เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1716 จิตสังหารที่น่ากลัว
ตอนที่ 1,716 จิตสังหารที่น่ากลัว
กลิ่นคาวโลหิตในห้องทรมานถือเป็นเรื่องธรรมดา
ดูเหมือนเฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียนจะถูกทรมานอย่างหนักหน่วงทีเดียว…
ปี๋อวิ่นเถากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ทันใดนั้น สองเท้าของเขาก็หยุดชะงัก
ตัวคนสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
เพราะจิตสังหารที่ตลบอบอวลอยู่ในห้องทรมานนั้นหนาแน่นมากเกินไป มันทำให้ชายหนุ่มหายใจไม่ออก ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ ราวกับมีมัจจุราชมายืนอยู่ข้างหน้าก็ไม่ปาน
ผู้ทรมานนักโทษที่อยู่ในห้องนั้นต่างก็ล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นหมดสิ้น
จิตสังหารในอากาศลอยออกมาจากตัวของหลินเป่ยเฉิน
“พี่เฟิง?”
หลินเป่ยเฉินมองไปยังชายวัยกลางคนที่ถูกจับแขวนตัวอยู่กลางอากาศ เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยขณะถามต่อไปว่า “พี่เฟิง นี่… ใช่ท่านหรือไม่?”
ดวงตาของเฟิงเสี่ยวไป๋ค่อย ๆ เผยอขึ้นมา
แววตาของเขาเหม่อลอย
ไม่มีความดุดันเฉกเช่นแววตาของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิตอนปลายอีกแล้ว
แววตาของเฟิงเสี่ยวไป๋มีแต่ความว่างเปล่าราวกับคนที่ใกล้ตาย
“เขา… หลิน… เซียนกระบี่… ไม่ใช่คนทรยศ… ไม่ได้… ร่วมมือ… กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ…”
เฟิงเสี่ยวไป๋เปล่งเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก
โลหิตปนน้ำลายไหลย้อยลงมาจากริมฝีปาก
เขาไม่ทราบเลยว่าเด็กหนุ่มในชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้ใด
สติสัมปชัญญะสุดท้ายของเฟิงเสี่ยวไป๋กำชับให้เขาพูดไปตามสัญชาตญาณหลังถูกทรมานมาอย่างยาวนาน
วูบ!
ลำแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
ความคมของกระบี่ฆ่าวาฬสามารถตัดสายโซ่ที่พันธนาการเฟิงเสี่ยวไป๋ทั้งแปดเส้นได้อย่างไม่มีปัญหา
ร่างของเฟิงเสี่ยวไป๋ร่วงหล่นลงมา
โลหิตสาดกระเซ็นใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาว
หลินเป่ยเฉินช้อนรับร่างของเฟิงเสี่ยวไป๋เอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นจึงยัดโอสถรักษาอาการบาดเจ็บใส่เข้าไปในปากและถ่ายเทพลังปราณเพื่อช่วยหยุดยั้งการไหลของเลือด
แต่เฟิงเสี่ยวไป๋มีอาการบาดเจ็บหนักหน่วงมากกว่าที่คิด อวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่พลังวิญญาณก็แทบสูญสิ้น…
หลินเป่ยเฉินไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าต้องเป็นการทรมานประเภทใดกันที่ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจของนักโทษบอบช้ำสาหัสได้ถึงเพียงนี้
“เจ้าเป็นใคร?”
ผู้คุมเหลียวรู้แล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล สีหน้าบอกชัดถึงความหวาดกลัว
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองตาขวาง
ครั้งนี้ ผู้คุมเหลียวสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แท้จริง
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ปี๋อวิ่นเถาจึงรีบก้าวเดินเข้ามาขวางหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “ไม่…”
หัวไหล่ของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
กร๊อบ!
ปี๋อวิ่นเถารู้สึกเจ็บปวดที่แขนขวาของตนเอง ก่อนที่เขาจะถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงห้องของทรมานนักโทษ แขนขวาหักงอผิดรูป
หลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ปี๋อวิ่นเถาอดคิดด้วยความตกตะลึงไม่ได้
มีข่าวลือว่าเหตุผลที่เซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินสามารถก่อร่างสร้างความยิ่งใหญ่ได้นั้น ไม่ใช่เพราะเขามีฝีมือการต่อสู้สูงส่งอันใด แต่เป็นเพราะหลินเป่ยเฉินอาศัยความช่วยเหลือจากจอมเทพจักราที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก
บัดนี้ ดูเหมือนว่า…
ผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าวลือนั้นกันนะ?
ปี๋อวิ่นเถาคำนวณความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผู้นี้ นอกจากมีร่างกายกำยำแข็งแรงแล้ว การโจมตีของหลินเป่ยเฉินยังสามารถสร้างความสั่นสะเทือนได้ทั้งแผ่นดิน นี่ต้องเป็นพลังที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิแล้วกระมัง?
ด้วยอายุเพียงเท่านี้ แต่กลับมีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้ นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าหลินเป่ยเฉินมีพรสวรรค์มากเพียงใด
“อย่าเพิ่งวู่วาม อย่าเพิ่งฆ่าคน…”
ปี๋อวิ่นเถาร้องตะโกน
แต่หลินเป่ยเฉินไม่ได้ฆ่าผู้คุมเหลียว
เขานำตัวเฟิงเสี่ยวไป๋มานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่หลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่ จากนั้นจึงนำสเปรย์บรรเทาอาการเจ็บปวดมาฉีดพ่นไปทั่วร่างกายของท่านผู้คุมสภาแห่งอาณาจักรหลิวเยวียน ตามด้วยให้รับประทานโอสถวิเศษอีกหลายชนิด
อาการบาดเจ็บของเฟิงเสี่ยวไป๋ดีขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เขาพยายามลืมตาขึ้นมา แต่ก็ทำได้เพียงส่งเสียงพึมพำในลำคอ ก่อนจะหมดสติลงไปอีกครั้ง
เหนื่อยล้าเกินไป
เจ็บปวดมากเกินไป
เฟิงเสี่ยวไป๋จำเป็นต้องพักผ่อนและนอนหลับสักตื่นหนึ่ง
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต
วูบ!
คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
ลำแสงกระบี่พุ่งทะลวงผ่านอากาศในห้องทรมาน
“เหวอ...”
ผู้คุมเหลียวที่กำลังจะหลบหนีออกไปจากห้องทรมานร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก เพราะลำแสงกระบี่พุ่งเฉียดผ่านศีรษะของเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“จะหนีไปไหน?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองด้วยสีหน้าเย็นชาปานน้ำแข็ง ส่งผลให้ผู้ที่ถูกจ้องมองรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งกาย “คิดว่าจะหนีได้หรือ?”
“ข้า…”
ผู้คุมเหลียวพยายามขับไล่ความกลัวและตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เจ้า… เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? เจ้าต้องการอะไร? รู้หรือไม่ว่าการทำร้ายเจ้าหน้าที่ในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษนั้น มีความผิดหนักหนามากเพียงใด?”
“ข้าเป็นผู้ใดอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินหันไปมองหน้าปี๋อวิ่นเถาและกล่าวว่า “ท่านช่วยบอกเขาหน่อยได้หรือไม่?”
ปี๋อวิ่นเถาใช้พลังปราณรักษาแขนที่บาดเจ็บของตนเอง ลอบสบถคำหยาบอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปหาผู้คุมเหลียวและกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่นว่า “เขาคือเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน”
“ว่าไงนะ?”
สีหน้าของผู้คุมเหลียวแปรเปลี่ยนไปทันที หัวใจเต้นระทึก ความหวาดกลัวกลืนกินทั้งจิตวิญญาณ
ซวยแล้วสิ!
คนเสียสติผู้นี้แม้แต่สวีฮังกับจางหรู่ก็ยังกล้าฆ่าตายได้โดยไม่สะทกสะท้านใด ๆ
“ปรากฏว่าเป็นเซียนกระบี่หลินนี่เอง ข้าน้อย… ข้าน้อยประพฤติตัวต่ำช้า… ล่วงเกินท่านเซียนกระบี่ไปมากแล้ว…”
ผู้คุมเหลียวรีบแสดงรอยยิ้มประจบประแจงออกมาโดยเร็ว
หลินเป่ยเฉินไม่สนใจ
เขาจ้องมองไปที่ปี๋อวิ่นเถา
“ท่านอยากพาตัวข้ามาที่นี่นักไม่ใช่หรือ?”
ดวงตาคมกริบจ้องมองปี๋อวิ่นเถาเขม็งขณะถามต่อไปว่า “ท่านคงอยากให้ข้ามาพบเห็นภาพเหล่านี้ใช่หรือไม่?”
ปี๋อวิ่นเถารีบส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ใช่…”
หลินเป่ยเฉินพูดสวนกลับไปทันควัน “งั้นข้าจะขอถามอีกสักครั้ง เฟิงเสี่ยวไป๋มีความผิดอันใดถึงต้องได้รับการทรมานเช่นนี้?”
“เรื่องนั้น…”
ปี๋อวิ่นเถาเกิดอาการลังเลเล็กน้อย “เป็นเรื่องภายในหน่วยสืบสวนพิเศษ ท่านไม่มีสิทธิ์รู้…”
วูบ!
พลัน ลำแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้าอีกครั้ง!!!