เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1725 ได้เวลาออกล่า
ตอนที่ 1,725 ได้เวลาออกล่า
หลินซิงเฉิงก้มหน้ามองลงไปจากมุมสูง พลางกล่าวเสียงเรียบ “เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นอยู่ในตึกหลังนี้ หากเจ้าทำลายตึกหลังนี้ลงไป คนที่เจ้ารู้จักก็จะต้องถูกฝังไปพร้อมกับพวกข้า”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“ประเสริฐ งั้นข้ายินดีรับคำเชิญ”
เด็กหนุ่มตัดสินใจยอมเข้าตึก
หลินซิงเฉิงไม่เข้าใจเลยว่าการเข้ามาเองโดยสมัครใจกับการเข้ามาโดยถูกขู่บังคับนั้นแตกต่างกันอย่างไร
สุดท้ายผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิมอยู่ดี
“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาหาเจิ้งเจียง
“รับทราบขอรับ”
เจิ้งเจียงประสานมือทำความเคารพ
หลินเป่ยเฉินนำหุ่นประกอบจากวิญญาณปีศาจแห่งสนามรบออกมาคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่เฟิงเสี่ยวไป๋และฉินโมเหยียนซึ่งยังสลบไม่ได้สติ
“พี่เฟิง เหล่าฉิน พวกท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าจะเด็ดหัวมันมาให้พวกท่านปัสสาวะล้างแค้น”
กล่าวจบ หลินเป่ยเฉินก็หมุนตัวเดินตรงไปที่ตึกเฉิงซิน
ระหว่างที่เดินไปนั้น เขาก็นำแว่นกันแดดมาสวมใส่และชโลมเจลแต่งผมลงบนศีรษะ
ในมือซ้ายถือปืน AK47 ในมือขวาถือระเบิดควัน ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็สั่งให้โทรศัพท์มือถือเปิดแอป UU เพื่อจ้างงานยอดฝีมือในภาวะเร่งด่วน…
หลินเป่ยเฉินพร้อมแล้ว
ได้เวลาออกล่า
ตึกเฉิงซินมีความสูงทั้งหมดสามสิบสามชั้น ก่อสร้างขึ้นมาจากหินขาวผสมแร่เงิน นับเป็นตึกที่มีชื่อเสียงโด่งดังประจำเมืองเทียนหลางซิง
บัดนี้ เพราะถูกหลินเป่ยเฉินยิงลูกระเบิดเข้าใส่ กระจกหน้าต่างจึงแตกร้าวเป็นจำนวนมาก สภาพของตึกที่เคยงดงามจึงไม่ต่างไปจากสาวน้อยที่ตัวเปียกฝนมอมแมม
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปผ่านประตู
ด้านในประตูเป็นเฉลียงทางเดินทอดยาวและมืดสลัว
“นี่มันอะไรกัน?”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “น่าสนใจดีนี่”
ปรากฏว่าด้านในตึกมีการสร้างค่ายอาคมเอาไว้เช่นกัน สองข้างทางเดินมีประตูตั้งเรียงราย แต่ประตูทุกบานปิดสนิท เพียงสะท้อนประกายโลหะออกมาเท่านั้น
หลังบานประตูเหล่านี้คงเป็นห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้เป็นลูกสมุนของหลินซิงเฉิง
เบื้องหลังบานประตูที่ปิดสนิท คงไม่ต่างไปจากโลกอีกใบที่ตัดขาดจากสิ่งแวดล้อมโดยสิ้นเชิง
แต่เฉลียงทางเดินนี้น่าจะเป็นของจริง
ถึงกระนั้นก็ตาม ค่ายอาคมที่จัดวางเอาไว้ก็สามารถทำให้ผู้ก้าวเดินรู้สึกว่าเฉลียงทางเดินแห่งนี้มีความยาวไกลไม่สิ้นสุด ไม่ว่าเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงปลายทางสักที
แต่สำหรับหลินเป่ยเฉิน นี่คือสิ่งที่ไร้ความหมาย
เพราะว่าเขามีแอปไป่ตู้ แมป
เขาค้นหาเส้นทางไปยังห้องประจำตำแหน่งของหลินซิงเฉิง หลังจากนั้น ลูกศรสีฟ้าก็ชี้นำเส้นทางไปตลอดเวลา
คุ้มค่ากับสัญญาณอินเทอร์เน็ตและเงินที่เสียไป
ใช่ เขายังต้องเสียเงินอีกด้วย
นับว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้เป็นเครื่องมือล้างผลาญเงินทองของหลินเป่ยเฉินโดยแท้
แม้มันจะสร้างปาฏิหาริย์ให้กับเขามากมาย แต่มันก็ขูดเลือดขูดเนื้อหลินเป่ยเฉินไม่น้อยเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีปัญหากวนใจ
เขาเดินตามการนำทางของลูกศรสีฟ้า จากนั้นก็เดินข้ามเฉลียงทางเดินที่มืดสลัว สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ไปถึงพื้นที่โล่งแห่งหนึ่งที่มีขนาดเท่ากับสนามบาสเกตบอล
ชายฉกรรจ์ที่มีขนาดตัวใหญ่โตมากกว่าหลินเป่ยเฉินสองเท่ากำลังยืนอยู่กลางลานโล่งนั้น
“ถ้าอยากจะขึ้นชั้นสอง เจ้าต้องผ่านข้าไปให้ได้ก่อน”
ยักษ์ใหญ่พูดเสียงดังกังวานปานฟ้าผ่า
คลื่นพลังหมุนเวียนออกมาจากปากและจมูกของยักษ์ใหญ่ผู้นี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่งผลให้มวลอากาศในลานโล่งปั่นป่วนขึ้นทันที
หลินเป่ยเฉินจ้องมองฝ่ายตรงข้ามเขม็ง
กล้ามเนื้อกำยำ เส้นเลือดปูดโปนไม่ต่างจากเถาวัลย์ไม้เลื้อย ผิวหนังน่าจะแข็งแกร่งไม่ต่างจากโลหะ เส้นเลือดเต้นตุบ ๆ สามารถมองเห็นการไหลเวียนของโลหิตได้อย่างชัดเจน
นี่ก็เป็นผู้ฝึกวิชาที่เน้นความแข็งแกร่งทางร่างกายอีกเช่นกัน
พลังกดดันหนักหน่วงไม่แพ้เฟิงเสี่ยวไป๋
นี่คือผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ
“หลินซิงเฉิงมียอดฝีมืออยู่ทั้งหมดสามสิบคน ไม่ทราบว่าเจ้าอยู่ลำดับที่เท่าไหร่?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
ยักษ์ใหญ่ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ข้ามีนามว่าขุนเขาผ่านทีเซินอู่ตี๋ ในยอดฝีมือสามสิบคนของท่านรองผู้คุมสภาหลิน ข้าเป็นยอดฝีมืออันดับที่สามสิบ …เด็กน้อย เจ้าคงนำชีวิตของตนเองมาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว”
“มารดาของเจ้าเคยเป็นแม่ค้าหรืออย่างไร? เหตุไฉนจึงได้พูดมากเสียจริง?”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปหาด้วยความรวดเร็ว
“ข้าจะตัดหัวของเจ้าเอาไปต้มในหม้อแกง และจะควักหัวใจของเจ้าออกมากิน…”
เซินอู่ตี๋ยิ้มด้วยความวิปริต ก่อนจะก้าวเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินเช่นกัน
เขาขยับแขน
มวลอากาศปั่นป่วนกลายเป็นพายุหมุนลูกหนึ่งพุ่งเข้าหาหลินเป่ยเฉิน
นี่คือวิชาลับเฉพาะตัวของเซินอู่ตี๋
ร่างกายที่แข็งแกร่ง พลังการโจมตีที่น่าหวาดกลัว…
เพียงอาศัยพละกำลังในร่างกายอย่างเดียว เซินอู่ตี๋ก็สามารถฆ่าคนได้เป็นพันคนแล้ว
วูบ!
หลินเป่ยเฉินยกมือซ้ายของตนเองขึ้นและเหวี่ยงหมัดออกไป
สีหน้าของเซินอู่ตี๋แปรเปลี่ยนไปทันที
เขาสัมผัสได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่พุ่งเข้ามาใส่ใบหน้า มวลอากาศบีบตัว ผู้คนหายใจไม่ออก กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาพลิ้วไหวเป็นระลอกคลื่น
“เจ้าก็ฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายเช่นกันหรือ?”
เซินอู่ตี๋ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินจะมีความแข็งแกร่งของร่างกายสูงล้ำถึงเพียงนี้
และพลังการโจมตีก็น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
เซินอู่ตี๋ยกมือขึ้นมาไขว้กันป้องกันหน้าอก ก่อนที่จะโน้มตัวมาด้านหน้าและกระแทกหัวไหล่ขวาออกไปเป็นท่าการจู่โจมอันพลิกแพลงพิสดาร
“วิชาไหมฟ้าภูผาเหล็ก!”
พลั่ก!
กำปั้นของเด็กหนุ่มปะทะเข้ากับหัวไหล่ของเซินอู่ตี๋
ร่างของเซินอู่ตี๋สั่นสะเทือน
ตู้ม!
มวลอากาศระเบิดตัว
คลื่นแรงสั่นสะเทือนรอบกายไม่ต่างไปจากน้ำที่กำลังเดือดปุด
เส้นผมสีดำของเซินอู่ตี๋ปลิวไสวไปด้านหลัง โลหิตไหลทะลักออกมาจากรูขุมขนบนแขนขวา…
แต่เขายังคงไม่ถอยหนี
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ …เจ้าฝึกวิชาตามวิถีเดียวกับข้า ไม่ทราบว่าเพลงหมัดของเจ้านั้นมีชื่อว่าอันใดหรือ?”
เซินอู่ตี๋ยังคงยกมือป้องกันหน้าอกและจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉิน
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”
หลินเป่ยเฉินเหวี่ยงหมัดออกมาอีกครั้ง
เซินอู่ตี๋ยังคงไม่เคลื่อนไหว เพียงปล่อยให้หมัดนั้นกระแทกศีรษะตนเอง โลหิตสาดกระจาย แล้วศีรษะของเขาก็ระเบิดเป็นม่านหมอกเลือด
ไม่ใช่ว่าเซินอู่ตี๋ไม่อยากหลบหนี
แต่เป็นเพราะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินได้ทำลายความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายของเซินอู่ตี๋หมดสิ้น เซินอู่ตี๋จึงไม่มีทางหลบหนีได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินสะบัดเลือดออกไปจากกำปั้นของตนเองด้วยสีหน้าเย็นชา
ความตายของสุนัขรับใช้ประจำตัวหลินซิงเฉิงไม่มีค่าให้เวทนาอันใด!!