เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1677 ฝันร้ายไม่รู้จบ
ตอนที่ 1,677 ฝันร้ายไม่รู้จบ
หรือว่าอากวงอยากจะมาแทนที่เขา?
ดังนั้นหวังจงจึงไม่กล้าลังเลรีรอ จากนั้นก็รีบนำเจ้าหุ่นแดง 1 และพรรคพวกออกไปค้นหาทรัพย์สินมีค่าตามเรือเหาะต่าง ๆ ของกองทัพเซวียนเหยียน
หานเซียว สุยฮันเหยียน และเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาไม่กล้าพูดคำใดออกมา หัวใจรู้สึกขมขื่น ได้แต่ปฏิบัติตามคำสั่งของหวังจงอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
หลังจากนั้นไม่นาน
หวังจงก็กลับมาที่ดาดฟ้าเรือเหาะหยางเว่ย
“นายน้อยขอรับ บ่าวพบเรือเหาะขั้นเรือธงของกองทัพเซวียนเหยียน มันเป็นเรือเหาะที่มีนามว่าพานซื่อ นอกจากมีขนาดใหญ่โตแล้ว มันยังมีอาวุธครบมือ และมีค่ายอาคมป้องกันอย่างแน่นหนา มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉพาะเตียงนอนหลังใหญ่ในห้องพักของผู้บังคับการเรือ สามารถนอนได้เป็นสิบคนเลยขอรับ บ่าวคิดว่าเรือเหาะลำนี้เหมาะสมสำหรับนายน้อยเป็นอย่างยิ่ง…”
“หืม?”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินพลันเป็นประกายระยิบระยับ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“บ่าวมิได้หมายความเช่นนั้น แต่บ่าวหมายความว่าหานเซียวผู้นำทัพแห่งกองทัพเซวียนเหยียนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เรือเหาะพานซื่อของมันมีความสะดวกสบายมากกว่าเรือเหาะหยางเว่ยของนายน้อย มันตั้งใจที่จะใช้เรือเหาะของตนเองเป็นข้อเสนอแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัว นี่ไม่เรียกว่ารนหาที่ตายแล้วยังจะเรียกว่าเป็นอะไรได้อีก? บ่าวสั่งให้อากวงสั่งสอนเขาแล้ว แต่หานเซียวเป็นคนประเภทที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ดังนั้นบ่าวจึงมาขอรับคำสั่งจากนายน้อยขอรับ”
หวังจงยังคงกล่าวด้วยความกระตือรือร้นต่อไป
“หานเซียว เจ้าสุนัขตัวนี้ มีของดีอยู่ในมือแล้วไม่ยอมบอก นับว่ารนหาที่ตายจริง ๆ …เอาล่ะ พวกเราไปรับชมเรือเหาะลำนั้นกันเถอะ”
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืน
ไม่กี่อึดใจต่อมา
บนดาดฟ้าเรือเหาะพานซื่อ
“อย่าให้ต้องใช้ความรุนแรง”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “ข้าไม่เคยบังคับผู้ใดมาก่อน เจ้าอยากจะเปลี่ยนเรือเหาะกับข้าจริง ๆ หรือ?”
“จริงแท้แน่นอนขอรับ ผู้ต่ำต้อยรู้สึกว่าเรือเหาะหยางเว่ยมีความเหมาะสมสำหรับตนเองยิ่งนัก เป็นเสมือนเรือเหาะในฝันของผู้ต่ำต้อย หากนายน้อยไม่ยอมแลกเปลี่ยนเรือเหาะพานซื่อกับเรือเหาะหยางเว่ย ถ้าอย่างนั้นนายน้อยก็ฆ่าผู้ต่ำต้อยทิ้งไปเถอะ”
หานเซียวคุกเข่าลงบนพื้นและพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
เขาเพิ่งผ่านการทุบตีจากเจ้าหนูอากวงมาอย่างหนักหน่วง ใบหน้าบวมช้ำ จมูกบิดเบี้ยว ดวงตาบวมโต ลักษณะเหมือนคนใกล้ตายจริง ๆ
แต่ถึงกระนั้น หานเซียวก็ยังคงพยายามแสดงสีหน้าของ ‘ผู้ต่ำต้อยที่พูดความจริง’ ออกมาอย่างสุดความสามารถ
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะเห็นแก่หน้าเจ้าก็ได้” หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “แต่จำไว้ว่า พวกเจ้าต้องเป็นคนขนย้ายข้าวของเอง”
หานเซียวพูดอะไรไม่ออก
เขารู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก
แต่ช่างเถอะ บัดนี้ทนได้ก็ทนไปก่อน
ผู้ยิ่งใหญ่ต้องรู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์
มีโอกาสค่อยกลับมาแก้แค้นก็ยังไม่สาย
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ทุกอย่างก็จัดการเสร็จสิ้น
เมื่อทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อย
หานเซียว สุยฮันเหยียน และบรรดานักรบผู้ดุร้ายแห่งอาณาจักรซือเว่ย ต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น
ทุกคนกำลังจะได้เป็นอิสระแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฝันร้ายยังไม่จบลงง่าย ๆ
“ทุกคนมารวมตัวกันที่ตรงนี้ ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนขอความช่วยเหลือ…” หวังจงยิ้มกว้าง
ปรากฏว่าพวกเขาต้องกลับไปทำงานให้แก่หวังจงอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการปลดป้ายสัญลักษณ์ประจำกองทัพเซวียนเหยียนบนเรือเหาะพานซื่อ และในเวลาเดียวกันนี้ พวกเขาก็ต้องทาสีเรือเหาะให้เปลี่ยนจากสีดำกลายเป็นสีเงินแวววาวสว่างไสว แล้วก็ยังต้องทำการทาสีบริเวณราวกั้นดาดฟ้าเรือเหาะใหม่ทั้งหมดอีกด้วย
แล้วเรือเหาะพานซื่อก็กลายเป็นเรือเหาะเซียนกระบี่
“ให้ตายสิ เหมือนเปลี่ยนเป็นเรือคนละลำเลยจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ต้องยอมรับเลยว่าการมีหวังจงอยู่ข้างกายก็มีประโยชน์เช่นนี้เอง
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดองค์กษัตริย์ในยุคโบราณถึงมีพวกขุนนางและขันทีขี้ประจบรายล้อมรอบกายเป็นจำนวนมาก
เช่นเดียวกับมนุษย์ในยุคปัจจุบัน… มีผู้ใดบ้างไม่ชอบการถูกประจบประแจง?
ในที่สุด การเตรียมความพร้อมทั้งหมดก็จบลง
สุยฮันเหยียน หานเซียว และบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ครั้งนี้ไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้วกระมัง?
ได้โปรดเถอะ
ได้โปรดปล่อยพวกเราไป
แต่ว่า…
“ทุกคนมารวมตัวกันที่ตรงนี้ ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนขอความช่วยเหลือ…”
ประโยคเดียวกัน สีหน้าเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
หวังจงเดินออกมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าทุกคนอีกครั้งและกล่าวว่า “ข้าพบว่าพวกเจ้าเป็นบุคคลที่มีความสามารถน่าประทับใจ เพราะฉะนั้นน่าจะออกไปเก็บกวาดซากศพที่ลอยอยู่ข้างนอกได้อย่างไม่มีปัญหา เราจะนำศพของพวกเขากลับไปฝังที่ดินแดนบ้านเกิด… เฮ้อ นายน้อยของข้าเนี่ยนะดีหมดทุกอย่าง ยกเว้นแต่ว่าเป็นพวกใจอ่อนเกินไปก็เท่านั้น พอเห็นมนุษย์ด้วยกันต้องกลายเป็นศพไร้แผ่นดินกลบฝัง นายน้อยก็ทนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้เสียแล้ว”
สุยฮันเหยียนกับหานเซียวยังจะสามารถพูดอะไรได้อีก?
พวกเขามีแต่ต้องทำตามคำสั่งต่อไป
หลินเป่ยเฉินพอใจเป็นอย่างยิ่ง
หวังจง สมแล้วที่คำว่าจงมาจากจงรักภักดี
พ่อบ้านชราสามารถกระทำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ตามความปรารถนาของเขาทุกประการ
หลินเป่ยเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้บนดาดฟ้าเรือเหาะเซียนกระบี่ นำโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะเริ่มฝึกวิชาด้านการเสริมสร้างพลังปราณและพลังจิตต่อไป
ร่างกายของเขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้
เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปิดประตูมิติสู่แผ่นดินตงเต้าในครั้งต่อไป
หนึ่งชั่วยามต่อมา
บรรดาซากศพในสมรภูมิรบบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ถูกเก็บกวาดหมดสิ้น
“ประเสริฐ ประเสริฐมาก ในที่สุดพวกเจ้าก็ช่วยชีวิตของตนเองเอาไว้ บัดนี้พวกเจ้าเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ”
หวังจงสะบัดสายแส้ด้วยสีหน้าพึงพอใจ
เรือเหาะเซียนกระบี่เร่งความเร็วเป็นลำแสง ไม่กี่ลมหายใจก็หายวับไปในท้องฟ้าอันมืดมิด
“เฮ้อ… พวกเขาไปกันแล้วใช่หรือไม่?”
“พวกเราได้เป็นอิสระแล้ว”
บรรดานายทหารของทั้งสองกองทัพพากันร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ พวกเขากระโดดกอดกันตัวกลมโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตอีกต่อไป น้ำตาไหลอาบใบหน้า โบกมือลาพวกของหลินเป่ยเฉินด้วยความยินดี
พวกเขาเกือบจะยิงปืนใหญ่เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแล้วด้วยซ้ำ
แต่หลังจากที่ตั้งสติได้ ทุกคนก็รีบคลายกอดออกจากกัน บรรยากาศแปรเปลี่ยนไป สีหน้าของบรรดานายทหารแสดงออกถึงความกระอักกระอ่วนใจ
สุยฮันเหยียนกลับไปที่เรือเหาะหลี่เซวี่ยของตนเอง
หานเซียวและลูกสมุนก็กลับไปที่เรือเหาะลำอื่น ๆ ของกองทัพเซวียนเหยียน
ทั้งสองกองทัพที่เคยต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย บัดนี้ ต่างฝ่ายต่างไม่มีอารมณ์หยิบจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กันอีกแล้ว พวกเขาต่างก็ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ มองหน้ากันและกัน ก่อนจะหันหน้าหนีไปคนละทางด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
ครืน!
เรือเหาะสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เรือเหาะทุกลำปรับเปลี่ยนทิศทาง ก่อนจะแล่นออกไปด้วยอัตราความเร็วสูงสุด เพื่อหลบหนีไปจากดินแดนแห่งฝันร้ายไม่รู้จบแห่งนี้โดยเร็วที่สุด!