เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1728 เดินหน้าฆ่ามัน
ตอนที่ 1,728 เดินหน้าฆ่ามัน
เผ่าพันธุ์มนุษย์มีวิถีการฝึกวิชายี่สิบสี่สายเลือดหลักและสายเลือดผู้ใช้พิษก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ว่าแต่สายเลือดนักปรุงยากับสายเลือดผู้ใช้พิษต่างกันตรงไหนวะ?”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความสงสัยขณะเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่
ห้องต่าง ๆ ที่อยู่สองข้างทางเดินปิดประตูเหล็กแน่นหนา
เมื่อเดินตามการนำทางของแอปไป่ตู้ แมป หลินเป่ยเฉินก็มาถึงพื้นที่ใจกลางชั้นที่สี่อย่างรวดเร็ว
บรรยากาศเงียบสงบ
ได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นใต้ฝ่าเท้า
หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองลงไปและพบว่ารองเท้าของตนเองนั้นปกคลุมไปด้วยฝุ่นสีเขียว รองเท้าที่เขาใส่นั้นเป็นรองเท้าบูทโลหะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเกราะเล่นแร่แปรธาตุระดับ 15 เสียงแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากฝุ่นพิษที่กัดกินผ่านรองเท้าและกำลังละลายผิวหนังของเขาอยู่นั่นเอง
ละลายผิวหนังและกัดกร่อนกระดูก ทำให้ผู้คนเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้
นี่คือสรรพคุณของยาพิษผงเขียว
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวของตนเองเชื่องช้าลง
ยังมีผงพิษอีกห้าสีห้าชนิดลอยตลบขึ้นมาในอากาศ
เมื่อสูดดมเข้าไป ผงพิษเหล่านั้นก็แทรกซึมผ่านจมูกไหลเวียนลงสู่ระบบทางเดินหายใจ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกแสบจมูกเหมือนสูดดมพริกไทยเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทุกอย่างก็จบลง
หลินเป่ยเฉินจามออกมา ก่อนจะยกปืน AK47 ขึ้นสาดกระสุน
โลหิตสาดกระจายในอากาศ
พลัน สตรีคิ้วหนาผู้หนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าแปลกประหลาดก็ปรากฏกายขึ้น ทั่วร่างกายของนางเต็มไปด้วยรูพรุน นางล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าตกตะลึงและจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
ยาพิษที่นางใช้ในบริเวณนี้มีความรุนแรงเพียงพอที่จะฆ่าอสูรดาราได้ด้วยซ้ำ
ต่อให้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ เมื่อสูดดมผงพิษเหล่านั้นเข้าไป ก็จะต้องสูญเสียทักษะการต่อสู้ไปทั้งหมด
แต่หลินเป่ยเฉินไม่เป็นอะไรเลยได้อย่างไร?
มิหนำซ้ำ
เขายังรู้ตำแหน่งที่อยู่ของนางอย่างชัดเจนและการโจมตีด้วยวิชาปราณกระบี่คงกระพันก็ไม่ได้มีพลังเสื่อมถอยลงเลย
ความตายติดตามมา
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปยังศพของสตรีผู้ใช้ยาพิษเบื้องหน้าตนเองด้วยความประหลาดใจ
เพียงเท่านี้เองหรือ?
ตายแล้วจริงหรือ?
ผู้ใช้พิษนี่ช่างอ่อนแอกันจริง ๆ
ร่างกายบอบบางยิ่งกว่าตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
เด็กหนุ่มกลืนยาถอนพิษเข้าไปอีกหลายเม็ดเพื่อกำจัดพิษที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
จากนั้นจึงเริ่มต้นการสำรวจซากศพ
สตรีผู้นี้มีกระเป๋าเก็บของวิเศษอยู่ถึงเก้าใบ ซึ่งแต่ละใบก็จะบรรจุยาพิษแต่ละชนิดแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นผงพิษสีสันต่าง ๆ พิษที่สกัดออกมาจากสัตว์ร้าย พิษที่สกัดออกมาจากสมุนไพรพิษ พิษที่สกัดออกมาจากแมลงและวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ ยังมีแท่งตำลึงเงินและตำลึงทองอีกส่วนหนึ่ง เช่นเดียวกับคัมภีร์การหลอมยาพิษอีกหลายเล่ม
ในคัมภีร์เหล่านั้นมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่ออ่านคัมภีร์เล่มหนึ่ง หลินเป่ยเฉินก็ได้รับทราบว่าสตรีผู้นี้มีนามว่าลั่วหนาน สังกัดอยู่สำนักหมื่นพิษ นางเชี่ยวชาญเรื่องการจัดเตรียมยาพิษ โดยเฉพาะยาพิษปีศาจกรีดหัวใจ ซึ่งสามารถฆ่าได้แม้แต่จอมเทพจักรพรรดิระดับ 5
“มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ก่อกรรมทำเข็ญกับผู้อื่นเสียเปล่า… ตายไปนั่นแหละดีแล้ว” หลินเป่ยเฉินโคจรพลังภายในร่างกายของตนเองก่อนจุดไฟเผาศพของลั่วหนาน
แนวทางการฝึกวิชาของนางพิสดารมากเกินไป พลังปราณในร่างกายอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 เท่านั้น ไม่มีค่าให้หลินเป่ยเฉินดูดกลืนพลัง นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายถึงความตายอันง่ายดายของลั่วหนาน สำหรับผู้ที่ใช้ยาพิษเป็นอาวุธหลัก เมื่อยาพิษใช้ไม่ได้ผล ฝันร้ายก็จะมาเยือนโดยทันที
แล้วหลินเป่ยเฉินก็เดินออกไปจากชั้นที่สี่
…
“มีความสามารถในการต้านพิษ…”
“ผู้ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้คงกระพันมีความสามารถเช่นนี้เหมือนกันหมดหรือไม่?”
“ความแข็งแกร่งของร่างกายมีมากกว่าลำดับชั้นของพลังปราณ…”
“พิษไม่สามารถส่งผลต่อปราณกระบี่คงกระพัน…”
“ครั้งนี้เขาไม่ได้เล่นงานที่ศีรษะของคู่ต่อสู้ แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งศพของคู่ต่อสู้เอาไว้อยู่ดี”
“แต่ดูเหมือนเราจะรวบรวมข้อมูลของหลินเป่ยเฉินมาได้ไม่น้อยแล้วสินะ”
ในห้องประจำตำแหน่งบนชั้นที่สามสิบสาม หลินซิงเฉิงทบทวนข้อมูลของตนเองด้วยความรอบคอบ
บรรดาองครักษ์ของเขาที่เฝ้าอยู่ตามชั้นต่าง ๆ นั้น จัดว่าเป็นยอดฝีมือในกลุ่มยอดฝีมือ กว่าจะเลี้ยงดูกลุ่มคนเหล่านี้ให้ยอมทำงานให้เขาได้สำเร็จ หลินซิงเฉิงก็ต้องสูญเสียทรัพยากรและเงินทองไปเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเห็นองครักษ์เหล่านั้นถูกฆ่าตายไปทีละคนทีละคน สีหน้าของหลินซิงเฉิงกลับไม่ปรากฏความรู้สึกใด ๆ แม้แต่น้อย
ก็แค่สุนัขรับใช้ของเขาเท่านั้น
ถึงอย่างไร ผู้ที่จะรอดชีวิตในท้ายที่สุดก็มีแค่เขาคนเดียวอยู่แล้ว
หลินซิงเฉิงยังคงเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของหลินเป่ยเฉินผ่านทางค่ายอาคมพิเศษต่อไป
บนชั้นที่ห้า คู่ต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินมีนามว่าโจวไห่หลง มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2 เป็นผู้ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้แปลงกาย
โจวไห่หลงได้รับการฉีดหยดเลือดมังกรโบราณเข้าสู่ร่างกาย เขาจึงสามารถแปลงกายเป็นมังกรป่าพร้อมกับมีพลังการต่อสู้เพิ่มพูนมากขึ้น แต่ถึงกระนั้น โจวไห่หลงในร่างมังกรป่าก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉินในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น
หมอกควันสีขาวปกคลุมบรรยากาศ
เมื่อหมอกควันจางหายไป พื้นที่ต่อสู้ของชั้นที่ห้าก็ว่างเปล่าแล้ว
“หลินเป่ยเฉินดูดซับเลือดมังกรป่าและทำลายซากศพของโจวไห่หลง…”
หลินซิงเฉิงเริ่มจับต้นชนปลายได้อย่างแน่ชัด
เขาถึงกับคิดสงสัยว่า… บางทีหลินเป่ยเฉินอาจจะฝึกวิชาตามสายเลือดผู้แปลงกายก็เป็นได้กระมัง?
แต่หลินเป่ยเฉินมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ? แล้วเขาจะฝึกวิชาหลายแขนงได้อย่างไร?
ภาพที่แสดงอยู่บนค่ายอาคมพิเศษเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
บนชั้นที่หก แม้แต่ว่านเจิ้นซาน ผู้ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้กลืนกินที่สามารถดูดซับพลังทุกสิ่งทุกอย่างได้นั้น ก็ยังต้องมาถึงแก่ความตายด้วยน้ำมือของหลินเป่ยเฉิน…
ต่อไปที่ชั้นที่เจ็ด…
ตามด้วยชั้นที่แปด
…
บนชั้นที่แปดของตึกเฉิงซิน
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะบุกขึ้นมาถึงที่นี่ได้สำเร็จ…”
ถังเฟยเป็นชายฉกรรจ์หัวโล้น ใบหน้าชั่วร้าย เวลายิงฟันยิ้มแทบไม่ต่างจากกอลัมในเรื่อง Lord of the Rings ฟันของเขาคมราวกับกริช “แต่หนทางของเจ้าสิ้นสุดลงแล้ว รู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด?”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “เจ้าหมาเน่าอัปลักษณ์ คิดจะถ่วงเวลาหรือ?”
“โง่เง่า”
ถังเฟยหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “เพราะว่าข้าคือผู้ใช้สายเลือดปีศาจไงล่ะ ไม่มีผู้ใดสามารถสังหารข้าได้… ต่อให้เป็นปราณกระบี่คงกระพันของเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้ทั้งนั้น…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ถังเฟยก็กระชากแขนซ้ายของตนเองจนหลุดออกจากหัวไหล่และโยนทิ้งไปหน้าตาเฉย
โลหิตพุ่งกระฉูด
แล้วร่างกายของชายอัปลักษณ์ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
แขนของเขางอกออกมาใหม่ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
แล้วแขนข้างที่ถูกโยนทิ้งไปนั้นก็งอกร่างออกมาใหม่กลายเป็นว่าหลินเป่ยเฉินกำลังเผชิญหน้าถังเฟยหน้าอยู่ถึงสองคน
ถังเฟยทั้งสองฉีกกระชากอวัยวะของตนเองต่อไปเรื่อย ๆ
ปรากฏถังเฟยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ที่น่าประหลาดก็คือบรรดาร่างใหม่ของถังเฟยไม่ใช่ภาพมายา
แต่เป็นถังเฟยที่มีร่างกายและเลือดเนื้อจริง ๆ!