เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1705 บดขยี้ดอกไม้งาม
ตอนที่ 1,705 บดขยี้ดอกไม้งาม
สตรีผู้นี้เดินเข้าหาจากทางด้านหลัง
อ้อมแขนของนางกอดรัดท่านผู้กล้าแซ่โจวแนบแน่น อกอิ่มบดเบียดกับแผ่นหลังของชายหนุ่มผ่านเนื้อผ้าที่บางเบา
“มีสิ่งใดรบกวนใจนายท่านอยู่หรือเจ้าคะ?”
ใบหน้างามงดของสตรีผู้นั้นซบลงบนหัวไหล่ของท่านผู้กล้าแซ่โจว
ท่านผู้กล้าแซ่โจวถอนหายใจออกมา
เขาค่อย ๆ หันกายกลับมา ยกมือขึ้นจับหัวไหล่เนียนของหญิงสาว ก่อนจะพินิจใบหน้าอันงดงามนั้นให้เต็มตา
ในแววตามีแต่ความเศร้าสลด
ท่านผู้กล้าแซ่โจวยกมือขึ้นลูบไล้หน้าผากของนาง ก่อนจะสูดดมเรือนผมอันหอมกรุ่น และกล่าวว่า “เสี่ยวรั่ว รู้หรือไม่เพราะเหตุใด ข้าจึงเล่นสนุกอยู่กับเจ้า แต่ไม่ยอมให้เจ้าเข้ามารับใช้ข้าเลย?”
เสี่ยวรั่วเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวรั่วไม่ทราบ รบกวนนายท่านได้โปรดบอกด้วยเถิด”
“เพราะว่า…”
ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของท่านผู้กล้าแซ่โจวแสดงรอยยิ้มอำมหิต “สตรีเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ความสามารถในการชักกระบี่ของข้าช้าลง”
เสี่ยวรั่วสะดุ้งเฮือก
แล้วโลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากหน้าผากของนาง
“ท่าน...”
หญิงสาวตกตะลึง
รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านผู้กล้าแซ่โจวยิ่งแสดงให้เห็นถึงความอำมหิตมากขึ้นและมากขึ้น
สีหน้าของเขาแฝงไว้ด้วยความตลกขบขันอยู่หลายส่วน
ดวงตาของเสี่ยวรั่วเบิกโตด้วยความเหลือเชื่อ
ทันใดนั้น นางก็ระเบิดพลังที่สูงล้ำมากกว่าขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมา ผิวกายขาวเนียนของนางกลับกลายเป็นผิวที่ลื่นไหลราวกับผิวหนังปลา เพียงหมุนตัวตีลังกาทีเดียว นางก็ถอยหนีไปอยู่ห่างไกลจากท่านผู้กล้าแซ่โจวหลายสิบวาแล้ว
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
แววตาและน้ำเสียงของเสี่ยวรั่วเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ดวงตาดุดันยิ่งกว่าคมกระบี่ เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่ฟังแล้วระคายหู
ไม่ใช่แววตาที่อ่อนหวาน และน้ำเสียงที่นุ่มนวลอีกแล้ว
ท่านผู้กล้าแซ่โจวระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ “วิธีการลงมือของหอสลายวิญญาณนั้น ข้ามองออกมาหลายร้อยปีแล้ว บัดนี้ นักฆ่าระดับเหรียญทองของพวกเจ้ามีความสามารถต่ำต้อยกว่านักฆ่าระดับเหรียญทองในอดีตหลายเท่านัก เจ้ายังอ่อนหัดมากเกินไป ใช่แล้ว ข้าอาจจะเป็นคนที่ลุ่มหลงในตัณหาราคะ แต่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าการที่มือสังหารปลอมตัวมาเป็นสตรีผู้หนึ่งจะสามารถตบตาข้าได้?”
เสี่ยวรั่วหัวเราะในลำคอและกล่าวด้วยความอาฆาตแค้นว่า “ครั้งต่อไป เจ้าคงไม่โชคดีเช่นนี้อีก...”
นางโคจรพลังในร่างกายเตรียมตัวหลบหนี
เหตุผลที่ต้องเสียเวลาพูดคุยเช่นนี้ ก็เพราะว่านางยังไม่เป็นมืออาชีพมากพอ และไม่เข้าใจหลักการที่แท้จริงของนักฆ่า ซึ่งลงมือโจมตีหนึ่งครั้ง ต้องเตรียมทางหนีให้ได้พันลี้
และเนื่องจากการปลดปล่อยปราณโจมตีผ่านฝ่ามือของท่านผู้กล้าแซ่โจวเมื่อสักครู่ มันจึงทำให้มือสังหารหญิงสูญเสียพลังไปไม่น้อย นางจึงจำเป็นต้องถ่วงเวลาเพื่อฟื้นฟูพลังของตนเองกลับมา
“ฮ่า ๆๆ คงไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”
ท่านผู้กล้าแซ่โจวยิ้มออกมาเล็กน้อย
ความจริง เขารู้ว่าเสี่ยวรั่วเป็นนักฆ่าระดับเหรียญทองปลอมตัวมาตั้งแต่แรกเห็น
แต่ด้วยหลักความคิดที่ว่า ‘หญิงงามระดับนี้ฆ่าตายก็เสียดายเปล่า ขอเก็บไว้เล่นสนุกสักสองสามวันก่อนก็แล้วกัน’
ดังนั้น ท่านผู้กล้าแซ่โจวจึงยอมเล่นละครตบตาตลอดมา
น่าเสียดายที่หมดเวลาสนุกแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้
สีหน้าของเสี่ยวรั่วแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
นางพยายามหลบหนีแต่ก็ล้มเหลว
วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งทะลวงออกมาจากใต้ผิวที่ขาวเนียนนั้น
เพียงพริบตาเดียว ร่างของเสี่ยวรั่วก็ย้อมไปด้วยโลหิต ร่างกายมีแต่บาดแผลฉกรรจ์ ไม่ว่ามองไปบริเวณใดก็จะพบเห็นแต่รูพรุน
“ปราณกระบี่ทะลวงวิญญาณ เจ้า…”
ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นในแววตาของเสี่ยวรั่ว
ปรากฏว่าท่านผู้กล้าแซ่โจวแอบถ่ายเทปราณกระบี่เข้าสู่ร่างกายของนางมานานแล้ว
สุดท้าย เสี่ยวรั่วก็ต้องตายอย่างช้า ๆ ด้วยความเจ็บใจ
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในขณะนี้ ทำให้บรรดาเด็กสาวคนอื่น ๆ ที่กำลังเล่นสนุกอยู่ในสระน้ำตื่นกลัวจนพูดอะไรไม่ออก ทุกคนล้วนตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“น้องสาวทุกท่านไม่ต้องกลัว สตรีผู้นี้เป็นเพียงตัวชั่วร้ายที่อยากจะสังหารข้าเท่านั้น”
ท่านผู้กล้าแซ่โจวยิ้มแย้มออกมาอย่างอ่อนโยนและพยายามปลอบประโลมบรรดาสาวงาม “เอาล่ะ การเล่นสนุกในวันนี้จบลงแล้ว พวกเจ้าอยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ ข้าอยากจะอยู่เงียบ ๆ สักหน่อย”
กลุ่มเด็กสาวแยกย้ายกระจายตัวด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างดี
ท่านผู้กล้าแซ่โจวยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะเก่าแก่ เฝ้ามองกองทัพเรือเหาะที่ลอยตัวผ่านไปบนเส้นขอบฟ้าห่างไกล แล้วดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย
เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้น…
รอยยิ้มด้วยความดีใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ใช่แล้ว ข้าสัมผัสได้ เจ้าตัวแสบนั่น… เขามาแล้ว ในที่สุดเขาก็มาแล้ว… ได้เวลาที่พวกเราจะแก้แค้นแล้วกระมัง?”
พลัน ท่านผู้กล้าแซ่โจวตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตา
ค่ายอาคมที่คุ้มกันเรือเหาะโบราณลำนี้ถูกสลายลงไป
เช่นเดียวกับค่ายอาคมที่คุ้มกันรอบบริเวณ
นั่นทำให้ท่านผู้กล้าแซ่โจวสามารถมองเห็นกองทัพเรือเหาะปริศนาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า บุรุษหนุ่มผมแดงก็มองเห็นกองทัพเรือเหาะสีเงินสะท้อนประกายระยิบระยับไม่ต่างจากการสะท้อนของผิวน้ำในมหาสมุทร
…
เขตหลานเหนี่ยว
ชาวเมืองจำนวนมากเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วพวกเขาก็กลับมามีจิตใจเคร่งเครียดอีกครั้ง
กองทัพเรือเหาะชุดใหม่ที่ปรากฏขึ้นในขณะนี้ ได้จัดตั้งค่ายกลและมีกองกำลังยิ่งใหญ่กว่ากองทัพเรือเหาะของฮันม่อซูเสียอีก
เป็นกำลังเสริมของศัตรูใช่หรือไม่?
หรือว่าไม่ใช่กองทัพเรือเหาะของศัตรู?
กองทัพเรือเหาะสีเงินลอยลำมาอยู่นอกกำแพงเมืองของเขตหลานเหนี่ยวอย่างแช่มช้า
“เฉาตงเซิน ขุนพลพยัคฆ์ขาวทำความเคารพท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ”
“โจวเจิ้ง ขุนพลพยัคฆ์ทมิฬ ทำความเคารพท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ”
“พวกเราผู้ต่ำต้อยทำความเคารพท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ”
“จี๊ด”
กลุ่มนายทหารในชุดเกราะเหล็กจากเรือเหาะลำต่าง ๆ กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าและหยุดอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินก่อนจะคุกเข่าข้างเดียวกลางอากาศทำความเคารพด้วยความอ่อนน้อมยิ่ง
ในกลุ่มทหารเหล่านั้น ยังมีหนูอสูรตัวหนึ่งที่มีขนสีเงินเป็นประกายระยิบระยับรวมอยู่ด้วย
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างออกมาทันที
ให้ตายสิ
เป็นไปอย่างที่คิด
ประเสริฐแท้
มาได้ทันเวลาพอดี
ความจริง เขาไม่คิดว่ากองทัพเซียนกระบี่จะปรากฏตัวได้อย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยซ้ำ
คิดไม่ถึงเลยว่า พวกเขาจะมาปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเช่นนี้
“ทุกคนทำตัวตามสบายเถอะ”
หลินเป่ยเฉินรู้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วว่ากองทัพเรือเหาะเหล่านี้เป็นกองทัพเซียนกระบี่ของตนเอง
ในที่สุด กำลังเสริมของเขาก็มาถึงแล้ว
“นายน้อย บ่าวเป็นห่วงท่านแทบแย่… บ่าวมาแล้วขอรับ”
หวังจงผู้สวมใส่ชุดเกราะสง่างามปรากฏตัวด้วยสีหน้าลนลาน
เขานั่งอยู่บนแผ่นหลังของเจ้าเสืออสูรที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เมื่อมาถึงเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน ชายชราก็กระโดดลงมาทำความเคารพด้วยความอ่อนน้อม
“นายน้อยปลอดภัยดีใช่หรือไม่? หลังได้รับข้อความเมื่อหกวันก่อน บ่าวก็รีบนำเรือเหาะของกองทัพเซียนกระบี่ออกเดินทางมาทั้งวันทั้งคืนกว่าสองร้อยลำเลยขอรับ”
“เจ้าคิดว่าข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหรือ?”
ภายใต้การเฝ้ามองของสาธารณชน หลินเป่ยเฉินย่อมคำนึงถึงภาพลักษณ์ของตนเอง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก็แค่เศษสวะไร้ค่าไม่กี่คน… การต่อสู้จบสิ้นแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือของเจ้าอีกต่อไป”