วยความสะบักสะบอม ก่อนจะรวบรวมพลังเพื่อโจมตีอีกครั้ง
ดวงตาของอวี้เหวินซิวเซียนเป็นประกายเย็นชา ก่อนจะหันกลับมากระแทกฝ่ามือเข้าใส่
ตู้ม!
เปลวไฟสีม่วงระเบิดออกมา
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เฟิงเสี่ยวไป๋ลอยกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับพื้นกระดองเต่ายักษ์อีกครั้ง ตัวคนไถลไปไกลหลายวา โลหิตสาดกระจาย ไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้อีกแล้ว
“เพราะเห็นแก่ใครบางคน ข้าจึงไม่อยากฆ่าเจ้า”
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาเป็นประกายคุกคามผู้คน “แต่หากเจ้ายังคิดต่อสู้อีก นั่นเท่ากับว่าเจ้ารนหาที่ตายเองแล้ว อย่าโทษว่าเป็นความผิดข้าก็แล้วกัน”
กล่าวจบ อวี้เหวินซิวเซียนก็หมุนตัวกลับไปอีกครั้ง
เดินตรงไปที่ห้องเก็บโครงกระดูก
ภายในห้องเก็บโครงกระดูก
โครงกระดูกผลึกแก้วที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศเปล่งแสงสว่างสีม่วงระยิบระยับออกมา สวยงามยิ่งกว่างานศิลปะชั้นเลิศ
ยิ่งอวี้เหวินซิวเซียนเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ แสงสว่างก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น
“ในที่สุด…”
ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอวี้เหวินซิวเซียน
เขายื่นมือออกไปอย่างช้า ๆ
ปลายนิ้วมือกำลังจะสัมผัสกับโครงกระดูกผลึกแก้วนั้นแล้ว
เฟิงเสี่ยวไป๋กับคณะผู้สำรวจสุสานได้แต่จ้องมองด้วยความสะพรึงกลัวและหมดหวัง
หากเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ครอบครองกระดูกอาถรรพ์ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็คงถึงกาลอวสาน ไม่มีหนทางที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์กลับคืนมาได้อีก
แต่จังหวะที่มือของอวี้เหวินซิวเซียนกำลังจะสัมผัสถึงโครงกระดูกอาถรรพ์นั้น…
ความเปลี่ยนแปลงก็บังเกิดขึ้น
วูบ!
ลำแสงสีเงินพุ่งเข้ามาจากระยะไกล ทะยานผ่านทะเลทรายโครงกระดูกด้วยความเร็วเต็มอัตรา
นับเป็นความเร็วที่น่าตกตะลึง
ลำแสงสีเงินนี้สาดส่องเจิดจ้าไม่ต่างจากแสงจันทร์
สีหน้าของอวี้เหวินซิวเซียนแปรเปลี่ยนไปทันที เขามีเวลาเพียงหันมองกลับมาเท่านั้น ไม่ทันจะได้กระโดดหลบ ลำแสงสีเงินพร้อมด้วยพลังโจมตีมหาศาลก็กระแทกเข้าใส่ร่างกาย
ตู้ม!
เกิดการระเบิดอย่างหนักหน่วง
“อ๊ากกกก…”
มวลพลังปีศาจที่ห่อหุ้มร่างกายอวี้เหวินซิวเซียนสลายหายไปทันที
เขาหอบหายใจ กระอักเลือดออกมา ร่างกายได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก ตัวคนลอยกระเด็นออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ สุดท้ายก็ไปกระแทกกับผนังห้องเก็บโครงกระดูกและจมหายเข้าไปในผนังนั้นกลายเป็นรูใหญ่
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ลำแสงสีเงินยังคงตามติดโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ร่างของอวี้เหวินซิวเซียนที่ถูกฝังอยู่ในกำแพงพยายามดิ้นรนสุดขีด แต่เมื่อถูกลำแสงสีเงินอีกหลายสายยิงใส่อย่างต่อเนื่อง ผู้คนก็ไม่ทราบอีกต่อไปแล้วว่าเขาเป็นหรือตายกันแน่
รอยแตกร้าวราวกับใยแมงมุมปรากฏขึ้นบนกำแพงห้องเก็บโครงกระดูก
สถานการณ์เริ่มย้อนกลับ
“ดูเหมือนเราจะมาได้ทันเวลาพอดีสินะ”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังกังวานไปทั่วเกาะกระดองเต่า
ในอากาศเกิดแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
องค์ชายหลิงเยวียนหลงจากดินแดนเกิงจินปรากฏตัวด้วยความเร็วสูงสุด ยืนหยัดปัดป้องอยู่เบื้องหน้าพวกของเฟิงเสี่ยวไป๋
ข้างกายเขาย่อมต้องมีองค์หญิงหลิงเฉินในชุดเกราะสีเงินแวววาว
เฟิงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในที่สุดก็มาแล้ว
เขากำลังรอคอยผู้ใดอยู่น่ะหรือ?
แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นองค์ชายหลิงเยวียนหลงกับองค์หญิงหลิงเฉินแห่งดินแดนเกิงจินนั่นเอง
ความจริง การสำรวจสุสานโบราณในครั้งนี้เป็นความคิดริเริ่มของผู้สูงส่งทั้งสองท่านนี้เอง
ก่อนหน้านี้ องค์ชายกับองค์หญิงออกไปค้นหาวัตถุเล่นแร่แปรธาตุชิ้นสำคัญที่เรียกว่าค้อนคว่ำนภา
ภารกิจของพวกเขาก็คือการซื้อเวลาให้แก่องค์หญิงกับองค์ชายให้นานมากที่สุด
บัดนี้ แผนการทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
“กลับมา”
องค์ชายหลิงเยวียนหลงยกมือโบกสะบัดแผ่วเบา
ในที่สุด ลำแสงสีเงินที่โจมตีใส่อวี้เหวินซิวเซียนอย่างต่อเนื่องในผนังห้องเก็บโครงกระดูก ก็พลันเปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นค้อนสี่แฉกด้ามหนึ่ง ซึ่งลอยกลับเข้ามาอยู่ในมือขององค์ชายหลิงเยวียนหลงด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างดี
ค้อนคว่ำนภา
นี่คือค้อนที่มีลักษณะแปลกประหลาดพิสดาร
หัวค้อนมีลักษณะแยกออกเป็นสี่แฉกปลดปล่อยแสงสว่างราวกับแสงจันทราบนท้องนภา
สองแฉกของหัวค้อนมีด้านที่เป็นคมมีดวาววับ
ค้อนด้ามนี้มีขนาดไม่ใหญ่
แต่มีความงดงาม
เมื่ออยู่ในมือขององค์ชายหลิงเยวียนหลง มันก็แทบไม่ต่างไปจากของเล่นเด็กชิ้นหนึ่ง
ยากที่จะจินตนาการได้ว่าอาวุธที่คล้ายกับค้อนของเล่นเด็กชิ้นนี้จะมีพลังทำลายล้างมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นสิ่งที่จัดการอวี้เหวินซิวเซียนและช่วยชีวิตพวกของเฟิงเสี่ยวไป๋ทั้งเก้าคนเอาไว้
คณะสำรวจสุสานรีบลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนใจ
“มันตายแล้วหรือไม่?”
อวี้พั่วเซียวช่วยประคองเฟิงเสี่ยวไป๋ลุกขึ้นและกำลังจะเดินไปดูร่างของอวี้เหวินซิวเซียนด้วยกัน
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ตู้ม!
คลื่นพลังปีศาจก็ระเบิดกระจายออกมา
สีหน้าของผู้คนแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง
แล้วร่างของอวี้เหวินซิวเซียนก็ลอยออกมาจากรูโหว่ของผนังห้องเก็บโครงกระดูก
“องค์ชายหลิง… เจ้า… เจ้ามาถึงเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?”
เขาถามด้วยความตกตะลึง
ในขณะนี้ อวี้เหวินซิวเซียนมีสภาพที่ย่ำแย่มากแล้ว