เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1701 ความสามารถอันน่ามหัศจรรย์
ตอนที่ 1,701 ความสามารถอันน่ามหัศจรรย์
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ “ถ้าอย่างนั้น เราก็น่าจะร่วมมือกับท่านผู้กล้าแซ่โจวได้นะขอรับ เพราะศัตรูของศัตรูถือว่าเป็นมิตร”
“เจ้าจะลองดูก็ได้”
นักพรตหญิงชินกล่าว “แต่ข้าอยากเตือนเจ้าไว้สักหน่อยว่าหากเจ้าคิดจะร่วมมือกับท่านผู้กล้าแซ่โจวจริง ๆ ข้าเกรงว่ามันคงเป็นการร่วมมือที่ไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่”
หลินเป่ยเฉินผงกศีรษะอย่างเห็นด้วย
น่าเสียดายที่ท่านผู้กล้าแซ่โจวเป็นผู้ชาย
หากเขาเป็นผู้หญิง หลินเป่ยเฉินก็สามารถจัดการได้สบายแล้ว
“คำแนะนำของข้าก็คือเจ้าจะลองติดต่อกับท่านผู้กล้าแซ่โจวดูก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการกำจัดกลุ่มกองกำลังของหลินซิงเฉิงให้ได้เสียก่อน จากนั้นก็จัดการมือสังหารจากหอสลายวิญญาณและควบคุมเขตหลานเหนี่ยวให้กลายเป็นฐานบัญชาการของกองทัพเซียนกระบี่ให้ได้โดยเร็วที่สุด หากเจ้าสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ค่อยต่อด้วยการพยายามร่วมมือกับท่านผู้กล้าแซ่โจว เพื่อปกป้องดูแลกำแพงเมืองฝั่งนี้ต่อไป”
นักพรตหญิงชินอธิบายแผนการทั้งหมด
“ตามนั้นเลยขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าเห็นด้วย
คนที่เชื่อฟังภรรยาของตนเอง ย่อมเจริญในหน้าที่การงานเสมอ…
ถึงนางจะยังไม่ได้เป็นภรรยาของเขาก็เถอะ
“ขั้นตอนต่อไปก็คือการทำให้ชาวเมืองได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น เมื่อกองทัพเซียนกระบี่เข้ามาดูแล ชาวเมืองจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้… กล่าวอีกอย่างก็คือเจ้าต้องเอาชนะใจผู้คนให้ได้”
นักพรตหญิงชินกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วขอรับ…”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ “เรื่องนี้ข้าถนัดนัก”
นักพรตหญิงชินขมวดคิ้วทำหน้าเครียดใส่หลินเป่ยเฉินทันที
เด็กหนุ่มจึงต้องรีบพูดใหม่ว่า “แต่ถึงข้าจะเข้าใจ ข้าก็ทำเองไม่ได้ขอรับ ไม่ทราบว่าอาจารย์มีแผนการใดให้ข้าทำตามบ้างหรือไม่?”
สีหน้าของนักพรตหญิงชินดีขึ้นมาเล็กน้อย “ย่อมต้องมี”
หลินเป่ยเฉินยิ้มร่าด้วยความดีใจ “เมื่อมีอาจารย์อยู่ข้างกาย ข้าก็ไม่ต่างจากมัจฉาน้อยที่มีน้ำให้แหวกว่ายอยู่เสมอ”
นักพรตหญิงชินถามขึ้นว่า “เจ้าสมควรเปรียบเปรยว่าตนเองเป็นเสือติดปีกมากกว่าไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “แต่ปลาน้อยมันน่ารักมากกว่านะขอรับ”
นักพรตหญิงชินอดใจไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องยกมือเขกหน้าผากหลินเป่ยเฉินไปหนึ่งโป๊ก ก่อนจะเดินออกไปนอกหอสุราเซียนเมามาย
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นกุมหน้าผากของตนเองและร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย เจ็บเหลือเกิน เจ็บปวดที่สุด ข้าลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว…”
ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย็นชาของนักพรตหญิงชินดังออกมาจากอีกด้านหนึ่งของประตู
หลินเป่ยเฉินถูหน้าผากและคิดในใจว่า ‘สมแล้วที่นักพรตหญิงชินเป็นปลาตัวใหญ่ในบ่อของเรา ช่างมีอารมณ์ดุดันและฟาดได้แรงจริง ๆ’
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็อดนึกถึงพวกของฉู่เหิน เฉียนเหมย เฉียนเจิน ฉุยเฮาเฟิง ฉุยหมิงโหลว หลินฮุนและคนอื่น ๆ ที่ติดค้างอยู่ในแผ่นดินตงเต้าขึ้นมาไม่ได้
หลินเป่ยเฉินเชื่อมั่นว่ากลุ่มคนเหล่านั้นตราบใดที่ถูกพาตัวมายังโลกใบใหม่แห่งนี้ พวกเขาก็จะต้องเฉิดฉายอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำ หลายคนน่าจะถูกยกย่องให้เป็นยอดอัจฉริยะอีกด้วย
แผ่นดินตงเต้าเปรียบเสมือนขุมสมบัติของหลินเป่ยเฉิน
ถ้าเขาสามารถชุบชีวิตผู้คนเหล่านั้นกลับคืนมาได้ และนำพาทุกคนมายังโลกใบใหม่แห่งนี้ได้สำเร็จ กองทัพเซียนกระบี่ก็น่าจะเป็นกลุ่มกองกำลังทางทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในเส้นทางดาราจักรแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงรู้ดีว่าตนเองสมควรรีบตามหาอาจารย์เฉินปี้หยางให้พบเจอโดยเร็ว เพื่อที่จะได้หลอมโอสถชุบชีวิตพวกของฉู่เหินกลับคืนมาอีกครั้ง
…
ไม่กี่วันต่อมา นักพรตหญิงชินก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันน่ามหัศจรรย์
อย่างแรก นางจัดระเบียบกองทัพเจี๋ยซิงขึ้นมาใหม่ได้อย่างเข้มงวดเฉียบขาด นายทหารผู้ใดทำตัวกระด้างกระเดื่องก็จะถูกจับลงโทษอย่างหนัก สุดท้าย พวกเขาจึงกลายเป็นกองทัพที่เชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี
หลังจากนั้น นักพรตหญิงชินก็เอาชนะใจชาวเมืองได้สำเร็จ
บรรดาคนยากคนจนได้รับอนุญาตให้กลับมาอยู่อาศัย ณ เขตเมืองชั้นในอีกครั้ง
แทบไม่มีการตั้งกฎเกณฑ์ใด ๆ เลย
นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับการแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มอย่างทั่วถึง ชาวเมืองทุกคนจึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
นักพรตหญิงชินยังได้เปิดที่พักสาธารณะให้แก่บรรดาคนเร่ร่อนได้ใช้หลับนอนยามค่ำคืน
ความจริง ในเขตหลานเหนี่ยวมีทรัพยากรอาหารและน้ำดื่มไม่มากนัก
ก่อนหน้านี้ พวกของแม่ทัพใหญ่หลงเซวียนกักตุนอาหารไว้ให้แก่พรรคพวกของตนเองเป็นจำนวนมาก แหล่งน้ำภายในตัวเมืองถูกปิดกั้น แหล่งน้ำที่สามารถใช้ได้ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงเก้าจุดเท่านั้น
นักพรตหญิงชินจึงปรับกลยุทธ์ตามแผนการของหวังจง
นางใช้ชื่อเสียงของเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินเปิดช่องทางแหล่งน้ำใหม่ เช่นเดียวกับการจ้างงานคนยากคนจนเพื่อให้มีเงินมาซื้ออาหารมากขึ้น
ภายในไม่กี่วัน ภาพอันน่าสลดหดหู่ใจอย่างการขายบุตรหลานของตนเองก็ไม่มีให้เห็นที่เขตเมืองชั้นนอกอีกแล้ว
ถิ่นที่อยู่อาศัยทุกแห่งหนต่างก็สรรเสริญเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินเป็นหนึ่งเดียว
เด็กหนุ่มพยายามติดต่อกับท่านผู้กล้าแซ่โจวอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเหลว
เหตุผลสำคัญก็คือไม่มีผู้ใดทราบว่าคนผู้นี้อยู่ที่ใด
ว่ากันว่าท่านผู้กล้าแซ่โจวมักจะพาสตรีผู้งดงามไปร่วมออกกำลังกับเขาเป็นเวลาหลายวันต่อหนึ่งครั้ง และไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านผู้กล้าแซ่โจวไปยังที่ใด
ผู้คนบริเวณท่าเทียบเรือไม่ประหลาดใจในพฤติกรรมนี้
เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาคุ้นชินแล้ว
ในแต่ละเดือนจะมีช่วงเวลาที่ท่านผู้กล้าแซ่โจวหายตัวไปนานหลายวัน
แต่เขาก็ยังคงคุ้มครองผู้บริสุทธิ์อยู่เช่นเดิม
ทุกคนเชื่อกันว่าหากมีคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณท่าเทียบเรือ คนแปลกหน้าผู้นั้นก็อาจจะเป็นท่านผู้กล้าแซ่โจวปลอมตัวมาก็เป็นได้
หลังจากพยายามติดต่ออยู่หลายครั้ง สุดท้ายหลินเป่ยเฉินก็ต้องล้มเลิกความพยายาม
หลินเป่ยเฉินกินดื่มรับประทานอาหารและฝึกวิชาผ่านโทรศัพท์มือถืออยู่ที่หอสุราเซียนเมามาย
ในเวลาเดียวกันนี้ เริ่มมีข่าวคราวของอาจารย์เฉินปี้หยางให้ได้รับทราบมาบ้าง แต่ก็เป็นข่าวที่ไม่แม่นยำสักเท่าไหร่นัก
เพราะผู้คนทั่วอาณาจักรซือเว่ยต่างก็กำลังตามหาตัวเฉินปี้หยางอยู่เช่นกัน
แต่หมอยานักเล่นแร่แปรธาตุผู้นี้เก่งกาจเรื่องการเล่นซ่อนแอบเหลือเกิน ต่อให้พลิกแผ่นดินค้นหา ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบเบาะแสเลยว่าเฉินปี้หยางหลบซ่อนอยู่ที่ใด
กองทัพเซียนกระบี่ยังขาดความสามารถในด้านการสะกดรอย พวกเขาจึงอาศัยเพียงการส่งหน่วยสืบข่าวออกไปลาดตะเวนเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาจึงขาดความแม่นยำอยู่หลายส่วน
ต่อให้หลินเป่ยเฉินอยากจะตามหาตัวเฉินปี้หยางให้พบสักเท่าไหร่ นั่นก็ยังเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในขณะนี้
ในเวลาเดียวกันนี้ นักพรตหญิงชินก็กำลังมองหาเบาะแสมือสังหารจากหอสลายวิญญาณ
เพราะว่าหอสลายวิญญาณก็กำลังตามล่าตัวเฉินปี้หยางอยู่เช่นกัน และองค์กรนักฆ่าที่โด่งดังที่สุดในเส้นทางดาราจักร ก็จะต้องมีช่องทางการเสาะหาข้อมูลดีมากกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่มือสังหารวิหคทมิฬซึ่งพวกเขาจับตัวมาได้นั้นไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้เลย
…
ห้าวันผ่านไป
หลินเป่ยเฉินสามารถเลื่อนขั้นพลังได้สำเร็จอีกครั้ง บัดนี้ เขาอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 5 แล้ว
วิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณบรรลุขึ้นสู่ขั้นที่สอง
หลินเป่ยเฉินได้ค้นพบปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด
พลังปราณอสูรระดับจอมจักรพรรดิที่เก็บอยู่ในมือซ้ายของเขาถูกหลอมรวมเข้ากับร่างกายเป็นหนึ่งเดียวผ่านมวลกล้ามเนื้อและผิวหนัง และนั่นก็ทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
ร่างกายของหลินเป่ยเฉินเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำ
อวัยวะทุกส่วนขยายใหญ่มากขึ้น
โดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็สูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรแล้ว!