เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1695 ชักกระบี่ฆ่าคน
ตอนที่ 1,695 ชักกระบี่ฆ่าคน
“นางมารน้อยผู้นี้ดวงแข็งเหลือเกิน ตกลงมาสูงขนาดนี้ยังไม่ตาย ซ้ำยังลุกขึ้นมาได้ซะอีก ฮ่า ๆๆ พวกเราจับตัวนางกลับไป ท่านนายกองฉีเจียงต้องดีใจแน่ ๆ”
ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนายทหารยกมือออกคำสั่ง
นายทหารในชุดเกราะสีแดงสองคนที่เนื้อตัวเหม็นกลิ่นสุราพลันวิ่งเข้ามาไม่ต่างจากหมาป่าผู้หิวโหย
เด็กสาวในชุดขาวถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้น…
วูบ!
คมกระบี่สาดประกาย
นายทหารในชุดเกราะสีแดงทั้งสองคนเห็นเพียงแสงสว่างวาบขึ้นที่เบื้องหน้า แล้วศีรษะของพวกเขาก็ลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ โลหิตไหลทะลักออกจากลำคอราวกับน้ำพุ
ในมือของหลินเป่ยเฉินมีกระบี่
เขายกมือขึ้นดีดนิ้ว
วูบ! วูบ!
เสียงกระบี่บินฉวัดเฉวียนในอากาศ กลบเสียงอื่น ๆ จากในหอสุราแทบหมดสิ้น
“เจ้า…”
หัวหน้ากลุ่มนายทหารชุดเกราะแดงหยุดชะงัก ก่อนก้าวถอยหลังและคำรามด้วยความโกรธแค้น “เจ้าเป็นใครกันแน่… กล้าดีอย่างไรถึงได้ฆ่าทหารของกองทัพเจี๋ยซิงเช่นนี้?”
ในเวลานี้ บรรดาผู้คนในหอสุราเซียนเมามายก็กำลังตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นใครกัน ถึงกับกล้ามาก่อเรื่องที่นี่เชียวหรือ?”
“ทหารพวกนั้นออกไปแล้ว”
นายทหารในชุดเกราะสีแดงอีกจำนวนหนึ่งวิ่งออกไปจากหอสุราด้วยความรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินถูกตีวงล้อมจากทุกด้าน
หอสุราเซียนเมามายเป็นสถานที่รวมตัวของนายทหารระดับกลางถึงระดับสูงของกองทัพเจี๋ยซิง เช่นเดียวกับแขกที่เดินเข้าออกต่างก็เป็นคนตระกูลใหญ่หรือขุนนางผู้สูงศักดิ์ทั้งสิ้น
ในหอสุราขณะนี้ มีผู้คนมากมายกำลังรับประทานอาหารดื่มกินอย่างมีความสุข
แต่เมื่อได้ยินว่ามีนายทหารของกองทัพเจี๋ยซิงถูกฆ่าตาย กลุ่มคนจำนวนมากก็รีบออกมาดูเหตุการณ์ด้วยความสนอกสนใจ
หลินเป่ยเฉิน เด็กสาวในชุดขาวและนักพรตหญิงชินต่างก็ถูกล้อมรอบจากทุกด้าน
ใบหน้าอันเมามายของนายทหารแสดงออกให้เห็นถึงความหยิ่งยโส
ในเมืองแห่งนี้ มีผู้คนไม่มากที่กล้าหาเรื่องกับกองทัพเจี๋ยซิง บรรดานายทหารจึงขาดแคลนความสนุกสนานมานานแล้ว เพราะพวกเขาเบื่อเหลือเกินกับการรังแกชาวเมืองที่ไม่คิดตอบโต้
ในที่สุด วันนี้พวกเขาก็ได้พบเจอกับของเล่นที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะเมื่อสายตาของกลุ่มนายทหารพบเห็นนักพรตหญิงชินผู้งดงาม ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น
ความงดงามของสตรีผมเงินผู้นี้ อย่าว่าแต่งดงามที่สุดในเมืองเทียนหลางซิงเลย นางอาจจะเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในอาณาจักรซือเว่ยด้วยซ้ำ
บางทีพวกเขาอาจจะมีโอกาส…
“เป็นเจ้าเองหรือ?”
ทันใดนั้น นายกองฉีเจียงก็เดินแหวกกลุ่มคนออกมา
เขาเองก็จดจำหลินเป่ยเฉินได้เช่นกัน
“ท่านนายกองขอรับ เจ้าเด็กหน้าขาวผู้นี้ฆ่าพวกเราตายไปแล้วสองศพ”
หัวหน้ากลุ่มนายทหารร่างสูงใหญ่รีบวิ่งเข้าไปอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าขมขื่น “มันตั้งใจลงมือฆ่าพวกเราเลยขอรับ นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ เด็กหนุ่มผู้นี้มีความร้ายกาจยิ่ง”
ดวงตาของฉีเจียงเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความประหลาดใจ ก่อนหันกลับมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินและถามว่า “เจ้าเป็นใครมาจากไหน เพราะเหตุใดจึงต้องฆ่าลูกน้องของข้าด้วย?”
หลินเป่ยเฉินยืนถือกระบี่ใช้ความคิดเล็กน้อย ก็ให้คำตอบว่า “เพราะลูกน้องของเจ้าอัปลักษณ์เกินไปกระมัง? ไม่ทราบว่าเหตุผลนี้พอยอมรับได้หรือไม่?”
ฉีเจียงพูดอะไรไม่ออก
ในดวงตาเป็นประกายด้วยความโกรธแค้น
แต่ฉีเจียงเป็นคนที่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าหลินเป่ยเฉินแม้จะถูกล้อมกรอบจากทุกด้าน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาเลย ฉีเจียงจึงลอบคิดว่าหากเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่ง ก็ต้องมีกลุ่มคนหนุนหลังที่น่ากลัวอยู่แน่นอน
“เจ้าสังหารนายทหารของกองทัพเจี๋ยซิง นี่ถือเป็นความผิดที่ยากต่อการให้อภัย”
ฉีเจียงปรับเปลี่ยนน้ำเสียงของตนเองให้เป็นทางการมากขึ้น “และเด็กสาวชุดขาวที่อยู่ด้านหลังเจ้าก็เป็นคนที่พวกข้าซื้อหามากับมือ ได้โปรดส่งนางคืนกลับมาด้วย”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ฉีเจียงก็แอบส่งสัญญาณลับ
ลูกสมุนของฉีเจียงติดตามรับใช้เขามาช้านาน เมื่อเห็นสัญญาณมือจากฉีเจียง พวกเขาก็รีบถอนกำลังพลออกจากกลุ่มผู้คน และกลับไปยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทันที โดยในเวลาเดียวกันนี้ ก็ได้มีนายทหารส่วนหนึ่งแยกตัวออกไปเพื่อตามกำลังเสริมมาช่วยเหลือ
เด็กสาวชุดขาวตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
นางซ่อนอยู่ด้านหลังหลินเป่ยเฉิน ตัวสั่นเทาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เรียกได้ว่าแทบอยากจะเข้ามาสิงร่างหลินเป่ยเฉินเพื่อหลบซ่อนตัวกันเลยทีเดียว
“บัดนี้นางเป็นคนของข้าแล้ว”
หลินเป่ยเฉินเห็นการส่งสัญญาณของฉีเจียง แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจ
“คุณชายอยากจะได้ตัวนางอย่างนั้นหรือ?”
ฉีเจียงพยายามถ่วงเวลาต่อไป
หลินเป่ยเฉินตอบเสียงเรียบว่า “เจ้ามีดอกไม้งามอยู่ในมือแล้วแท้ ๆ แต่กลับดูแลนางไม่ดี นางกระโดดหนีลงมาจากหอสุราชั้นที่เจ็ดและตกกระแทกพื้นตายไปแล้ว เด็กสาวที่เจ้าซื้อตัวมาได้ตายไปแล้ว… แต่ข้าใช้พลังของตนเองดูแลรักษานางจนฟื้นคืนกลับมาใหม่ เพราะฉะนั้น นางจึงเป็นคนของข้า ไม่ใช่คนของเจ้าอีกต่อไป”
ฉีเจียงหยุดชะงัก
ที่เด็กหนุ่มพูดมาก็มีเหตุผลจนเขาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร
บัดซบ!
ฉีเจียงสบถอยู่ในใจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไปเอาความอวดดีเช่นนี้มาจากที่ใด? หรือว่าเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับกองทัพเจี๋ยซิง?”
“ใช่แล้ว”
หลินเป่ยเฉินยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
“ในเมื่อเจ้าอยากจะเป็นศัตรูกับกองทัพของเรา ถ้าอย่างนั้น…” ฉีเจียงพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก เบิกตาโตมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนอุทานว่า “ช้าก่อน เจ้า… เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ข้าพูดว่า…”
หลินเป่ยเฉินย้ำคำเดิมด้วยความอดทน “ใช่แล้ว ข้าต้องการเป็นศัตรูกับกองทัพของพวกเจ้า! เข้าใจแล้วหรือไม่? หากยังไม่เข้าใจ พูดรอบต่อไปข้าจะเก็บเงินแล้วนะ”
กลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่รอบบริเวณส่งเสียงอุทานด้วยความฮือฮา
ไม่ใช่แค่ฉีเจียงผู้เดียวเท่านั้น แม้แต่บรรดานายทหารคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบกาย ก็ยังจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยสายตาประมาณว่า ‘เจ้าเด็กผู้นี้มีปัญหาทางสมองใช่หรือไม่?’
พวกเขาไม่เคยพบเจอผู้ใดยโสโอหังและอวดดีถึงเพียงนี้มาก่อน
“เฮอะ ในเมื่อข้าเป็นคนซื้อนางมาเองกับมือ ต่อให้นางตายกลายเป็นศพ นางก็ยังเป็นของข้าอยู่ดี ใครอนุญาตให้เจ้าเก็บสิ่งของของผู้อื่นได้ตามใจชอบ?” ฉีเจียงหัวเราะเยาะและกล่าวต่อไป “เจ้าฆ่านางให้ตายอีกรอบเถอะ… แล้วก็ส่งศพของนางกลับมาให้ข้าซะ”
หลินเป่ยเฉินรับฟังอยู่ในความเงียบ ก่อนจะพบว่าที่อีกฝ่ายพูดมาก็มีเหตุผล เขาจึงตอบรับอย่างเห็นด้วย “ตกลง”
ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงตวัดกระบี่
คมกระบี่สาดประกายวูบ
แล้วหัวหน้านายทหารร่างใหญ่ก็รู้สึกเย็นวาบที่บริเวณลำคอ
“อ๊อก อ๊อก...”
ได้ยินเสียงสำลักในลำคอไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่กำลังจะเสียชีวิต หลังจากนั้น ศีรษะของหัวหน้านายทหารก็กลิ้งตกไปทางด้านหลัง โลหิตพุ่งกระฉูดขึ้นมาจากลำคอราวกับน้ำพุ
ให้ตายเถอะ!!
รอบบริเวณมีแต่เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
บรรดานายทหารที่ยืนตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบหวาดกลัวและตกตะลึงจนพากันก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่นายกองฉีเจียงก็ถอยไปตั้งหลักอยู่ห่าง ๆ เช่นกัน
ช่างเป็นกระบี่ที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้
หัวหน้านายทหารผู้นั้นยืนอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสองวา นับตั้งแต่ต้นจนจบ ฉีเจียงไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งศีรษะของนายทหารผู้นั้นหลุดออกจากบ่าไปแล้ว
หากคมกระบี่เมื่อสักครู่นี้มีเป้าหมายเป็นที่ตัวเขาเอง…
เพียงแค่คิด ฉีเจียงก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัว!!!