เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1726 บุกขึ้นชั้นสอง
ตอนที่ 1,726 บุกขึ้นชั้นสอง
อีกอย่าง คนที่เขาเพิ่งฆ่าตายไปเมื่อสักครู่นี้ก็เป็นคนเลว!
หืม?
เดี๋ยวก่อนนะ ว่าแต่ทำไมเขาถึงระเบิดศีรษะคู่ต่อสู้อีกแล้วเนี่ย?
สงสัยจะติดเป็นนิสัยซะแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินโยนระเบิดควันออกไป
เมื่อควันฟุ้งตลบ เขาก็ใช้มือซ้ายแตะไปยังซากศพไร้ศีรษะของเซินอู่ตี๋และเริ่มดูดกลืนพลังอย่างไม่รอช้า
การดูดกลืนพลังคือไพ่ตายของหลินเป่ยเฉิน
จะให้ผู้อื่นค้นพบความสามารถนี้ของเขาไม่ได้เด็ดขาด
พลังปราณถูกดูดซึมเข้ามาสู่แขนซ้าย
แล้วซากศพของเซินอู่ตี๋ก็เหี่ยวแห้งลงไปก่อนจะกลายเป็นเพียงกลุ่มผงธุลีในพริบตา
“หืม?”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณจากเซินอู่ตี๋ไม่ได้ถูกกักเก็บอยู่ในแขนซ้ายและมือซ้าย แต่พวกมันถูกกระจายเข้าสู่มวลกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
หรือว่าหากเขาดูดพลังจากผู้ที่ฝึกวิชาโดยเน้นความแข็งแกร่งของร่างกาย พลังปราณเหล่านั้นก็จะถูกถ่ายเทเข้าสู่มวลกล้ามเนื้อโดยทันที ไม่ต้องรอให้เขาโคจรพลังอีกแล้ว?
หลังจากนั้นสิบลมหายใจ
“ทำไมเหมือนตัวเรามันใหญ่ขึ้นเลยวะ”
ร่างกายของหลินเป่ยเฉินใหญ่ขึ้นจริง ๆ
ในขณะนี้ มัดกล้ามเนื้อของเขากำยำบึกบึนมากกว่าเก่าและเด็กหนุ่มก็มีส่วนสูงเกือบสองเมตรแล้ว
ในร่างกายเต็มไปด้วยคลื่นพลังไหลเวียนพลุ่งพล่าน
พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
“ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเราน่าจะเทียบเท่ากับจอมเทพจักรพรรดิขั้นที่ 3 แล้ว… เฮ้อ แบบนี้อีกหน่อยเราได้มีหวังกลายเป็นมนุษย์ยักษ์แน่ ๆ”
หลินเป่ยเฉินเคลื่อนไหวร่างกายในกลุ่มหมอกควัน
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เขาก็เก็บกองเถ้าธุลีบนพื้นดินโดยไม่เหลือร่องรอยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่หลินเป่ยเฉินจะพลันรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในมวลกล้ามเนื้อของตนเอง
การฝึกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณมาถึงจุดคอขวดได้ระยะหนึ่งแล้ว
แต่การดูดซับพลังจากเซินอู่ตี๋เมื่อสักครู่นี้ ทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถเลื่อนขั้นวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณจากขั้นที่ 2 ขึ้นสู่ขั้นที่ 3 ได้สำเร็จ
หมอกควันจากระเบิดควันจางหายไป
ร่างของหลินเป่ยเฉินไม่ได้อยู่ในชั้นที่หนึ่งอีกต่อไป
หลินซิงเฉิงผู้รับชมการต่อสู้ผ่านทางค่ายอาคมพิเศษขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมอกควันพวกนี้คืออะไรกัน? มันสามารถบดบังได้แม้แต่การสอดส่องของค่ายอาคมพิเศษ อีกทั้งยังไม่สามารถตรวจจับคลื่นพลังที่อยู่ในกลุ่มหมอกควันได้อีก… หรือว่านี่จะเป็นวิชาลับเฉพาะตัวของหลินเป่ยเฉิน…”
ศพของเซินอู่ตี๋ก็หายไปเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินนำศพไปด้วยเพื่ออะไร?
หลินซิงเฉิงได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
หลังจากนั้น
เด็กหนุ่มก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นสอง
บุรุษหนุ่มผู้สวมใส่อาภรณ์สีขาวและมีรอยยิ้มอำมหิตยืนรอเขาอยู่กลางทางเดิน รอบกายของบุรุษหนุ่มผู้นี้มีคมกระบี่ไร้ด้ามจับกำลังเต้นระบำอยู่ในอากาศ
“เจ้าขึ้นมาที่นี่ช้ากว่าที่ข้าคิดเอาไว้”
บุรุษหนุ่มมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความผิดหวัง “สู้กับเศษสวะอย่างเซินอู่ตี๋ เจ้ายังต้องใช้เวลาถึงชงน้ำชาหนึ่งถ้วย หลินเป่ยเฉิน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินคร้านเกินกว่าจะกล่าวตอบโต้กลับไป
ปัง! ปัง! ปัง!
เขายกปืน AK47 ในมือขึ้นยิงโดยไม่ลังเล
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ประกายไฟสาดกระจายในอากาศ
กระสุนปืนของหลินเป่ยเฉินถูกป้องกันได้
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน
ปรากฏว่าสิ่งที่ป้องกันกระสุนปืน AK47 ก็คือกระบี่ที่บินอยู่รอบกายบุรุษหนุ่มชุดขาวนั่นเอง
คมกระบี่พลิ้วไหวโค้งงออย่างสวยงาม มันเคลื่อนที่ไม่ต่างจากปีกจักจั่น และกระบี่บางเล่มก็รวดเร็วเสียจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น เมื่อลูกกระสุนพุ่งเข้าไป กระบี่เหล่านั้นก็สามารถตวัดปัดป้องได้อย่างแม่นยำ
นี่คืออาวุธเล่นแร่แปรธาตุชนิดหนึ่ง
แต่กระบี่บินได้เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของหลินเป่ยเฉิน
ประเด็นก็คือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาในขณะนี้คือคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากคู่ต่อสู้ต่างหาก
นั่นไม่ใช่พลังปราณ
และไม่ใช่พลังของมวลกล้ามเนื้อ
อีกทั้งยังไม่ใช่พลังของค่ายอาคม
แต่เป็น…
พลังจิต?
กระบี่บินทั้งยี่สิบเล่มเคลื่อนไหวราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต
พวกมันโค้งงออย่างสวยงาม
การเคลื่อนไหวของกระบี่พลิ้วไหวดั่งสายน้ำ โดยที่มีบุรุษหนุ่มชุดขาวเป็นจุดศูนย์กลาง นี่คือภาพที่เหนือจินตนาการของมนุษย์ แต่มันก็เป็นความจริง
ด้วยเหตุนี้เอง การโจมตีด้วยปืน AK47 จึงล้มเหลว
“เจ้าคงเป็นผู้ใช้สายเลือดจอมเวทสินะ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาด้วยความสงสัย
บุรุษหนุ่มในชุดขาวคลี่ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “ใช่แล้ว ข้าคือผู้ใช้สายเลือดจอมเวท วิถีการฝึกวิชาของสายเลือดนี้เหมาะสมสำหรับผู้เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้น เพราะคนผู้นั้นต้องมีความรอบรู้ในศาสตร์ของ…”
“พอได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นชูนิ้วกลาง
เขาไม่เข้าใจหรอกว่าผู้ใช้สายเลือดจอมเวทสูงส่งเพียงใด
“งั้นข้าจะใช้ชีวิตของเจ้าเป็นสิ่งพิสูจน์ความสูงส่งของข้า”
ดวงตาของบุรุษหนุ่มชุดขาวเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร สองมือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากนักเชิดหุ่นกระบอกที่กำลังร่ายรำ
มวลอากาศปั่นป่วน
แล้วกระบี่สิบเล่มก็พุ่งออกมา
กระบี่แต่ละเล่มมีความบางเบา ดังนั้น เวลาเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วจึงมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น พวกมันพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินเป่ยเฉินจากรอบทิศทาง ทั้งแทงทั้งฟันใส่ร่างกายของเขา
ร่างกายของหลินเป่ยเฉินสั่นเทา
“ฮ่า ๆๆ เจ้าคงรู้สึกได้ถึงความตายที่คืบคลานเข้ามาแล้วสินะ?”
บุรุษหนุ่มชุดขาวเงยหน้าหัวเราะด้วยความสะใจ “หลังจากนี้… โลหิตของเจ้าก็จะสาดกระจาย…”
“เอ๋?”
บุรุษหนุ่มชุดขาวอุทานออกมา เนื่องจากโลหิตไม่ได้สาดกระจายอย่างที่ควรจะเป็น
รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปและถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ
“มีปัญญาทำได้เพียงเท่านี้เองหรือ?”
ร่างกายของหลินเป่ยเฉินสั่นกระตุกเล็กน้อย
กระบี่บินได้ที่โจมตีใส่เขาก่อนหน้านี้แหลกสลายกลายเป็นผุยผงหมดแล้ว
“เจ้าทำให้ข้าจั๊กจี้ชอบกล”
หลินเป่ยเฉินระเบิดพลังกดดันของตนเองออกมา
ในเวลานี้ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวผู้ใดอีกแล้ว
การบรรลุขั้นที่ 3 ของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณทำให้ผิวหนังของเด็กหนุ่มแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น คมกระบี่นับสิบเล่มเมื่อสักครู่นี้จึงไม่ระคายผิวของเขาเลยแม้แต่น้อย!!